คณะรัฐมนตรี คณะที่ 50

นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี

ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน 2535

แถลงนโยบาย เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2535

คำปรารภ

คำแถลงนโยบายของรัฐบาล

2 ท่านประธานรัฐสภาที่เคารพ
ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งให้กระผมเป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศพระบรมราชโองการลงวันที่ 23 กันยายน 2535 และแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี ตามประกาศพระบรมราชโองการ ลงวันที่ 29 กันยายน 2535 นั้น บัดนี้คณะรัฐมนตรีได้กำหนดนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินเรียบร้อยแล้ว จึงขอแถลงต่อรัฐสภา ดังต่อไปนี้การเมือง

1. นโยบายการเมืองและการบริหารราชการ
รัฐบาลนี้ มุ่งเทิดทูนและรักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และ ฒนาสถาบันการเมืองทั้งหลายให้มีความมั่นคง เข้มแข็ง พร้อมที่จะปฏิบัติภารกิจอย่างสมบูรณ์ มีประสิทธิภาพเพื่อรักษาประโยชน์สุขของประชาชน ทั้งจะสนับสนุนให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมทางการเมืองตั้งแต่ระดับท้องถิ่นจนถึงระดับชาติ โดยจะดำเนินการดังนี้1.1 สนับสนุนการดำเนินการเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ให้เป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น1.2 สนับสนุนกิจการของรัฐสภา ให้เอื้ออำนวยต่อการที่สมาชิกรัฐสภาจะทำหน้าที่ของตนอย่างมีประสิทธิภาพ1.3 ปรับปรุงกฎหมายพรรคการเมือง ให้สามารถรับการสนับสนุนจากรัฐและเอกชนได้ รวมทั้งให้พรรคการเมืองมีบทบาทในการพัฒนาการเมืองยิ่งขึ้น1.4 ปรับปรุงกฎหมายเลือกตั้งและกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการเลือกตั้งทุกระดับเป็นไปโดยบริสุทธิ์ ยุติธรรมและสนับสนุนให้มีการจัดตั้งองค์กรอิสระเพื่อสอดส่องดูแลการเลือกตั้งดังกล่าว1.5ปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อให้รัฐสภามีบทบาท มากขึ้นในการตรวจสอบการรับจ่ายเงินของแผ่นดิน1.6 ส่งเสริมให้สถาบันการศึกษาทุกระดับและสื่อสารมวลชนของรัฐและเอกชนมีบทบาทในการปลูกฝังความรู้ ความเข้าใจ และความศรัทธาในวิธีการและเนื้อหาสาระของการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขไม่ว่าในด้านทฤษฎีหรือการปฏิบัติ1.7 ส่งเสริมให้สื่อสารมวลชนของรัฐและเอกชน มี สิทธิเสรีภาพในการรับรู้กิจการของรัฐและการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐภายในกรอบของกฎหมาย มี สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพในการเผยแพร่ข่าวสารอย่างเที่ยงตรงเป็นธรรม และรวดเร็ว2 1.8ปรับปรุงและเร่งรัดการอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนโดยจะเน้นการปรับปรุงกระบวนการพิจารณาพิพากษาอรรถคดีและการบังคับคดีให้มีประสิทธิภาพ รวดเร็วและเป็นธรรม ตลอดจนเร่งรัดพัฒนาข้าราชการตุลาการให้มีความชำนาญในอรรถคดีตามสภาพของปัญหาในทางเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปเช่น คดีทรัพย์สินทางปัญญาและ สถาบันตุลาการให้มีเกียรติ ศักดิ์ศรี สามารถดำรงอำนาจอิสระของผู้พิพากษาในการพิจารณาพิพากษาอรรถคดี1.9 พัฒนาบุคลากรและกระบวนการวินิจฉัยเรื่องราวร้องทุกข์ ตลอดจนเตรียมปัจจัยที่เกี่ยวข้องให้พร้อม เพื่อนำไปสู่การจัดตั้งศาลปกครองให้ทันภายใน 4 ปี1.10 กระจายอำนาจการปกครองสู่ท้องถิ่นโดยจัดให้มีการเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นทุกระดับ ตลอดจนเพิ่มบทบาทและอำนาจในการตัดสินใจขององค์กรปกครองท้องถิ่นให้อำนาจในการกำหนดนโยบายการพัฒนาการจัดการทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม และการวางผังเมือง เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการปกครองตนเองในระบอบประชาธิปไตยและจะส่งเสริมให้องค์กรปกครองท้องถิ่นในระดับตำบลเป็นนิติบุคคลเพื่อให้มีความคล่องตัว และร่วมแก้ปัญหาของประชาชนในตำบลได้อย่างมีประสิทธิภาพ1.11 ปรับปรุงหน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคโดยแก้ไขกฎ ระเบียบต่าง ๆ ให้เกิดความเป็นธรรมแก่ประชาชน ลดหรือขจั จำเป็น และปรับปรุงประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่ของรัฐในการปฏิบัติงาน เพื่ออำนวยความสะดวกในการให้บริการแก่ประชาชน1.12 บังคับใช้กฎหมายเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง โดยเร่งรัดและกวดขันให้เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกระดับดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดควบคู่ไปกับการปลูกฝังให้ประชาชนมีจิตสำนึกและตระหนักในการเคารพกฎหมาย ในกรณีที่กฎหมายใดล้าสมัยหรือไม่เป็นธรรมจะดำเนินการปรับปรุงแก้ไขหรือยกเลิกต่อไป3 1.13 เพิ่มประสิทธิภาพระบบงานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมให้สามารถอำนวยความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินแก่ประชาชนได้อย่างทั่วถึงด้วยการพัฒนาคุณภาพของเจ้าหน้าที่ จัดหาเครื่องมือ ตลอดจนพัฒนาเทคโนโลยีที่จำเป็นต่อการปฏิบัติภารกิจ1.14 ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการและหน่วยงานของรัฐ ด้วยการพัฒนาองค์กรและบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ปรับปรุงระบบการควบคุมภายในของหน่วยงานของรัฐ างเคร่งครัดในขณะเดียวกันจะสร้างขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐด้วยการยึดหลักคุณธรรมในการพิจารณาความดีความชอบตลอดจนการปรับปรุงค่าตอบแทน และสวัสดิการให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจอย่างเป็นระบบ1.15 จะดำเนินการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม โดยคำนึงถึงความพร้อมและความจำเป็น เพื่อให้สอดคล้องกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศความมั่นคง การป้องกันประเทศ การทหาร

2. นโยบายด้านความมั่นคง
รัฐบาลตระหนักถึงสถานการณ์ด้านความมั่นคงของโลกและความมั่นคงภายในซึ่งได้เปลี่ยนแปลงไปประกอบกับได้มีการเสริมสร้างสันติภาพและความเข้าใจอันดีระหว่างประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคนี้ รัฐบาลจึงกำหนดนโยบายด้านความมั่นคงในทิศทางใหม่ดังนี้2.1 ปรับปรุงโครงสร้างกองทัพให้มีขนาดกะทัดรัด แต่มีกำลังพลที่เข้มแข็งและอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย เพื่อเป็นหลักประกันในการรักษาเอกราชอธิปไตยและ 2.2 ปรับปรุงระบบกำลังสำรอง และการเรียกเกณฑ์ทหารให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ใหม่ขณะเดียวกันจะส่งเสริมให้มีการร่วมมือในด้านการทหารกับมิตรประเทศให้มากขึ้น2.3 ปรับปรุงหลักสูตรของสถาบันการศึกษาทางทหารทั้งระบบ ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองของประเทศ2.4 ส่งเสริมและพัฒนาบทบาทของกองทัพให้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ รวมถึงการปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจทั้งทางบกและทางทะเล2.5 บำรุงขวัญและกำลังใจของทหารชั้นผู้น้อย ด้วยการปรับปรุงสวัสดิการและจัดให้มีการฝึกอาชีพให้มากขึ้นเพื่อรองรับการประกอบอาชีพเมื่อออกจากประจำการความสงบเรียบร้อยภายใน,การปกครอง,มหาดไทย


