คณะรัฐมนตรี คณะที่ 37

หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรี

ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2519 - 23 กันยายน 2519

แถลงนโยบายวันที่ 30 เมษายน 2519
คำปรารภ

คำแถลงนโยบายของรัฐบาล

2 ท่านประธานสภาผู้แทนราษฎร และท่านสมาชิกผู้มีเกียรติ
3 เนื่องจากได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ข้าพเจ้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามประกาศพระบรมราชโองการ ลงวันที่ 20 เมษายน 2519 ข้าพเจ้าจึงได้จัดตั้งคณะรัฐมนตรีขึ้น ซึ่งได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งตามประกาศพระบรมราชโองการ ลงวันที่ 21 เมษายน 2519บัดนี้ คณะรัฐมนตรีได้กำหนดนโยบายในการบริหารราชการแผ่นดินขึ้นแล้ว จึงขอแถลงนโยบายเพื่อขอความไว้วางใจจากสภาผู้แทนราษฎร ตามความในมาตรา 184ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยโดยที่ในปัจจุบันบ้านเมืองของเราตกอยู่ในภาวะไม่ปกติสุข ทั้งในด การเศรษฐกิจและสังคม ทำให้ประชาชนทุกหมู่เหล่ามีความไม่มั่นใจในอนาคตของตนเองและของประเทศชาติ ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ โดยเฉพาะ ชาวนา ชาวไร่ และกรรมกร ต้องประสบกับความยากจนและเดือดร้อน จึงเป็นการจำเป็นที่จะต้องรีบเร่งดำเนินการแก้ไขภาวะการณ์ดังกล่าว เพื่อให้เกิดความปกติสุขในบ้านเมือง ในการนี้คณะรัฐมนตรีซึ่งเป็นรัฐบาลบริหารราชการแผ่นดิน จึงได้กำหนดนโยบายในการบริหารราชการแผ่นดินไว้เป็น 2 ระยะ คือ นโยบายที่จะต้องดำเนินการเป็นการเร่งด่วน และนโยบายระยะยาวการเมือง

นโยบายทางการเมือง1.รัฐบาลนี้จะยึดมั่นในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข จะดำเนินการทางการเมืองด้วยวิธีการที่บริสุทธิ์และยุติธรรมทั้งจะเคารพและปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชนตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ และจะยึดชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมพลังแห่งความสามัคคีและความเป็นปึกแผ่นภายในประเทศ

2. รัฐบาลนี้จะเสริมสร้างกำลังทหารของชาติ ให้เข้มแข็งตามความเหมาะสมกับภาวะการณ์และตามกำลังเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะกำลังทหารจะใช้เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และรักษาไว้ซึ่งเอกราช ความมั่นคง และผลประโยชน์ของชาติและจะปรับปรุงสวัสดิการและบำรุงส่งเสริมสมรรถภาพและขวัญของทหารให้สูงอยู่เสมอ ทั้งจะส่งเสริมให้ทหารมีส่วนรวมในการพัฒนาประเทศความสงบเรียบร้อยภายใน,การปกครอง,มหาดไทย

