คณะรัฐมนตรี คณะที่ 36

หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรี

ตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2518 - 12 มกราคม 2519

แถลงนโยบายเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2518
คำปรารภ

คำแถลงนโยบายของรัฐบาล

2 ท่านประธานสภา และท่านสมาชิกผู้มีเกียรติ
3 ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ข้าพเจ้าเป็นนายกรัฐมนตรีตามประกาศพระบรมราชโองการ ลงวันที่ 14 มีนาคม 2518 และแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีตามประกาศพระบรมราชโองการ ลงวันที่ 17 มีนาคม 2518 นั้น ข้าพเจ้าและคณะรัฐมนตรีได้กำหนดนโยบายในการบริหารราชการแผ่นดิน โดยคำนึงถึงสถานการณ์ของประเทศอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว จึงขอแถลงเพื่อสภาผู้แทนราษฎรจะได้พิจารณา ดังต่อไปนี้ในเบื้องต้น จำเป็นต้องแถลงให้ชัดแจ้งเสียก่อนว่า รัฐบาลซึ่งข้าพเจ้าและ ืองต่างๆ ที่ล้วนสำนึกในความรับผิดชอบที่มีต่อประเทศชาติ และประชาชน ในอันที่จะจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพพอสมควร เพื่อดำเนินการปกครองประเทศตามครรลองของระบอบประชาธิปไตยต่อไปดังนั้น จึงขอให้เข้าใจด้วยว่า การจัดตั้งรัฐบาลผสมขึ้นในครั้งนี้เป็นการร่วมกันในทางการเมือง ในเชิงนโยบายที่ใช้แก้ไขปัญหาต่างๆ ของประเทศชาติอันเป็นที่รักของเราในขณะนี้เป็นสำคัญ แกนกลางที่ผนึกกำลังของพรรคการเมืองต่างๆ ซึ่งร่วมกันเป็นรัฐบาลครั้งนี้4 นั้นหาใช่พรรคหนึ่งพรรคใด หรือบุคคลหนึ่งบุคคลใดไม่ แท้ที่จริงแกนกลางคือนโยบายและแผนปฏิบัติการต่างๆ ซึ่งรัฐบาลนี้จะได้แถลงให้สภาผู้แทนราษฎรทราบ เพื่อขอความไว้วางใจในวันนี้รัฐบาลผสมชุดนี้ ตระหนักดีถึงปัญหาสำคัญที่ชาติบ้านเมืองของเรากำลังเผชิญอยู่ขณะนี้สังคมคนไทยกำลังอยู่ท่ามกลางความตึงเครียด เรากำลังเผชิญกับความแตกแยกซึ่งกำลัง
ทุกวันนี้เราทุกคนก็ได้ยินเสียงที่กล่าวขวัญถึงความแตกต่างและการต่อสู้ระหว่างชนชั้น ตลอดจนการล้มล้างรุนแรงต่างๆ เสียงเรียกร้องเหล่านี้ หาใช่เป็นเรื่องเหลวไหลเสียทีเดียวไม่เราต้องยอมรับความเป็นจริงว่า ในบ้านเมืองของเราขณะนี้มีความไม่เป็นธรรมมากมายหลายประการ เราต้องยอมรับว่าความไม่เป็นธรรมที่ปรากฏอยู่ทุกวันนี้ เป็นความบกพร่องและผิดพลาดของการบริหารราชการแผ่นดินในอดีต ซึ่งเราต้องรีบแก้ไข ขจัดปัดเป่าเสียแต่บัดนี้ เพื่อจะได้ไม่สายจนเกินไป5 เราพึงต้องใคร่ครวญให้ดีว่า บ้านเมืองไทยของเราจำเป็นต้องถูกปล่อยให้ผ่านเข้าสู่กระแสของความรุนแรง ประหัตประหารกัน ดังที่บางฝ่ายกำลังเรียกร้องเสี้ยมสอนกันอยู่ด้วยหรือ ทำไมเราจึงไม่พยายามที่จะขจัดความไม่เป็นธรรมต่างๆ ด้วยสันติวิธีซึ่งเป็นอุปนิสัยดั้งเดิมของคนไทยซึ่งรักความสงบ และรู้จักสมานประโยชน์เพื่อความสามัคคีของบ้านเมืองตลอดมา รัฐบาลผสมชุดนี้มีความเชื่อว่า กระบวนการสร้างสรรค์ความเจริญก้าวหน้าทาง งแห่งการล้มล้างทำลายชนชั้นใดๆ ก็มีทางสู่ความสำเร็จได้อย่างแน่นอนการเมือง