สิทธิ เสรีภาพประชาชน ,เอกราช


การต่างประเทศ

3. นโยบายต่างประเทศ
รัฐบาลจะยึดมั่นในพันธกรณีที่มีอยู่กับต่างประเทศตามสนธิสัญญาและความตกลงต่างๆ ทธิมนุษยชนและจะดำเนินนโยบายเพื่อให้บรรลุประโยชน์แห่งชาติ ทั้งในด้านความมั่นคงการเมืองเศรษฐกิจ และสังคม โดยตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลก และภูมิภาคซึ่งให้ความสำคัญต่อความร่วมมือกับนานาชาติทั้งนี้เพื่อเสริมสร้างสถานภาพของประเทศไทยให้มีบทบาทมากขึ้น และมีโอกาสเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเงิน และการคมนาคมในภูมิภาคนี้ โดยจะดำเนินนโยบายดังนี้3.1 ส่งเสริมมิตรภาพ สมานฉันท์ และความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้3.2 เพิ่มพูน และพัฒนาความสัมพันธ์ และความร่วมมือกับประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ทางด้านการเมือง เศรษฐกิจสังคม และวัฒนธรรม รวมทั้งสนับสนุนการรวมตัวทางเศรษฐกิจ โดยการดำเนินการให้เขตการค้าเสรีอาเซียนประสบผลสำเร็จ3.3 ส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศคู่ค้าที่สำคัญและประเทศในภูมิภาคต่างๆภายใต้ระบบการค้าเสรี การแข่งขันอย่างเป็น ร่วมมีบทบาทในการลดความขัดแย้งระหว่างประเทศ อันเนื่องมาจากปัญหาทางการค้าการลงทุน การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา โดยคำนึงถึงความพร้อมภายในประเทศเป็นหลัก3.4 ส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ วิชาการ วัฒนธรรม และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์กับประเทศต่าง ๆ ทั้งในระดับ ทวิภาคี และพหุภาคี โดยเพิ่มบทบาทของไทยในการช่วยเหลือและสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจแก่ประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านอันจะเป็นการกระชับความสัมพันธ์และความเข้าใจระหว่างประชาชนชาวไทยกับประชาชนของประเทศเหล่านั้น2 3.5เสริมสร้างบทบาทของประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศในด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและสมดุล3.6 อำนวยความสะดวก คุ้มครอง ตลอดจนส่งเสริมสิทธิและผลประโยชน์ของคนไทย แรงงานไทย และธุรกิจภาคเอกชนไทยในต่างประเทศการเศรษฐกิจ,พาณิชย์