3. การรักษากฎหมายและความสงบเรียบร้อยเพื่อมิให้บ้านเมืองตกอยู่ในภาวะระส่ำระสาย และเกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน รัฐบาลนี้จะรักษาไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย และความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง โดยจะเร่งดำเนินการปราบปรามโจรผู้ร้าย และลงโทษผู้ละเมิดกฎหมายโดยไม่มีการละเว้น จะปรับปรุงกิจการตำรวจ และอำนวยการสอบสวนคดีอาญา และจะปรับปรุงส่งเสริมฐานะของกำนันและผู้ใหญ่บ้าน2 4. การปราบปรามการฉ้อราษฎร์บังหลวง
งในวงงานราชการและวงงานของรัฐอย่างจริงจัง และจะไม่ให้กฎหมายว่าด้วยการนี้ ซึ่งมีอยู่แล้วต้องเป็นหมัน นอกจากนี้ จะดำเนินการให้มีกฎหมายว่าด้วยการแสดงทรัพย์สินและหนี้สินของรัฐมนตรี สมาชิกรัฐสภา ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่อื่นๆ ของรัฐ ทั้งจะให้มีกฎหมายเกี่ยวกับผู้ตรวจเงินแผ่นดินของรัฐสภา ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
5. การปกครองท้องถิ่นรัฐบาลนี้จะเร่งดำเนินการให้มีกฎหมายว่าด้วยการปกครองท้องถิ่น ทุกรูปแบบเพื่อให้ประชาชนในท้องถิ่นได้ปกครองตนเองภายในระยะเวลาที่กำหนด ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ โดยให้ผู้บริหารท้องถิ่นมาจากการเลือกตั้ง และในท้องถิ่นมีอิสระในการดำเนินนโยบายของตน
6. การขยายไฟฟ้าชนบทรัฐบาลนี้จะเร่งขยายไฟฟ้าสู่ชนบท โดยให้ประชาชนมีไฟฟ้าใช้ทั่วทุกตำบล โดยเร่งด่วน3 นโยบายระยะยาว
มีดังต่อไปนี้4 11. จะจัดสรรงบประมาณอุดหนุนให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด เพื่อพัฒนาท้องถิ่นอย่างเป็นธรรม โดยคำนึงถึงความจำเป็นและขาดแคลนของท้องถิ่น และจำนวนพลเมืองของแต่ละท้องถิ่นเป็นเกณฑ์ประกอบกันสิทธิ เสรีภาพประชาชน ,เอกราช


การต่างประเทศ

3. รัฐบาลนี้จะดำเนินนโยบายต่างประเทศอย่างอิสระ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ที่แท้จริงของประเทศเป็นหลัก จะไม่ยอมเป็นเครื่องมือหรือเข้าไปพัวพันในการดำเนินนโยบายของประเทศใดๆ จะเป็นมิตรกับทุกประเทศที่ต้องการเป็นมิตรกับประเทศไทย ในหลักแห่งความเสมอภาค บูรณภาพ แห่งอาณาเขต และเคารพอธิปไตยซึ่งกันและกัน ทั้งนี้โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างของระบอบการปกครองหรือระบบเศรษฐกิจรัฐบาลนี้จะแก้ไขปัญหาระหว่างประเทศโดยใช้วิธีการทูตเป็นสำคัญ จะปรับสัมพันธภาพกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะประเทศในคาบสมุทรอินโดจีนให้เข จะส่งเสริมและกระชับความร่วมมือโดยใกล้ชิด และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับประเทศเพื่อนบ้านในส่วนภูมิภาคนี้ของโลก โดยเฉพาะกับประเทศในกลุ่มอาเซียนและจะสนับสนุนข้อเสนอให้เอเชียอาคเนย์เป็นเขตแห่งสันติภาพ อิสรภาพ และความเป็นกลางกับจะส่งเสริมความสัมพันธ์กับประเทศกลุ่มโลกที่สามให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันในองค์การระหว่างประเทศ2 รัฐบาลนี้จะปฏิบัติตามพันธกรณีตามสนธิสัญญา และความตกลงที่มีอยู่กับนานาประเทศตามมูลฐานแห่งความเสมอภาคและยุติธรรม และจะยึดมั่นในหลักการแห่งกฎบัตรสหประชาชาติกับจะร่วมมือกับทบวงการชำนาญพิเศษต่างๆ ในการรักษาสันติภาพและความมั่นคงของโลกรัฐบาลนี้จะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้มีการแทรกแซงกิจการภายใน จากต่างประเทศ และจะไม่ให้มีกองกำลังทหารและฐานทัพต่างชาติในประเทศไทยการเศรษฐกิจ,พาณิชย์

2. การแก้ไขภาวะค่าครองชีพรัฐบาลนี้จะรักษาระดับของราคาสินค้าที่จำเป็นแก่การครองชีพไม่ให้ ผิดปกติ โดยเฉพาะข้าวบริโภค รัฐบาลจะใช้มาตรการอันเหมาะสมเพื่อให้มีราคาพอควรมิให้ประชาชนผู้ยากไร้ต้องเดือดร้อนในเรื่องค่าครองชีพ นอกจากนั้นจะดำเนินมาตรการมิให้มีการผูกขาดตัดตอนในทางเศรษฐกิจโดยเอกชน เพื่อมิให้ผู้จำหน่ายตั้งราคาสินค้าตามชอบใจ2 นโยบายทางเศรษฐกิจ
3 รัฐบาลนี้จะปฏิวัติเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่สังคมและเกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติ โดยเคารพกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินส่วนบุคคล และสนับสนุนให้เอกชนริเริ่มในทางเศรษฐกิจ แต่รัฐจะมีบทบาทในการจัดระเบียบเศรษฐกิจให้มากขึ้นตามความจำเป็น เพื่อการนี้รัฐบาลจะดำเนินการดังต่อไปนี้
1. จะดำเนินการให้ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจของประชากร ลดน้อยลงโดยใช้วิธีการภาษีอากร วิธีการงบประมาณ และวิธีการอย่างอื่น เพื่อให้มีการกระจายรายได้ในหมู่ประชากรอย่างเป็นธรรม4 3. จะดำเนินการให้รัฐเป็นผู้ประกอบกิจการสาธารณูปโภค และกิจการอื่นที่เห็นว่าถ้ารัฐเป็นผู้ประกอบการแล้ว จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่ประช การผูกขาดตัดตอนในทางเศรษฐกิจที่ไม่เป็นธรรมแก่รัฐหรือที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน จะดำเนินการให้ยกเลิกเพิกถอนไป5 6. จะส่งเสริมการค้าในประเทศและการค้าต่างประเทศ ให้ขยายกว้างขวางและมีระเบียบในด้านการค้าในประเทศ จะสอดส่องดูแลและคุ้มครองประโยชน์ของผู้บริโภคส่วนในด้านการค้าต่างประเทศ จะขยายความสัมพันธ์ทางการค้ากับต่างประเทศให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ทั้งจะส่งเสริมการส่งสินค้าออกและควบคุมการนำสินค้าเข้าเท่าที่จำเป็น เพื่อให้การค้ากับต่างประเทศมีดุลภาพการคลัง,การเงิน

2. จะปรับปรุงระบบภาษีอากรเพื่อให้เป็นธรรมแก่สังคมยิ่งขึ้น โดยจะเก็บภาษีทางตรงเพิ่มขึ้น ทั้งในด้านอัตราภาษี และประเภทของภาษี และจะบริหารงานเก็บภาษีอากรให้มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้จะปรับปรุงวิธีการและการบริหารงบประมาณแผ่นดินเป็นไปโดยประหยัด และมิให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ทั้งจะดำเนินการให้สถาบันการเงินเอกชนมีบทบาทในการช่วยเหลือเกษตรกรให้มากยิ่งขึ้น


วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี


การพลังงาน สิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ


การบริหารราชการ

2. รัฐบาลนี้จะปฏิรูปวิธีการปฏิบัติราชการ และระเบียบราชการบริหารงานบุคคลเพื่อให้ระบบราชการมีประสิทธิภาพสูง และให้ข้าราชการทุกฝ่ายทำหน้าที่รับใช้และเข้าถึงประชาชนอย่างแท้จริง โดยปราศจากการกดขี่ข่มเหงราษฎร สำหรับข้าราชการชั้นผู้น้อย จะให้ความช่วยเหลือ โดยจัดให้มีสวัสดิการเพื่อการครองชีพ เช่น ในเรื่องที่อยู่อาศัยและการซื้อสินค้าจากรัฐวิสาหกิจ หรือถ้าจำเป็นให้เงินเพิ่มค่าครองชีพตามกำลังเงินงบประมาณการใดๆ ที่ไม่เป็นธรรมแก่รัฐหรือแก่ประชาชน จะได้พิจารณาปรับปรุงแก้ไขหรือยกเลิกเพิกถอนไปตามควรแก่กรณีการปรับปรุงกฎหมาย





การยุติธรรม,ศาล,ตุลาการ

นโยบายการบริหารราชการ
2 1. รัฐบาลนี้จะเคารพความเป็นอิสระของผู้พิพากษาและตุลาการ ในการพิจารณาพิพากษาอรรถคดี และจะปรับปรุงวิธีการและการดำเนินการพิจารณาคดีของศาลให้เป็นไปโดยรวดเร็ว จะปรับปรุงแก้ไขระเบียบการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ให้เหมาะสมเป็นผลดีแก่ประชาชนการเกษตร