4. นโยบายเศรษฐกิจ
โดยที่ประชาชนบางส่วนของประเทศยังมีฐานะยากจน มีสภาพความเป็นอยู่ใ ระดับที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ความเจริญทางเศรษฐกิจยังมิได้กระจายไปทั่วถึง รัฐบาลนี้จึงมุ่งเน้นการยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่ของประชาชนในทุกสาขาอาชีพให้สูงขึ้น พร้อมกับการกระจายความเจริญออกสู่ภูมิภาคและชนบท ในขณะเดียวกัน รัฐบาลจะดำเนินนโยบายเศรษฐกิจแบบเสรี โดยใช้กลไกตลาดเป็นหลัก และขจัดการผูกขาดตัดตอน การแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม เพื่อที่จะรักษาอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระดับที่เหมาะสมอย่างต่อเนื่องและมีเสถียรภาพ เสริมสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศให้สามารถแข่งขันกับนานาชาติ และมุ่งพัฒนาองค์ประกอบทางเศรษฐกิจของประเทศให้เจริญก้าวหน้าครบทุกด้านโดยกำหนดนโยบายเพื่อดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายไว้ดังนี้4.1 ด้านการเงินการคลังรัฐบาลจะมุ่งรักษาวินัย และเสถียรภาพทางการเงินการคลังของประเทศควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบการเงินการคลังให้มีความคล่องตัว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นจะดำเนินนโยบายดังนี้4.1.1 ดำเนินนโยบายการเงินการคลังอย่างรัดกุมเพื่อควบคุมอัตรา ัฐบาลและเอกชนให้มีประสิทธิภาพ เหมาะสมกับฐานะการเงินและความจำเป็นทางเศรษฐกิจของประเทศ4.1.2 ปรับปรุงระบบการจัดเก็บภาษีทุกประเภทให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นรวมทั้งปรับโครงสร้างและอัตราภาษีอากรให้ทันสมัย และมีผลเอื้ออำนวยต่อการขยายตัวทางด้านการผลิตการค้าการส่งออก ตลอดจนการลงทุนภายในประเทศ รวมทั้งให้เกิดผลทางด้านลดภาระภาษีแก่ผู้มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลาง2 4.1.3 กำหนดมาตรการทางการเงินการคลัง เพื่อส่งเสริมการกระจายฐานการผลิต การจ้างงาน และการเพิ่มพูนประสิทธิภาพการผลิตในภูมิภาค4.1.4 จัดสรรรายจ่ายเพื่อการลงทุน ขยายบริการสาธารณูปโภคสาธารณูปการขั้นพื้นฐานการบำรุงรักษาสภาพแวดล้อม การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรทั้งในเมืองและชนบทและการเพิ่มปริมาณและคุณภาพของปัจจัยการผลิต ที่รัฐจัดให้แก่เกษตรกรในสัดส่วนสูงขึ้นตั้งแต่ปีงบประมาณ 2536 เป็นต้นไป4.1.5 จัดสรรงบประมาณสนับสนุนภูมิภาคและท้องถิ่น และกระจายอำนาจการบริหารงบประมาณไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่นอย่างจริงจัง รวมทั้ง ที่จัดเก็บในท้องถิ่นใด ตกเป็นของท้องถิ่นนั้น ในอัตราที่เหมาะสม4.1.6 เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานของรัฐวิสาหกิจให้มีฐานะการเงินที่มั่นคงและส่งเสริมให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการประกอบกิจการบริการสาธารณะมากขึ้นเพื่อลดภาระทางการเงินของรัฐ4.1.7 ส่งเสริมการระดมเงินออมภาคเอกชนภายในประเทศอย่างจริงจังด้วยการเสริมสร้างตลาดการเงินและสถาบันการเงินภายในประเทศให้เข้มแข็งมีประสิทธิภาพ รวมทั้งให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรเพื่อส่งเสริมการออมที่มีความจำเป็นในการดำรงชีพของประชาชนเช่น การออมเพื่อที่อยู่อาศัย เพื่อการศึกษาบุตร เพื่อเลี้ยงชีพหลังเกษียณอายุทำงาน ตลอดจนการออมระยะยาวประเภทอื่น ๆ4.1.8 กำกับดูแลสถาบันการเงินทั้งในตลาดเงินและตลาดทุน ให้มีความมั่นคงและมีประสิทธิภาพในการดำเนินงานสอดคล้องกับมาตรฐานสากล เพื่อให้สถาบันการเงินทำหน้าที่กระจายทรัพยากรสู่ภาคเศรษฐกิจต่าง ๆ ตลอดจนตอบสนองความต้องการทางการเงินของประชาชนและธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ3 4.1.9 พัฒนาระบบการเงินเสรี ด้วยการผ่อนคลายการควบคุมที่ไม่จำเป็น และยกเลิกข้อจำกัดต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพและความคล่ คำนึงถึงวินัยและคุณภาพของระบบการเงินควบคู่กันไป4.1.10 จัดตั้งและสนับสนุนบทบาทสถาบันการเงินเฉพาะด้าน เพื่อสนับสนุนการส่งออกโดยจัดตั้งธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า พร้อมกับสนับสนุนการกระจายความเจริญและการลงทุนสู่ภูมิภาค โดยสนับสนุนสถาบันการเงินเฉพาะด้านที่มีอยู่แล้วให้จัดสรรสินเชื่อแก่ภาคการผลิตในภูมิภาคให้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งแก่อุตสาหกรรมขนาดย่อมและอุตสาหกรรมในครัวเรือน4.1.11 รักษาเสถียรภาพและความเชื่อมั่นในค่าเงินบาท โดยยึดระบบการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนที่ผูกพันอยู่กับกลุ่มเงินตราสกุลต่าง ๆ อย่างเหมาะสมต่อไป4.1.12 พัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการเงินในภูมิภาค เพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุน และสร้างความเชื่อมโยงของระบบการเงินไทยกับระบบการเงินของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคนี้4.2 ด้านการเกษตรรัฐบาลตระหนักว่าการแก้ไขความยากจนของเกษตรกรเป็นงานที่ต้องดำเนินการโดยเร่งด่วน และเป็นงานที่ต้องดำเนินการหลายด้านด้วยกัน จึงได้กำหนดนโยบายที่จะยกระดับรายได้ของเกษตรกรให้สูงขึ้นดังนี้ เข้ามามีส่วนร่วมกับภาครัฐบาลและธุรกิจภาคเอกชนในการประสานนโยบายการผลิตการแปรสภาพผลผลิต และการตลาดอย่างเป็นระบบครบวงจร รวมทั้งจะใช้กองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในการรักษาเสถียรภาพของราคาผลิตผลการเกษตร4 4.2.2 ปรับปรุงระบบการผลิตทางการเกษตรให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ และสอดคล้องกับความต้องการของตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ โดยกระจายการผลิตทางการเกษตรให้หลากหลายชนิดมากขึ้นโดยเฉพาะสินค้าเกษตรชนิดใหม่ๆ ที่จะเชื่อมโยงเข้ากับอุตสาหกรรมการเกษตร ตลอดจนส่งเสริมการทำไร่นาสวนผสม การเลี้ยงปศุสัตว์ การเพาะเลี้ยงชายฝั่ง รวมทั้งการทำประมงร่วมกับต่างประเทศ4.2.3 เร่งรัดพัฒนาแหล่งน้ำธรรมชาติ แหล่งน้ำใน ไร่นา ตลอดจนการกระจายการก่อสร้างแหล่งน้ำขนาดเล็ก พัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำใน ลุ่มน้ำต่าง ๆ เพื่อช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและการเกษตรกรรม ใน ระยะยาวจะนำทรัพยากรน้ำจากแหล่งน้ำนานาชาติ เข้ามาใช้ประโยชน์ตามสิทธิที่ประเทศไทยพึงมี รวมทั้งปรับปรุงการบริหารการใช้น้ำชลประทานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สิทธิการถือครองที่ดินให้แก่เกษตรกรผู้ยากไร้และเกษตรกรที่ครอบครองทำกินอยู่ในที่ดินของรัฐประเภทต่างๆโดยจะปรับปรุงกลไกการบริหารและการจัดการของรัฐ ตลอดจนจัดสรรงบประมาณให้สามารถครอบคลุมพื้นที่ได้โดยเฉลี่ยปีละประมาณ 4 ล้านไร่4.2.5 สนับสนุนงานวิจัย และพัฒนาพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ และระบบการเกษตรกรรมให้ทันสมัยและก้าวหน้าอยู่เสมอ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก ตลอดจนจัดหาปัจจัยการผลิตที่มีคุณภาพและราคาเป็นธรรมให้แก่เกษตรกร โดยเฉพาะพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ ปุ๋ยและเคมีเกษตร ทั้งนี้รวมถึงการส่งเสริมให้เอกชนมีส่วนร่วมในการจัดหา การพัฒนาเทคโนโลยี และการกระจายพันธุ์ที่มีคุณภาพให้แก่เกษตรกรด้วย4.2.6สนับสนุนการพัฒนาสถาบันเกษตรกรที่เชื่อมโยงระบบสหกรณ์และองค์กรของเกษตรกรทุกรูปแบบให้เข้มแข็งขึ้น เพื่อเพิ่มพูนอำนาจต่อรองของเกษตรกรกับกลุ่มธุรกิจการค้ารวมทั้งปรับปรุงคุณภาพของเกษตรกร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการ กร และแม่บ้านเกษตรอย่างต่อเนื่อง5 4.2.7 สนับสนุนให้เกษตรกรประกอบกิจกรรมเสริม นอกภาคเกษตรให้มากขึ้น โดยเผยแพร่ความรู้ในการแปรรูปสินค้าเกษตรเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมในครัวเรือน4.2.8 ให้ความช่วยเหลือในการแก้ไขภาวะหนี้สินของเกษตรกรด้วยการจัดให้มีสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ตลอดจนการให้ความช่วยเหลือด้านวิชาการและปัจจัยการผลิตแก่เกษตรกรรายย่อยนอกจากนี้จะปรับปรุงกลไกของรัฐในการอำนวยสินเชื่อการเกษตรให้เหมาะสมสอดคล้องกับเป้าหมายและนโยบายแก้ปัญหาหนี้สินของเกษตรกรอย่างจริงจังด้วย4.2.9 เพิ่มมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกและการตัดไม้ทำลายป่าอนุรักษ์ป่าต้นน้ำลำธารและฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติที่เสื่อมโทรม โดยเร่งรัดการปลูกป่าในพื้นที่อนุรักษ์ที่ถูกบุกรุกทำลายรวมทั้งส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกไม้เศรษฐกิจในที่ดินกรรมสิทธิ์ของตนเอง4.2.10 ปรับปรุงระบบข้อมูลและข่าวสารการเกษตรให้ทันสมัย ถูกต้องและรวดเร็ว ทั้งในระดับภูมิภาคของประเทศและระดับนานาชาติ4.3 ด้านอุตสาหกรรม รัฐบาลจึงมีนโยบายที่จะสนับสนุนให้ภาคอุตสาหกรรมขยายตัวในระดับสูงอย่างต่อเนื่องมีการกระจายไปสู่ภูมิภาคมากยิ่งขึ้นมีพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่ดีและเพียงพอมา รองรับรวมทั้งป้องกันมิให้เกิดปัญหามลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม โดยรัฐบาลจะดำเนินการดังนี้4.3.1 ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตด้วยการส่งเสริมการลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต การตลาด และการจัดการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเร่งพัฒนาฝีมือแรงงานให้มีคุณภาพสูง และเพียงพอต่อความต้องการ รวมทั้งปรับปรุง กฎ ระเบียบ และขั้นตอนการขอนุมัติ และการต่ออายุการประกอบกิจการอุตสาหกรรมให้เอื้ออำนวยต่อการลงทุน ตลอดจนการเพิ่มประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อให้บริการและแนะนำการลงทุน6 4.3.2 เน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายที่จะช่วยสร้างงานในท้องถิ่น ใช้วัตถุดิบในประเทศมาก ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มสูง มีความได้เปรียบในเชิงการผลิตและเป็นพื้นฐานการพัฒนาอุตสาหกรรมต่อเนื่องอันได้แก่อุตสาหกรรมแปรรูปการเกษตรอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อุตสาหกรรมปิโ อุตสาหกรรมงานโลหะและอุตสาหกรรมเหล็ก ตลอดทั้งส่งเสริมระบบการรับช่วงการผลิตให้กระจายไปสู่ภูมิภาคมากขึ้น4.3.3ดำเนินการส่งเสริมให้มีการกระจายการตั้งโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้วัตถุดิบและใช้แรงงานมากออกไปสู่ภูมิภาคและชนบทโดยส่งเสริมให้มีการพัฒนาบริการพื้นฐานที่ได้มาตรฐาน