1. การช่วยเหลือเกษตรกรเนื่องจากเกษตรกรมีจำนวนเกือบถึงร้อยละ 80 ของจำนวนพลเมืองของประเทศ แต่ส่วนใหญ่ตกอยู่ในฐานะยากจน รัฐบาลนี้จึงมีนโยบายที่จะช่วยเหลือเกษตรกรให้มีฐานะในทางเศรษฐกิจดีขึ้น อันจะเป็นการขจัดความยากจนไปในตัว ดังต่อไปนี้
(1) จะเร่งทำการปฏิรูปที่ดิน เพื่อให้เกษตรกรได้มีที่ดินทำกินเป็นของตนเองในแต่ละปี เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2520 จะจัดสรรที่ดินให้แก่เกษตรกรผู้ไม่มีที่ดินเป็นของตนเอง

(2) จะปลดเปลื้องหนี้สินของเกษตรกรจากการเป็นลูกหนี้เอกชน มาเป็นลูกหนี้สหกรณ์ หรือธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ เพื่อมิให้เกษตรกรต้องสูญเสียสิทธิในที่ดิน
(3) จะดำเนินการให้เกษตรกรจำหน่ายผลผลิตได้ในราคาที่เป็นธรรม โดยเฉพาะข้าว จะลดหรือเลิกค่าพรีเมี่ยม รวมทั้งลดอากรขาออกถ้าจำเป็น เพื่อปรับราคาส่งออกให้สามารถแข่งขันในตลาดต่างประเทศได้
(4) จะปรับปรุงและขยายการสหกรณ์ให้แพร่หลาย เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการดำเนินการด้านการผลิต การปรับปรุงผลผลิต และการจำหน่าย
(5) จะช่วยเหลือเกษตรกรในด้านการชลประทาน การปรับปรุงดิน การใช้พันธุ์พืช และการซื้อปุ๋ยในราคาต่ำ2 7. จะเร่งดำเนินการโครงการชลประทานขนาดเล็ก ให้แพร่หลายทั่วประเทศสำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งขาดแคลนน้ำ จะพัฒนาการชลประทานและคลองส่งน้ำให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
8. จะส่งเสริมให้การประมงและการปศุสัตว์ ขยายตัวจนสามารถมีผลผลิตเป็นสินค้าส่งที่สำคัญและจะเร่งการปลูกยางพันธุ์ดีแทนยางพันธุ์พื้นเมือง ่ให้ถูกทำลายและเร่งอนุรักษ์ป่าไม้ที่เป็น ต้นน้ำลำธารที่ถูกทำลายให้กลับคืนสู่สภาพเดิมการศึกษา

นโยบายทางสังคม
2 1. รัฐบาลนี้จะดำเนินการปฏิรูปการศึกษาให้เหมาะสม และสอดคล้องกับสภาพทางเศรษฐกิจและสังคม จะจัดให้บุคคลมีโอกาสเท่าเทียมกันในการรับการศึกษาอบรมตามความสามารถทางสติปัญญา จะจัดทุนเล่าเรียนให้แก่ผู้ยากไร้ แต่มีสติปัญญา และจะขยายการศึกษาผู้ใหญ่และอาชีวศึกษา โดยเน้นหนักในด้านเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมในด้านการศึกษาภาคบังคับ จะเร่งขยายการศึกษาภาคบังคับชั้นประถมตอนปลายให้มีทั่วถึงทุกตำบลภายใน 4 ปี และจะให้เด็กที่เข้าเรียนได้รับสมุด หนังสือ และเครื่องเขียนโดยไม่คิดมูลค่าอย่างทั่วถึง ส่วนเด็กที่ยากไร้ก็จะให้ได้รับเครื่องแบบนักเรียนโดยไม่คิดมูลค่าสำหรับโรงเรียนมัธยมประจำอำเภอ จะเร่งจัดให้มีขึ้นให้ครบถ้วนทุกอำเภอใน 4 ปี นินงานให้มากที่สุด โดยเฉพาะในด้านวิชาการ และจะให้มหาวิทยาลัยในส่วนภูมิภาครับนักศึกษาจากภาคนั้นๆ ในอัตราส่วนมากกว่านักศึกษาจากภาคอื่นการสาธารณสุข

2. รัฐบาลนี้จะดำเนินการให้บริการสาธารณสุขแบบผสมผสาน ทั้งในด้านการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค และการรักษาพยาบาลให้กระจายไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่นอย่างเพียงพอ จะให้ประชาชนที่ยากไร้ไม่ว่าจะอยู่ในเมืองหรือในชนบท ได้รับการรักษาพยาบาลโดยไม่คิดมูลค่า จะให้มีโรงพยาบาลประจำอำเภอให้ครบถ้วนทุกอำเภอ และสถานีอนามัยชั้น 2 ให้ครบถ้วนทุกตำบล ภายใน 4 ปี จะจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เพื่อรักษาพยาบาลผู้ป่วยในท้องถิ่นห่างไกลกันดาร และจะเร่งให้มีการผลิตบุคลากรทางการแพทย์ให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชน
3. รัฐบาลนี้จะส่งเสริมการสังคมสงเคราะห์ทั้งส่วนของรัฐ และของเอกชนโดยเฉพาะจะเกื้อกูลประชาชนในแปล่งเสื่อมโทรมเป็นพิเศษ อกับความต้องการของประชาชน สำหรับที่พักอาศัยของทหารและตำรวจชั้นผู้น้อย จะให้การเคหะแห่งชาติดำเนินการก่อสร้างให้ก่อน และให้แต่ละหน่วยงานตั้งงบประมาณชดใช้เป็น
5. รัฐบาลนี้จะลดอัตราการเพิ่มประชากร โดยเร่งวางแผนครอบครัวให้แพร่หลาย และจะเร่งให้มีการประกันสังคมสำหรับลูกจ้างเป็นอันดับแรก
6. รัฐบาลนี้จะดำเนินการให้มีกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิเสมอภาคของสตรี ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญการแรงงาน

5. จะช่วยให้ฝ่ายผู้ใช้แรงงานได้รับค่าจ้างและการปฏิบัติ จากฝ่ายนายจ้างอย่างเป็นธรรม และจะสนับสนุนการรวมกันของฝ่ายผู้ใช้แรงงาน เพื่อให้เกิดอำนาจต่อรองอย่างมีหลักเกณฑ์และเป็นธรรมระหว่างฝ่ายผู้ใช้แรงงาน และฝ่ายนายจ้าง เพื่อการนี้จะได้จัดตั้งทบวงแรงงานขึ้น เพื่อให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถปฏิบัติภารกิจได้ ทันต่อเหตุการณ์


นโยบายเร่งด่วนปัญหาสำคัญที่ประชาชนทั่วประเทศกำลังประสบอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งรัฐบาลจะต้องเร่งแก้ไขเป็นการด่วน คือ การช่วยเหลือเกษตรกร การแก้ไขภาวะค่าครองชีพ การรักษากฎหมาย และความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง การปราบปรามการฉ้อราษฎร์บังหลวงการปกครองท้องถิ่น และการขยายไฟฟ้าสู่ชนบทการฟื้นฟูบูรณะกรุงเทพมหานคร


คำลงท้าย

ตามนโยบายที่ได้แถลงนี้ คณะรัฐมนตรีจะได้ดำเนินการทุกวิถีทางที่จะให้บรรลุผลเพื่อให้ประชาชนมีความสุขสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ข้าพเจ้าและคณะจึงหวังอย่างยิ่งว่าท่านสมาชิกผู้มีเกียรติจะได้ให้ความร่วมมือ ให้ความไว้วางใจ แก่คณะรัฐมนตรี เพื่อจะได้เข้าบริหารราชการแผ่นดินต่อไป

20 เมษายน 2519 ถึง 23 กันยายน 2519
รายชื่อคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรี คณะที่ 37