สนับสนุนการลงทุนของภาคเอกชนให้เพียงพอ รวมทั้งจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในส่วนภูมิภาค สนับสนุนให้สถาบันการเงินเพิ่มวงเงินสินเชื่อให้แก่อุตสาหกรรมในต่างจังหวัดโดยเฉพาะอุตสาหกรรมขนาดย่อมและอุตสาหกรรมในครัวเรือน ตลอดจนการประกอบการด้านวิศวกรรม ทั้งที่เป็นการสร้างหรือซ่อมเครื่องยนต์กลไกขนาดเล็ก4.3.4 ปรับปรุงระบบงานด้านการควบคุม และติดตามการกำจัดมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมให้มีประสิทธิภาพ โดยการตรวจสอบโรงงานอย่างสม่ำเสมอ4.3.5 ส่งเสริมและกำหนดมาตรการจูงใจ ให้โรงงานอุตสาหกรรมเข้าอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรม เพื่อให้สามารถควบคุมดูแลด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ การดำเนินงานของรัฐบางประการเช่นการกำหนดและตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานสินค้า การตรวจสอบโรงงาน7 4.4 ด้านการพาณิชย์ระหว่างประเทศเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันทางด้านการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพภายใต้สภาวการณ์ที่มีการกีดกันทางการค้าอย่างรุนแรง รัฐบาลจะดำเนินการดังนี้4.4.1 ส่งเสริมและขจัดอุปสรรคทางด้านการผลิตสินค้าเพื่อการส่งออกทั้งในภาคเกษตร อุตสาหกรรม และบริการให้ตรงตามความต้องการของตลาด4.4.2 สนับสนุนการค้าเสรีภายใต้พันธกรณีทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของชาติโดยคำนึงถึงความพร้อมและขีดความสามารถของประเทศ โดยเฉพาะจะให้ความสำคัญกับการเจรจาข้อตกลงทั่วไปว่าด้วยการค้าและอัตราภาษีศุลกากร และการเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน4.4.3 เสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าแบบพหุภาคีกับกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจต่างๆเช่นกลุ่มประเทศอาเซียน กลุ่มประชาคมเศรษฐกิจยุโรปกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิก กลุ่มประเทศเขตเศรษฐกิจเสรีอเมริกาเหนือเพื่อขยายโอกาสทางการค้า 4.4.4 สนับสนุนความร่วมมือในการเปิดจุดผ่านแดนเพื่อขยายการค้าและการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้าน4.4.5เจรจาแก้ไขข้อตกลงสนธิสัญญา ตลอดจนพันธกรณีในเรื่องน่านน้ำระหว่างประเทศและการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทางทะเล เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศ4.4.6เสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน โดยให้ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ วิชาการ การพัฒนาบุคลากร และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อประโยชน์ร่วมกัน4.4.7ส่งเสริมบทบาทของภาคเอกชนในการวางแผนและกำหนดยุทธวิธีทางการค้ากับต่างประเทศ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ทางการค้าและการลงทุน8 4.5 ด้านการพาณิชย์ภายในประเทศรัฐบาลจะมุ่งเน้นบทบาทในการกำกับดูแล ให้การค้าภายในประเทศดำเนินการไปตามกลไกการตลาดอย่างเป็นธรรมโดยจะดำเนินการดังนี้4.5.1 รักษาระดับราคาสินค้าเกษตรให้มีเสถียรภาพและสอดคล้องกับภาวะตลาดทั้งภายใน และภายนอกประเทศอย่างเป็นธรรม ทั้งจะมุ่งขจัดการเอารัดเอาเปรียบเกษตรกรในเรื่องราคา ปริมาณ และคุณภาพ4.5.2 คุ้มครองผู้บริโภคจากผลกระทบที่เกิดขึ้นโดยการผูกขาดตัดตอน 4.5.3 ปรับปรุงระบบข่าวสารข้อมูลการค้าทั้งในด้านการผลิตและการตลาดให้รวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ เพื่ออำนวยประโยชน์แก่ผู้ผลิต ผู้ค้า และผู้บริโภค4.5.4 ส่งเสริมระบบการประกันภัย เพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจภายในประเทศให้มีความมั่นคงและเติบโตยิ่งขึ้น พร้อมทั้งกำกับดูแลให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้เอาประกันและผู้รับประโยชน์4.6 ด้านการคมนาคมเพื่อพัฒนาและขยายระบบการคมนาคม การสื่อสารและการขนส่งให้ทั่วถึงทันสมัย และรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศและภูมิภาคนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพรัฐบาลจะดำเนินการดังนี้4.6.1 สร้างเส้นทางคมนาคมทางบก ให้กระจายและเชื่อมโยงไปสู่ภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะจะขยายถนนให้มีช่องทางเดินรถแยกการจราจรเป็น4 ช่องทางตลอดเส้นทางสายประธาน สำหรับทางรถไฟจะเร่งรัดปรับเป็นรางคู่ในเส้นทางที่มีความพร้อม4.6.2 แก้ไขปัญหาการจราจรในเมืองใหญ่และเมืองที่เป็นศูนย์กลางการคมนาคมโดยใช้มาตรการด้านผังเมือง การเพิ่มผิวการจราจร การจัดระบบการขนส่งมวลชน หาดังกล่าวที่อาจเกิดขึ้นในเมืองอื่น ๆ ในอนาคต9 4.6.3 วางโครงสร้างพื้นฐานทางด้านการขนส่งและการสื่อสารให้สามารถรองรับความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมในอนาคตโดยส่งเสริมให้เอกชนมีส่วนร่วมในการลงทุน และให้บริการด้านการขนส่งและกิจการสื่อสาร4.6.4 พัฒนาระบบการขนส่งทางน้ำ และการขนส่งชายฝั่งทะเล โดยจัดสร้างท่าเรือขึ้นในจุดที่จะเชื่อมโยงกับการขนส่งทางบก เพื่อลดต้นทุนการขนส่งสินค้าในประเทศและประหยัดการใช้พลังงาน4.6.5 ดำเนินการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินและการขนส่งทางอากาศในภูมิภาคนี้ รวมทั้งขยายการขนส่งทางอากาศภายในประเทศใหัทั่วถึงยิ่งขึ้น4.6.6 พัฒนาข่ายการติดต่อสื่อสารโทรคมนาคมให้ทั่วถึงและทันสมัยโดยนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ เพื่ออำนวยบริการให้สามารถรองรับการเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการเงินในภูมิภาคนี้4.7 ด้านพลังงานเพื่อเร่งรัดพัฒนาแหล่งพลังงานให้สอดคล้องกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ่อสิ่งแวดล้อมรัฐบาลจะดำเนินการดังนี้4.7.1 จัดหาพลังงานไฟฟ้าและพลังงานอื่น ๆ ให้มีปริมาณเพียงพอทันต่อความต้องการ ในระดับราคาที่เหมาะสม ด้วยการเร่งสำรวจและพัฒนาแหล่งพลังงานภายในประเทศ ตลอดจนร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการพัฒนาแหล่งพลังงานและการจัดหาพลังงาน4.7.2 ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการแข่งขันด้านการค้า และการกลั่นน้ำมันอย่างเสรีรวมทั้งขจัดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมภายในประเทศ4.7.3 เร่งกำหนดมาตรการและดำเนินโครงการเพื่อส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและประหยัด0 4.7.4 ส่งเสริมและสนับสนุนให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการดำเนินงานและร่วมทุนกับรัฐด้านพลังงานมากขึ้น4.7.5 กำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษ อันเนื่องมาจากการพัฒนาและการผลิตพลังงาน4.7.6 เร่งรัดและวางมาตรการเพื่อลดปัญหามลพิษที่เกิดจากการใช้พลังงานในรูปแบบต่างๆโดยเฉพาะการใช้ยานพาหนะในเมือง เช่น การกำหนดมาตรฐานไอเสียยานพาหนะใหม่ การกำหนดมาตรการบำรุงรักษาเครื่องยนต์และการปรับปรุงคุณภาพ 4.8 ด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วยเหตุที่การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในทางเศรษฐกิจและสังคมในระยะที่ผ่านมามีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติรัฐบาลจึงกำหนดนโยบายดังนี้4.8.1 กำหนดเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เหมาะสมโดยคำนึงถึงสมรรถนะของดินและศักยภาพของพื้นที่ เช่น เขตพื้นที่เกษตรกรรม พาณิชยกรรมอุตสาหกรรมชุมชน และพื้นที่ป่าอนุรักษ์4.8.2 อนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ทั้งป่าบกและป่าชายเลน โดยสนับสนุนองค์กรท้องถิ่นและประชาชน ให้มีส่วนร่วมในการดูแลรักษาป่าไม้และปลูกสร้างป่าชุมชน4.8.3 เร่งรัดการอนุรักษ์ ควบคุม ดูแลแหล่งน้ำ มิให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมโดยกวดขันให้มีการควบคุมคุณภาพน้ำและเพิ่มขีดความสามารถในการบำบัดน้ำเสียก่อนระบายลงสู่แหล่งน้ำ และแม่น้ำสายหลักทั่วประเทศ รวมทั้งส่งเสริมการร่วมทุนของรัฐและเอกชนในการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียรวม4.8.4 กระจายอำนาจการจัดการสิ่งแวดล้อมจากส่วนกลางไปสู่ส่วนภูมิภาคและท้องถิ่น โดยให้จังหวัดท้องถิ่นและประชาชนมีส่วนร่วมในก 4.8.5 กำหนดมาตรการควบคุมการใช้ประโยชน์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติโดยประกาศเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม และเขตควบคุมมลพิษในพื้นที่วิกฤติ1 4.8.6 ปลูกฝังให้เด็ก เยาวชน และประชาชนตระหนักในความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งสนับสนุนองค์กรเอกชนที่ดำเนินการในเรื่องนี้4.9 ด้านการท่องเที่ยวเพื่อให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวซึ่งทำรายได้ให้แก่ประเทศเป็นจำนวนมาก ได้พัฒนาก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลจึงมีนโยบายดังนี้4.9.1 ส่งเสริมให้เอกชนมีบทบาทในการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโดยรัฐจะเป็นฝ่ายอำนวยความสะดวกและสนับสนุน รวมทั้งจะกำกับดูแลกิจการมัคคุเทศก์ให้มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับและมั่นใจของวงการอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว4.9.2 ส่งเสริมและประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งในระดับประเทศระดับภูมิภาค และระดับนานาชาติ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ชาวต่างประเทศรู้จักประเทศไทยในแง่มุมที่ถูกต้อง และทราบถึงความมีศักยภาพพร้อมมูลทั้งในด้านการท่องเที่ยว การค้า การลงทุนและการจัดกิจกรรมนานาชาติ นี้ โดยเร่งขยายโครงข่ายบริการพื้นฐาน พัฒนาอุตสาหกรรมบริการให้มีมาตรฐาน และเพิ่มประสิทธิภาพของบุคลากรด้านการท่องเที่ยว4.9.4 ส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนท่องเที่ยวในประเทศให้มากขึ้น4.9.5 อนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ และแหล่งท่องเที่ยวให้อยู่ในสภาพที่เอื้ออำนวยต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รวมทั้งดำเนินนโยบายป้องกันและแก้ไขผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอันเกิดจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวนั้นเองการคลัง,การเงิน