ตั้งแต่
2 โดยที่คณะรัฐมนตรีซึ่งมีหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรีบริหารราชการแผ่นดินอยู่ ได้พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากมีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรและประธานสภาได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาว่าได้ดำเนินการตามวิถีทางในระบอบประชาธิปไตยแล้ว และได้ทรงพระราชดำริเห็นว่า หม่อมราชวงศ์ เสนีย์ ปราโมชเป็นผู้ที่สมควรไว้วางพระราชหฤทัย จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งหม่อมราชวงศ์ เสนีย์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2519วันที่ 21 เมษายน 2519 ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีคณะนี้ มีรายนามดังต่อไปนี้
1. หม่อมราชวงศ์ เสนีย์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรี
2. พลตรี ประมาณ อดิเรกสาร เป็นรองนายกรัฐมนตรี
3. นายเสวตร เปี่ยมพงศ์สานต์ เป็นรองนายกรัฐมนตรี
4. พลอากาศเอก ทวี จุลละทรัพย์ เป็นรองนายกรัฐมนตรี
5. นายสุรินทร์ มาศดิตถ์ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
6. นายชวน หลีกภัย เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
7. พลเอก กฤษณ์ สีวะรา เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
8. นายเสวตร เปี่ยมพงศ์สานต์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ศ
3 10. พลตรี ประมาณ อดิเรกสาร เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์11. นายทวิช กลิ่นประทุม เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม12. นายดำรง ลัทธพิพัฒน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์13. หม่อมราชวงศ์ เสนีย์ ปราโมช เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย14. นายประสิทธิ์ กาญจนวัฒน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม15. พลตรี ศิริ สิริโยธิน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ16. พลอากาศเอก ทวี จุลละทรัพย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข17.พลตรี ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม18.นายนิพนธ์ ศศิธร เป็นรัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัยของรัฐ19. พลเอก ทวิช เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม20.นาวาอากาศโท ทินกร พันธุ์กระวี เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง21. นายเล็ก นานา เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ22. นายไกรสร ตันติพงศ์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสหกรณ์24. นายบุญเกิด หิรัญคำ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม25. นายประชุม รัตนเพียร เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม26. นายคล้าย ละอองมณี เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์27. นายขุนทอง ภูผิวเดือน เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย28. นายสมัคร สุนทรเวช เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย29. นายสมบุญ ศิริธร เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย30. นายชูสง่า ฤทธิประศาสน์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย4 31.นายชวน หลีกภัย เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงยุติธรรม32. นายสิดดิก สารีฟ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ33. นายดาบชัย อัคราช เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ34. นายปรีชา มุสิกุล เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข35. นายแผน ศิริเวชชะพันธ์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม36. นายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
5 วันที่ 28 เมษายน 2519 ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งพลเอก ทวิช เสนีวงศ์ ณ อยุธยา พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและตั้งให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แทน พลเอก กฤษณ์ สีวะรา ที่ได้ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2519 พลเอก ทวิช เสนีวงศ์ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ขอลาออกจากตำแหน่งและได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง หม่อมราชวงศ์ เสนีย์ ปราโมช เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอีกตำแหน่งหนึ่งการอุตสาหกรรม

4. จะส่งเสริมการลงทุนทางอุตสาหกรรมของเอกชน ทั้งไทยและต่างประเทศให้ได้รับความเป็นธรรม ความมั่นใจและความสะดวกในการลงทุน จะส่งเสริมอุตสาหกรรมที่ใช้ผลผลิตทางเกษตรเป็นวัตถุดิบ อุตสาหกรรมที่ส่งผลผลิตไปจำหน่ายยังต่างประเทศอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมปลอดภาษี ในเวลาเดียวกัน จะวางมาตรการรักษาสุขภาพและความปลอดภัยของกรรมการในโรงงานอุตสาหกรรม รวมทั้งมาตรการที่จำเป็น เพื่อควบคุมมิให้เกิดภาวะสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ และจะเร่งด กระจายไปสู่ส่วนภูมิภาคการคมนาคม ขนส่ง,สื่อสาร

10. จะดำเนินการขยายและปรับปรุงการขนส่งให้เหมาะสมกับสภาพ ของภูมิประเทศและความเป็นอยู่ของประชาชน เพื่อกระจายความเจริญให้ทั่วประเทศและสอดคล้องกับนโยบายทางเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะมุ่งหนักในการสร้างและพัฒนาเส้นทางขนส่งในระดับจังหวัดและชนบทจะปรับปรุงการขนส่งโดยรถประจำทางและรถไฟ เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวก ปลอดภัย ประหยัด และเป็นธรรม จะส่งเสริมระบบขนส่งมวลชน และจะขยายปรับปรุงการบริการสื่อสารทางโทรศัพท์และโทรคมนาคมให้เพียงพอแก่ความจำเป็น จะเร่งพัฒนาการท่าเรือ และการพาณิชยนาวีของประเทศให้เจริญก้าวหน้า และจะดำเนินการพัฒนาสนามบินที่มีอยู่แล้วให้เป็นสนามบินนานาชาติตามความเหมาะสม เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์การบินระหว่างประเทศในย่านเอเชียอาคเนย์