การสังคม

8. นโยบายทางสังคม
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ทำให้วิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนต้องปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดปัญหาในหลายด้าน รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยกำหนดนโยบายดังนี้8.1 ด้านการศึกษา8.1.1 เร่งขยายโอกาสการศึกษาในระดับก่อนประถมศึกษาในทุกรูปแบบให้ทั่วถึง โดยมุ่งเน้นการพัฒนาความพร้อมทุกด้านให้แก่เด็กก่อนเข้าเรียนชั้นประถมศึกษา โดยเร็วอย่างมีคุณภาพ ทั้งในระบบและนอกระบบโรงเรียน รวมทั้งสนับสนุนการจัดการศึกษาให้แก่ผู้บกพร่องทางร่างกาย จิตใจ และผู้ด้อยโอกาสกลุ่มอื่น ๆ8.1.3 พัฒนาคุณภาพการศึกษาทุกระดับ ทุกประเภท ทั้งในด้านเนื้อหาสาระและกระบวนการเรียนรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การศึกษาด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อันเป็นฐานสำคัญต่อการประดิษฐ์คิดค้นสิ่งใหม่ที่จำเป็นและเหมาะสมต่อการพัฒนาประเทศ8.1.4เร่งอบรมปลูกฝังให้ประชาชนมีจิตสำนึกถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมในกิจกรรมของสังคมประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ปฏิบัติตนให้เป็นตัวอย่างที่ดีแก่เด็กและเยาวชน ในด้านคุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่เน้นประโยชน์ส่วนรวมโดยเน้นความร่วมมืออย่างจริงจังและใกล้ชิดของสถาบันการศึกษาศาสนา สังคม และครอบครัว8.1.5 จัดให้มีการศึกษาและฝึกอบรมอาชีพทั้งในและนอกระบบโรงเรียนเพื่อพัฒนาคุณภาพฝีมือแรงงานทุกระดับ รวมทั้งส่งเสริมให้เอกชน และสถานประกอบการเข้า
2 8.1.6 ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการใช้ทรัพยากรจากองค์กรภาครัฐและเอกชนสถานประกอบการชุมชน และแหล่งภูมิปัญญาท้องถิ่น ให้มีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาและแลกเปลี่ยนข่าวสารการเรียนรู้8.1.7 กระจายอำนาจการบริหารการศึกษาจากส่วนกลางไปสู่ส่วนภูมิภาคและไปสู่สถานศึกษาให้มากขึ้นโดยการกำหนดขอบข่ายความรับผิดชอบของหน่วยงานทุกระดับอย่างชัดเจนให้สถานศึกษามีความคล่องตัวในการเลือกวิธีการจัดดำเนินงานตามนโยบายรวมทั้งสนับสนุนให้บุคคลและองค์กรในชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาของชุมชนในรูปคณะกรรมการการศึกษา8.1.8 ส่งเสริมให้สถาบันอุดมศึกษาทุกสังกัดมีความคล่องตัวและมีความเป็นอิสระ เพื่อความเป็นเลิศทางวิชาการ8.1.9 ส่งเสริมให้สถาบันการศึกษาทั้งของรัฐและเอกชนมีบทบาทในการพัฒนาท้องถิ่นและประเทศชาติ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในท้องถิ่น โดยเฉพาะสถาบันการศึกษาที่ตั้งอยู่ในท้องถิ่นนั้น ๆ8.1.10 ส่งเสริมบทบาทเอกชนในการร่วมจัดการศึกษาในทุกระดับให้มากยิ่งขึ้น ให้เป็นวิชาชีพอย่างแท้จริง โดยการปรับกระบวนการผลิตและการใช้ ตลอดจนการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง8.1.12 ปรับปรุงสวัสดิการที่เหมาะสมให้แก่บุคลากรในสถาบันการศึกษาทุกระดับ เพื่อสร้างขวัญ กำลังใจ และความภาคภูมิใจในอาชีพ8.1.13 ขยายกองทุนอาหารกลางวันให้ทั่วถึงในระดับก่อนประถมศึกษาและระดับประถมศึกษา เพื่อให้ผู้ที่อยู่ในวัยศึกษาเหล่านั้นได้มีการพัฒนาด้านสุขภาพอนามัยอย่างสมบูรณ์ รวมทั้งสนับสนุนให้มีกองทุนการศึกษาเพื่อช่วยเหลือนักเรียนและนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์3 8.2 ด้านศาสนาและศิลปวัฒนธรรม8.2.1 ทำนุบำรุงศาสนาและส่งเสริมสถาบันทางศาสนา โดยการพัฒนาการศึกษาของสงฆ์และการฝึกอบรมบุคลากรทางศาสนาให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น เพื่อให้เป็นผู้นำในการพัฒนาจิตใจ จริยธรรม และคุณธรรมของประชาชน8.2.2 รณรงค์ให้ประชาชนองค์กร สถาบันต่าง ๆ และชุมชนเข้าร่วมในกิจกรรมการอนุรักษ์ ส่งเสริมและเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทยให้กว้างขวางยิ่งขึ้น8.2.3ดำเนินการให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางความร่วมมือทางการศึกษาการค้นคว้าวิจัย การฝึกอบรม การอนุรักษ์โบราณสถาน โบราณวัตถุของชาต การพัฒนาศิลปวัฒนธรรมในภูมิภาค8.3 ด้านสาธารณสุขเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรในด้านสาธารณสุข รัฐบาลจึงกำหนดนโยบายด้านพัฒนาระบบบริหารและบริการสาธารณสุข ด้านการควบคุมโรคเอดส์ด้านการส่งเสริมสุขภาพ และด้านการผลิตและพัฒนาบุคลากรดังนี้8.3.1 ให้มีระบบบริการสาธารณสุขแห่งชาติ โดยมีเครือข่ายทั่วประเทศและขยายบริการสาธารณสุขในภาครัฐทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่นให้ทั่วถึงรวมทั้งให้มีการประสานงานบริการกับภาคเอกชน และมีระบบการส่งต่อผู้ป่วยที่มีประสิทธิภาพ8.3.2 กระจายอำนาจการบริหารจากส่วนกลางไปสู่ส่วนภูมิภาคมากขึ้น โดยการจัดตั้งสาธารณสุขเขตให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศเพื่อรับผิดชอบการให้บริการด้านการรักษา การส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค ให้สอดคล้องกับความต้องการและปัญหาสาธารณสุขของท้องถิ่น8.3.3 เร่งรัดงานสาธารณสุขมูลฐานในชนบทโดยเพิ่มขีดความสามารถของสถานบริการสาธารณสุขในระดับตำบลรวมทั้งขยายงานและพัฒนาคุณภาพสาธารณสุขมูลฐานในเขตเมือง โดยเฉพาะชุมชนแออัดแสวงหาความร่วมมือจากองค์กรเอกชนในกา สาธารณสุขมูลฐานและผสมผสานการแพทย์แผนโบราณและสมุนไพรเข้ากับระบบบริการสาธารณสุขของชุมชนอย่างเหมาะสม4 8.3.4ปรับปรุงระบบการประกันสุขภาพให้สามารถคุ้มครองลูกจ้างอย่างเหมาะสมโดยเฉพาะในสถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่10คนขึ้นไป ตลอดจนส่งเสริมให้ประชาชนไทยประมาณ25 ล้านคนที่ยังไม่มีหลักประกันสุขภาพได้มีการประกันสุขภาพโดยความสมัครใจ8.3.5ให้มีการสงเคราะห์ด้านการรักษาพยาบาลแก่ครอบครัวผู้มีรายได้น้อย ผู้สูงอายุ เด็กแรกเกิดจนถึง 12 ปี และผู้พิการ โดยให้ได้รับบัตรสงเคราะห์ในการรักษาพยาบาลอย่างทั่วถึง8.3.6 เร่งรัดให้หน่วยงานของรัฐทุกหน่วย ภาคเอกชน และองค์กรเอกชนสาธารณประโยชน์ ร่วมมือกันรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชน ในการป้องกัน โรคเอดส์ เพื่อให้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเสี่ยง8.3.7 จัดให้มีการบริการรักษาผู้ป่วยโรคเอดส์โดยเตรียมบุคลากรไว้อย่างเพียงพอและให้คำปรึกษาแก่ผู้ติดเชื้อ เพื่อให้ผู้ติดเชื้อ สามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างปกติสุข8.3.8 เร่งรัดจัดหาน้ำสะอาดสำหรับอุปโภคบริโภคอย่างทั่วถึง จัดให้มีส้วมที่ถูกสุขลักษณะและเร่งรัดเฝ้าระวังตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัย สิ่งปฏิกูล และขยะติดเชื้อในสถานพยาบาล8.3.9 รณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงโทษของการสูบบุหรี่ การดื่มสุรา และการเสพสารเสพติด ตลอดจนการใช้วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทอย่างทั่วถึง8.3.10 เร่งรัดการผลิต การพัฒนาสมรรถนะบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขให้มีคุณภาพ และมีปริมาณเพียงพอ โดยเน้นการกระจายบุคลากรดังกล่าวไปสู่ชนบทให้มากขึ้น ตลอดจนเสริมสร้างขวัญและกำลังใจ พร้อมทั้งให้ค่าตอบแทนและสวัสดิการแก่บุคลากรทุกระดับอย่างเหมาะสม5 8.4 ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับความปลอดภัยและความเป็นธรรมรัฐบาลจึงกำหนดนโยบายดังนี้8.4.1 เร่งรัดการคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้สินค้าและบริการที่ดี มีความปลอดภัย และมีคุณภาพในราคาที่เป็นธรรม โดยการประชาสัมพันธ์ ให้ความรู้ ตรวจสอบ ครัด8.4.2 ส่งเสริมให้ใช้เทคโนโลยีที่ถูกต้องและเหมาะสมในการผลิตและควบคุมให้การโฆษณาสินค้าและบริการตรงกับความเป็นจริง8.4.3 ปรับปรุงกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคและปรับปรุงองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคให้มีความพร้อมในการทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง8.4.4 ส่งเสริมให้เอกชนรวมตัวกันจัดตั้งองค์กรเพื่อมีบทบาทในการคุ้มครองและรักษาผลประโยชน์ของผู้บริโภคทั้งในส่วนกลางและในส่วนภูมิภาค8.5 ด้านแรงงานรัฐบาลได้ตระหนักถึงบทบาทและความสำคัญของแรงงานในการสนับสนุนการพัฒนาประเทศให้สามารถแข่งขันกับนานาชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงส่งเสริมให้มีการลงทุนร่วมกันระหว่างรัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาความรู้ฝีมือและทักษะ เพิ่มขีดความสามารถในการประกอบอาชีพของผู้ใช้แรงงานทั้งนี้เพื่อสนับสนุนให้ได้รับค่าจ้างที่เหมาะสมและเป็นธรรมรวมทั้งได้รับการคุ้มครองด้านสภาพการทำงาน และการจ้างงานตามกฎหมายอย่างครบถ้วน จึงกำหนดนโยบายดังนี้ แรงงานอย่างเต็มที่ โดยให้มีสิทธิตั้งสหภาพแรงงานเพื่อการคุ้มครองแรงงาน ตลอดจนจัดสวัสดิการให้เข้ามาตรฐานตามหลักสากลนิยมในการปกครองแบบประชาธิปไตย โดยปรับปรุงให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ของประเทศ6 8.5.2 ปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแรงงานรัฐวิสาหกิจ ให้มีสิทธิหน้าที่และความรับผิดชอบในขอบเขตที่เหมาะสมสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาและส่งเสริมเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยการห้ามนัดหยุดงานในกิจการอันเป็นสาธารณูปโภค และสาธารณูปการ8.5.3 ส่งเสริมการฝึกอบรมและพัฒนาฝีมือแรงงานสำหรับกลุ่มผู้ด้อยโอกาสทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานภาคเกษตรในชนบท กลุ่มแรงงานยากจนในเมือง เพื่อเสริมสร้างโอกาสการมีงานทำและช่วยยกระดับรายได้8.5.4 ส่งเสริมและสนับสนุนความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการจัดตั้งสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานและศูนย์ฝึกฝีมือแรงงาน โดยเฉพาะสำหรับแรงงานที่ต้องใช้ฝีมือและความชำนาญสูง8.5.5 ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพส่วนตัวขนาดเล็ก ในด้านข้อมูลทางวิชาการและแหล่งเงินทุนรวมทั้งจัดให้มีการฝึกสอนอาชีพต่ รายได้ให้เยาวชนและแม่บ้านในชนบทในฤดูแล้ง และช่วงรอฤดูการเก็บเกี่ยว8.5.6วางกฎเกณฑ์ในการกำหนด ค่าตอบแทนที่เหมาะสมและเป็นธรรมระหว่างผู้ประกอบการและผู้ใช้แรงงานโดยคำนึงถึงประสิทธิภาพการผลิต และภาวะค่าครองชีพ8.5.7 ส่งเสริมระบบสวัสดิการแรงงานที่เหมาะสม และได้มาตรฐานโดยเฉพาะสำหรับแรงงานก่อสร้างนั้นจะส่งเสริมให้มีการจัดที่พักชั่วคราวที่ถูกสุขลักษณะรวมทั้งการจัดการศึกษาสำหรับบุตรหลานคนงานก่อสร้างในลักษณะโรงเรียนเคลื่อนที่8.5.8 เสริมสร้างระบบแรงงานสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพทั้งระบบทวิภาคีและระบบไตรภาคี เพื่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง ซึ่งจะช่วยลดปัญหาความขัดแย้งที่เป็นผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจ โดยจะดำเนินการอบรมเพื่อให้ผู้ใช้แรงงานมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องสิทธิหน้าที่ความรับผิดชอบและประโยชน์อันจะพึงมีพึงได้ตามกฎหมายแรงงาน7 8.5.9 ส่งเสริมให้มีความปลอดภัย ตลอดจนการพัฒนาให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ดีในการทำงาน โดยปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและ ในการทำงาน8.6 ด้านเด็ก และสตรีเพื่อคุ้มครองสิทธิและให้สวัสดิการแก่เด็กและสตรี รัฐบาลจึงกำหนดนโยบายดังนี้8.6.1 สนับสนุนการจัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในเขตเมืองและชนบททั้งจะปรับปรุงห้องสมุดประชาชน ให้สามารถบริการเด็กและเยาวชนได้อย่างเพียงพอ8.6.2 แก้ปัญหาการเลือกปฏิบัติต่อสตรี โดยการแก้กฎหมาย หรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อเปิดโอกาสให้สตรีสามารถประกอบอาชีพได้เท่าเทียมชาย8.6.3 สนับสนุนสถาบันครอบครัว หน่วยงานภาครัฐและเอกชนสถาบันศาสนาและสื่อสารมวลชนให้มีส่วนร่วมในการป้องกันแก้ปัญหาและพัฒนาเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะปัญหาเด็กจรจัด แรงงานเด็ก โสเภณี และการมัวเมาหรือมีค่านิยมที่ผิดในสิ่งอบายมุข8.6.4 ปลูกฝังค่านิยมพื้นฐานให้แก่เด็กและเยาวชน โดยเฉพาะในเรื่องความมีเหตุผลการยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นความมีน้ำใจนักกีฬาความมีระเบียบวินัยการประหยัด ความศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ารณประโยชน์ให้มากขึ้นรวมทั้งให้ตระหนักในคุณค่าของการปฏิบัติตามหลักธรรมทางศาสนา การยึดมั่นในเอกลักษณ์และศิลปวัฒนธรรมของชาติ ขนบธรรมเนียมประเพณีของท้องถิ่นกำเนิดและการรู้จักคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม8 8.7 ด้านการกีฬา8.7.1 ส่งเสริมและสนับสนุนให้เด็ก เยาวชน และประชาชนพัฒนาสุขภาพอนามัยโดยการออกกำลังกาย การเล่นกีฬา เพื่อเป็นพื้นฐานของการพัฒนาคุณภาพชีวิต และเพื่อความเป็นเลิศในการแข่งขันทั้งในระดับชาติและระดับนานาชาติ8.7.2 เร่งพัฒนามาตรฐานการกีฬาของประเทศอย่างเป็นระบบ และเสริมสร้างสนามกีฬาและอุปกรณ์การกีฬาให้เพียงพอแก่การที่จะเอื้ออำนวยให้นักกีฬาสามารถฝึกซ้อม และเล่นกีฬาได้อย่างเต็มความสามารถ8.7.3 เสริมสร้างสวัสดิการเพื่อบำรุงขวัญและกำลังใจของนักกีฬารวมทั้งสนับสนุนให้ภาคเอกชนมีบทบาทในการส่งเสริมการกีฬาของประเทศมากยิ่งขึ้น8.8 ด้านอื่น ๆเพื่อแก้ไขปัญหาสังคมด้านอื่นๆ ของประเทศ รัฐบาลมีนโยบายจะ 8.8.1 เร่งรัดการป้องกันและแก้ไขปัญหาสารเสพติด โดยใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเฉียบขาดตลอดจนร่วมมือกับสหประชาชาติและมิตรประเทศอย่างใกล้ชิดทั้งจะกวดขันการใช้วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท โดยเน้นการปราบปรามผู้ผลิตและผู้ขายที่ผิดกฎหมายอย่างจริงจัง8.8.2 จัดให้มีระบบป้องกันอุบัติภัย ลดอุบัติเหตุและบรรเทาสาธารณภัย8.8.3 ดูแลฟื้นฟู และพัฒนาผู้ด้อยโอกาส และกลุ่มบุคคลที่สมควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เช่น ผู้พิการ หรือทุพพลภาพ ให้ได้รับการศึกษา การฝึกอาชีพ และการจ้างงานเพื่อให้สามารถพึ่งตนเองได้อย่างภาคภูมิใจ8.8.4 ดูแลความเป็นอยู่ของผู้สูงอายุให้สามารถดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุขวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี

7. นโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เพื่อส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมรัฐบาลจะเร่งรัดพัฒนาขีดความสามารถทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้เป็นปัจจัยที่สำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพ นจึงกำหนดนโยบายดังนี้7.1 ส่งเสริมให้ทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมกันพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้ทันสมัยและนำมาใช้สนับสนุนการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตด้านเกษตรอุตสาหกรรมและการบริการ รวมทั้งการจัดตั้งเขตประมวลและบริการสารสนเทศ7.2 สนับสนุนความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระหว่างภาครัฐกับเอกชนอย่างจริงจังโดยร่วมกันกำหนดทิศทาง ลำดับความสำคัญ และเป้าหมายให้สอดคล้องกับความต้องการทางเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งการเผยแพร่และถ่ายทอดเทคโนโลยีดังกล่าว7.3 สนับสนุนการวิจัยและพัฒนาในภาครัฐ ทั้งในด้านงบประมาณและกำลังคนเพื่อให้มีขีดความสามารถทัดเทียมกับประเทศคู่แข่งขัน โดยเน้นด้านการวิจัยประยุกต์ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสมสำหรับผู้ผลิตในประเทศ โดยเฉพาะผู้ผลิตรายย่อย เพื่อเพิ่มผลผลิตและการจ้างงาน7.4 เร่งรัดให้มีการผลิตและพัฒนาบุคลากรทางด้านวิทยาศาสตร์และเทค อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสนับสนุนให้ภาคเอกชนมีบทบาทในการผลิต และพัฒนาบุคลากรเพิ่มขึ้นโดยจัดสรรทุนการศึกษา การฝึกอบรม การวิจัย ทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้น7.5 ส่งเสริมให้ภาคเอกชนลงทุนในการวิจัยและพัฒนาทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ทดแทนการนำเข้า โดยให้สิทธิพิเศษทางภาษีหรือสิทธิพิเศษอื่น2 7.6 สนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่ทันสมัยจากต่างประเทศ โดยให้สิทธิพิเศษทางภาษีและอำนวยความสะดวกแก่ผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทอดเทคโนโลยีดังกล่าว7.7 ขยายความร่วมมือกับประเทศต่างๆ ในการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการพลังงาน สิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ


การบริหารราชการ





การกระจายรายได้ ความเจริญ สร้างความเป็นธรรมในสังคม

แม้การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในระยะที่ผ่านมา จะประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแต่ความเจริญดังกล่าวยังคงกระจุกตัวอยู่เฉพาะในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มิได้กระจายไปทั่วประเทศ ก่อให้เกิดทั้งปัญหาในกรุงเทพมหานครและปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมในภูมิภาค รัฐบาลจึงมีนโยบายเร่งกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคและชนบทอย่างเป็นระบบดังนี้5.1 กระจายระบบบริการพื้นฐานทางเศรษฐกิจ เช่น ระบบคมนาคมขนส่งระบบสื่อสารโทรคมนาคมประปา ไฟฟ้า โทรศัพท์ ไปสู่ภูมิภาคให้ทั่วถึงและเพียงพอ เพื่อขยายโอกาสการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาค5.2 จัดบริการพื้นฐานทางสังคม เช่น สถานศึกษา สถานพยาบาล ที่อยู่อาศัยที่มีมาตรฐานเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในชนบทอย่างทั่วถึง5.3 สนับสนุนการกระจายการลงทุนของภาคเอกชนในภูมิภาคด้วยมาตรการส่งเสริมการลงทุนในด้านภาษีอากรเป็นพิเศษ และการให้สินเชื่อของสถาบันการเงินทั้งของ 5.4 ส่งเสริมโครงการประเภทต่าง ๆ ของเอกชนทั้งทางด้านธุรกิจการค้าการบริการการเกษตรและอุตสาหกรรม ตามศักยภาพที่มีอยู่ในท้องถิ่น เพื่อนำไปสู่การลงทุนและเพิ่มการสร้างงานในต่างจังหวัดให้มากขึ้น5.5 ส่งเสริมบทบาทของภาคเอกชนให้มีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในท้องถิ่น5.6 พัฒนาแผนงานยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจในแต่ละภูมิภาค ดังนี้5.6.1 ภาคตะวันออก จะพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออกอย่างต่อเนื่องตามขั้นตอนต่อไป เพื่อเป็นฐานเศรษฐกิจที่จะรองรับประชากรอีก 2 ล้านคน2 5.6.2 ภาคใต้ จะวางแผนพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้เพื่อเชื่อมโยงทะเลอันดามันกับอ่าวไทยด้วยสะพานเศรษฐกิจโดยคำนึงถึงการจัดการดูแลด้านสิ่งแวดล้อมด้วย และจะพิจารณาเปิดพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษตามความเหมาะสมในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้5.6.3 ภาคเหนือ จะพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการคมนาคมทางอากาศเพื่อเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะสาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสหภาพพม่า มในลุ่มน้ำเจ้าพระยา เพื่อการเกษตรและการอุปโภคบริโภค5.6.5 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะเร่งรัดพัฒนาแหล่งน้ำ และจะปรับโครงสร้างการผลิตทางเศรษฐกิจ ให้พึ่งพาการเกษตรน้อยลง ตลอดจนส่งเสริมให้เป็นศูนย์กลางการผลิตและประตูการติดต่อค้าขายกับประเทศกลุ่มอินโดจีนทั้งจะพัฒนาโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งเพื่อเชื่อมโยงกับชายฝั่งทะเลตะวันออกอีกด้วยการยุติธรรม,ศาล,ตุลาการ


การเกษตร


การศึกษา


การสาธารณสุข


การแรงงาน


งานเร่งด่วน




6. นโยบายฟื้นฟูบูรณะกรุงเทพมหานคร
เพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ อันเกิดจากการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและไม่มีระบบของกรุงเทพมหานคร รัฐบาลจึงมีนโยบายดังนี้6.1 กำหนดแผนงานและโครงการฟื้นฟูบูรณะกรุงเทพมหานคร เพื่อแก้ไขปัญหาในด้านการจราจร ปัญหาน้ำท่วม ปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ ปัญหาการขาดแคลนที่อยู่อาศัยและปัญหาชุมชนแออัดโดยเร่งรัดการจัดระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน การปรับปรุงระบบรถโดยสารประจำทางและรถไฟโดยสารชานเมืองการก่อสร้างโครงข่ายระบบถนนสายหลักและสายรองให้เชื่อมโยงเป็นตารางการจัดให้มีระบบบำบัดน้ำเสียและการควบคุมมลพิษทางอากาศ การขยายบริการระบบสาธารณูปโภค สาธารณูปการ ให้ได้มาตรฐานเพียงพอและทั่วถึงการก่อสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย การปรับปรุงชุมชนแออัด ตลอดจนการจัดให้มีสวนสาธารณะสนามกีฬา และสนามเด็กเล่นเพิ่มเติมในที่ดินของรัฐ6.2 ดำเนินการระดมทุนในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อใช้ในการปฏิบัติตามโครงการ ว่างรัฐบาลกรุงเทพมหานครและประชาชนผู้ใช้บริการอย่างเป็นธรรม6.3 สนับสนุนการจัดตั้งองค์กรประสานงานที่มีเอกภาพและมีอำนาจตัดสินใจเพื่อรับผิดชอบในการปฏิบัติตามโครงการ ตลอดจนประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการลงทุนตามโครงการต่าง ๆ ของกรุงเทพมหานคร6.4 เร่งรัดการแก้ไขปัญหาน้ำเสียในแม่น้ำเจ้าพระยา และคูคลองต่างๆโดยบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด6.5เร่งรัดแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและชุมชนแออัดโดยสนับสนุนให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการสร้างที่อยู่อาศัยราคาถูก ด้วยการส่งเสริมการลงทุนเป็นกรณีพิเศษ และจัดเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อการนี้ให้เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ จะขยายการจัดบริการระบบสาธารณูปโภคสาธารณูปการโดยเฉพาะน้ำประปาและไฟฟ้าในเขตชุมชนแออัดให้ได้มาตรฐาน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน2 6.6 สนับสนุนให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่มีความพร้อม โยกย้ายไปตั้งที่ทำการนอกกรุงเทพมหานคร เพื่อผ่อนคลายปัญหาการจราจร ชายฝั่งทะเลตะวันออกและเชื่อมโยงกับท่าอากาศยานสากลกรุงเทพ แห่งที่2 ที่หนองงูเห่ารวมทั้งภาคกลางตอนบนเพื่อขยายเขตมหานครออกไปคำลงท้าย

ท่านประธานรัฐสภาที่เคารพ ท่านสมาชิกผู้มีเกียรติ
ในการบริหารราชการแผ่นดินตามนโยบายที่ได้แถลงมาทั้งหมดนี้ กระผมขอให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลจะมุ่งปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน อันเป็นปณิธานสูงสุดของการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาล กระผมเชื่อมั่นว่าจะได้รับความร่วมมือสนับสนุนด้วยดีจากท่านสมาชิกผู้มีเกียรติของรัฐสภา
ขอขอบคุณ

(23 กันยายน 2535 - 19 พฤษภาคม 2538)
รายชื่อคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีคณะที่ 50

2 โดยที่คณะรัฐมนตรีซึ่งมี นายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรี ได้บริหารราชการแผ่นดินอยู่ ได้พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากมีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร ร จำนวน 360 คนในวันที่ 13 กันยายน 2535 ทำให้คณะรัฐมนตรี ที่บริหารราชการอยู่ต้องพ้นจากตำแหน่ง และประธานสภาผู้แทนราษฎรได้นำความ กราบบังคมทูลพระกรุณาว่าได้ ดำเนินการตามวิถีทางในระบอบประชาธิปไตยแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4)พุทธศักราช 2535 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้ง นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรีวันที่ 29 กันยายน 2535 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี2 ดังมีรายนามต่อไปนี้นายชวน หลีกภัย เป็น นายกรัฐมนตรีนายบัญญัติ บรรทัดฐาน เป็น รองนายกรัฐมนตรีนายอำนวย วีรวรรณ เป็น รองนายกรัฐมนตรีนายบุญชู โรจนเสถียร เป็น รองนายกรัฐมนตรีนายศุภชัย พานิชภักดิ์ เป็น รองนายกรัฐมนตรีนายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ เป็น รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีนายสาวิตต์ โพธิวิหค เป็น รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีนายสุรศักดิ์ เทียมประเสริฐ เป็น รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พลเอก วิจิตร สุขมาก เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมพลตรี สมบัติ รอดโพธิ์ทอง เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม3 นายธารินทร์ นิมมานเหมินท์ เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังนายบุญชู ตรีทอง เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังนาวาอากาศตรี ประสงค์ สุ่นศิริ เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นายสวัสดิ์ สืบสายพรหม เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นายถวิล จันทร์ประสงค์ เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พันเอก วินัย สมพงษ์ เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมนายจรัส พั้วช่วย เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมนายไสว พัฒโน เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมนายทวี ไกรคุปต์ เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมนายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายไชยยศ สะสมทรัพย์ เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์นายไพฑูรย์ แก้วทอง เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยนายเด่น โต๊ะมีนา เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยนายสุทัศน์ เงินหมื่น เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยนายเชาวน์วัศ สุดลาภา เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย4 นายสุวิทย์ คุณกิตติ เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมนายพิศาล มูลศาสตรสาทร เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมนายปรีชา มุสิกุล เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมนายสัมพันธ์ ทองสมัคร เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการนายปราโมทย์ สุขุม เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการนายสังข์ทอง ศรีธเรศ เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการนายอดิศร เพียงเกษ เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการนายบุญพันธ์ แขวัฒนะ เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขนายรักเกียรติ สุขธนะ เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขนายเอนก ทับสุวรรณ เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์ เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมนายพรเทพ เตชะไพบูลย์ เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมนายเกียรติชัย ชัยเชาวรัตน์ เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมนายสุเทพ อัตถากร เป็น รัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัย5 วันที่ 15 กันยายน 2536 ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้

1. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี
2. นายเชาวน์วัศ สุดลาภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี
3. นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี
4. นายบุญพันธ์ แขวัฒนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี
5. นายรักเกียรติ สุขธนะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี6 วันที่ 23 กันยายน 2536 ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่าบัดนี้ นายกรัฐมนตรีได้กราบบังคมทูลว่า ได้มีการตั้งกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมขึ้นอีกกระทรวงหนึ่ง และเป็นการสมควรปรับปรุงรัฐมนตรีบางตำแหน่ง เพื่อความเหมาะสม รรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พุทธศักราช 2535และมาตรา 171 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้7 1. นายไสว พัฒโน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม

พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี และแต่งตั้งให้เป็น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
2. นายเอนก ทับสุวรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี และแต่งตั้งให้เป็น
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
3. นายพินิจ จารุสมบัติ เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
4. นายเฉลิมพล สนิทวงศ์ชัย เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
5. พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
อีกตำแหน่งหนึ่ง
6. นายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี และแต่งตั้งให้เป็น
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
7. นายเสริมศักดิ์ การุญ เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม

9. นางเตือนใจ นุอุปละ เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขวันที่ 8 มกราคม 2537 มีพระบรมราชโองการประกาศเรื่องรัฐมนตรีลาออกให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี และแต่งตั้งรัฐมนตรี คือ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมได้ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ความเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม จึงเป็นอันสิ้นสุดลงตามที่ลาออก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ นายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี และแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม8 วันที่ 8 กรกฎาคม 2537 นายอำนวย วีรวรรณ ได้ขอลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ความเป็นรัฐมนตรีของนายอำนวย วีรวรรณ จึงสิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่8 กรกฎาคม 2537วันที่ 14 กรกฎาคม 2537 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นรองนายกรัฐมนตรี วันที่ 12 ตุลาคม 2537 นายจรัส พั้วช่วย ได้ขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ความเป็นรัฐมนตรีของนายจรัส พั้วช่วย จึงสิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 12ตุลาคม 2537วันที่ 19 ตุลาคม 2537 มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องรัฐมนตรีลาออกคือ พลตรี สมบัติ รอดโพธิ์ทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2537 นายถวิล จันทร์ประสงค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอุดมศิลป์ ศรีแสงนาม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายสุเทพ อัตถากร รัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัย ได้ขอลาออก จากตำแหน่งรัฐมนตรีตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2537 ความเป็นรัฐมนตรีของพลตรีสมบัติ รอดโพธิ์ทอง นายถวิล จันทร์ประสงค์นายอุดมศิลป์ ศรีแสงนาม และนายสุเทพ อัตถากร จึงสิ้นสุดลง ตั้งแต่วันที่ลาออกวันที่ 24 ตุลาคม 2537 มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องรัฐมนตรีลาออกคือ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายเฉลิมพล สนิทวงศ์ชัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์และนายเด่น โต๊ะมีนา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2537 ความเป็นรองนายกรัฐมนตรีของพลเอกชวลิตยงใจยุทธ ความเป็นรัฐมนตรีของพันเอกชินวุธ สุนทรสีมะ นายเฉลิมพล สนิทวงศ์ชัย และนายเด่น โต๊ะมีนา จึงสิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ลาออก9 วันที่ 25 ตุลาคม 2537 นายกรัฐมนตรีได้กราบบังคมทูลว่า ได้มีรัฐมนตรีลาออกหลายตำแหน่งสมควรแต่งตั้งรัฐมนตรีแทนตำแหน่งที่ว่าง และปรับปรุงรัฐมนตรีบางตำแหน่ง เพื่อความเหมาะสมและบังเกิดประโยชน์แก่ราชการ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 159 และมาตรา 171 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี ดังนี้
1. ให้รัฐมนตรีดังต่อไปนี้พ้นจากความเป็นรัฐมนตรีนายบุญชู โรจนเสถียร รองนายกรัฐมนตรีนาวาอากาศตรี ประสงค์ สุ่นศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยนายอดิศร เพียงเกษ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
2. ให้แต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้นายสุขวิช รังสิตพล เป็น รองนายกรัฐมนตรีพลตรี จำลอง ศรีเมือง เป็น รองนายกรัฐมนตรีนางพิมพา จันทร์ประสงค์ เป็น รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีพลเรือโท โรช วิภัติภูมิประเทศ เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศนายสมุทร มงคลกิติ เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นายวิชิต สุรพงษ์ชัย เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมนางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมนายฉัตรชัย เอียสกุล เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์นายอุดร ตันติสุนทร เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยนายสฤต สันติเมทนีดล เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการนายทินวัฒน์ มฤคพิทักษ์ เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขนายกระแส ชนะวงศ์ เป็น รัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัย ือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้ขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2537 ความเป็นรัฐมนตรีของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ จึง สิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2537วันที่ 9 ธันวาคม 2537 มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องรัฐมนตรีลาออก คือนายทวี ไกรคุปต์ ได้ขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2537 ความเป็นรัฐมนตรีของนายทวี ไกรคุปต์ จึงสิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 9ธันวาคม 2537วันที่ 11 ธันวาคม 2537 นายกรัฐมนตรีได้กราบบังคมทูลว่า สมควรให้รัฐมนตรีบางคนพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี เพื่อความเหมาะสมและบังเกิดประโยชน์แก่ราชการ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 171 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้รัฐมนตรีดังต่อไปนี้พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี
1. นายสุขวิช รังสิตพล รองนายกรัฐมนตรี

3. นายบุญชู ตรีทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
4. นายสวัสดิ์ สืบสายพรหม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
5. นายฉัตรชัย เอียสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
6. พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
7. นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
8. นายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
9. นายเสริมศักดิ์ การุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม10. นายพิศาล มูลศาสตรสาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม11. นายสังข์ทอง ศรีธเรศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ12. นายเกียรติชัย ชัยเชาวรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม1 วันที่ 14 ธันวาคม 2537 มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องรัฐมนตรีลาออกคือ นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังและนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ขอ รัฐมนตรีตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2537 ความเป็นรัฐมนตรี ของนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ พลตรี สนั่นขจรประศาสน์ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี และ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ จึงสิ้นสุดลง ตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2537วันที่ 17 ธันวาคม 2537 นายกรัฐมนตรีได้กราบบังคมทูลว่า ได้มีรัฐมนตรีลาออกอีกหลายตำแหน่งสมควรแต่งตั้งรัฐมนตรีแทนตำแหน่งที่ว่าง เพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไป อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้พลเอก อาทิตย์ กำลังเอก เป็น รองนายกรัฐมนตรีนายกร ทัพพะรังสี เป็น รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีนายปัญจะ เกสรทอง เป็น รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีนายอำนวย ปะติเส เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังนายประจวบ ไชยสาส์น เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ละสหกรณ์นายเดช บุญ-หลง เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
2 พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์ เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยนายไพโรจน์ โล่ห์สุนทร เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมนายยุทธ อังกินันทน์ เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์

เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมนายกำชัย เรืองกาญจนเศรษฐ์ เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมนายประเทือง คำประกอบ เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง
อุตสาหกรรมวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2538 มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง รัฐมนตรีลาออก พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร ได้ขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2538 นายกระแส ชนะวงศ์ รัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัย ได้ขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2538ความเป็นรัฐมนตรีของ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร และนายกระแส ชนะวงศ์ จึงสิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ ลาออกวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2538 นายกรัฐมนตรีได้กราบบังคมทูลว่า ได้มีรัฐมนตรีลาออกบางตำแหน่งสมควรแต่งตั้งรัฐมนตรีแทนตำแหน่งที่ว่าง เพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไป อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 163 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้
1. นายกระแส ชนะวงศ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
2. นายถวิล ไพรสณฑ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัย3 วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2538 มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องรัฐมนตรีลาออกคือนายปราโมทย์ สุขุม ได้ขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึ ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2538 ความเป็นรัฐมนตรีของ นายปราโมทย์ สุขุม จึงสิ้นสุดลง ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2538วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2538 ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้นายเจริญ คันธวงศ์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการคณะรัฐมนตรีชุดนี้ สิ้นสุดลง เนื่องจากมีพระราชกฤษฎีกา ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2538 และได้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม2538ประกาศราชกิจจา

1. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 109 ตอนที่ 101 หน้า 1ลงวันที่ 23 กันยายน 2535
2. ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 109 ตอนที่ 103 หน้า 1-3ลงวันที่ 29 กันยายน 2535การอุตสาหกรรม


การคมนาคม ขนส่ง,สื่อสาร