ความมั่นคง การป้องกันประเทศ การทหาร

เป้าหมายทางการทหารรัฐบาลนี้ถือว่าเป็นภาระหน้าที่สำคัญสูงสุดของรัฐบาลที่จะต้องธำรงไว้ ซึ่งเอกราชและอธิปไตยของชาติ ให้ปลอดภัยจากการรุกรานของอริราชศัตรูภายนอกทั้งหลายทั้งปวงรัฐบาลนี้จึงกำหนดเป้าหมายทางการทหารไว้เป็นภารกิจที่จะต้องดำเนินการ ดังต่อไปนี้
1. จะจัดกำลังทหารให้เพียงพอแก่ความจำเป็นและให้มีสมรรถภาพสูง ทั้งในด้านกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์ พร้อมที่จะรับภาวะในการพิทักษ์รักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติด้วยสมรรถนะและแสนยานุภาพของตนเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาอาศัยใครอื่นทั้งสิ้น และกำลังทหารต้องเป็นของชาติ ไม่ขึ้นกับบุคคลคณะใด
2. จะส่งเสริมกำลังใจ ขวัญ และสวัสดิการทหาร ให้ทั่วถึงทุกด้าน รวมทั้ง จำการแล้ว
3. จะสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างทหาร ข้าราชการ และประชาชน เพื่อให้เกิดความสามัคคีอย่างแท้จริงขึ้นในชาติ ในขณะเดียวกัน ก็จะส่งเสริมให้ทหารมีส่วนในการพัฒนาประเทศตามควรแก่กรณีด้วย ทั้งนี้ เพื่อสร้างทัศนคติอันถูกต้องขึ้นว่าทหารก็คือประชาชนของชาติ และในขณะเดียวกันรัฐบาลนี้จะสนับสนุนให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันประเทศมากขึ้น เช่น อาสาสมัครรักษาดินแดน เป็นต้นความสงบเรียบร้อยภายใน,การปกครอง,มหาดไทย

4. อำนวยความสงบสุขภายในบ้านเมืองอย่างมีประสิทธิภาพรัฐบาลนี้เชื่อมั่นว่า บ้านเมืองที่สงบสุขจะต้องมีระเบียบวินัย และมีกฎหมายที่ใช้บังคับได้อย่างศักดิ์สิทธิ์และยุติธรรมเสมอหน้ากันทุกคน ดังนั้น รัฐบาลนี้จะดำเนินการทุกวิถีทาง เพื่ออำนวยความสงบสุขให้เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา เพื่อให้สุจริตชนทั้งหลายได้รับความปลอดภัยและอบอุ่นใจ ทั้งในการทำมาหากินและการดำรงชีวิตของตน จะใช้มาตรการเด็ดขาดในการปราบปรามโจรผู้ร้าย และผู้ประพฤติตนเป็นภัยต่อสังคม โดยจะ สงบสุขภายในดังกล่าวนี้ จำเป็นต้องอาศัยกระบวนการยุติธรรมที่มีประสิทธิภาพ รัฐบาลจึงได้กำหนดเป็นเป้าหมายเร่งด่วนที่จะพิจารณาเพิ่มอัตรากำลังเจ้าหน้าที่รักษาความสงบ ให้เพียงพอแก่ความจำเป็น และในขณะเดียวกัน ก็จะจัดตั้งศาลยุติธรรมในชนบทเพิ่มขึ้น ในรูปของศาลยุติธรรมประจำถิ่นโดยเร็วที่สุด ในการรักษาความสงบสุขของบ้านเมืองนั้น หากรัฐบาลมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการรุนแรงอย่างใดไปบ้างก็ตาม รัฐบาลจะกระทำเพื่อส่วนรวมเท่านั้น จะไม่กระทำไปเพื่อกลุ่มอิทธิพลใดอิทธิพลหนึ่งอย่างเด็ดขาด2 เป้าหมายทางการบริหารรัฐบาลนี้ได้พิจารณาเห็นว่า การปรับปรุงภาวะการทำกิน ภาวะความเป็นอยู่ของประชาชนในชนบท ซึ่งเป็นปัญหาเร่งด่วนของชาตินั้น จะสำเร็จมิได้เลยถ้ายังมิได้แก้ไขและปรับปรุงกลไกการบริหารในระดับต่างๆ เสียใหม่ ฉะนั้น ภารกิจรีบด่วนที่รัฐบาลนี้จะดำเนินการไปพร้อมๆ กับการแก้ปัญหาต่างๆ ของชาติดังกล่าวแล้ว ก็คือการแก้ไขและ อการบริหารประเทศที่จะอำนวยให้ประชาชนมีภาวะในทางเศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ดีขึ้นโดยเร็ว ดังนั้นการปฏิรูปการบริหารของรัฐจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ รัฐบาลนี้จึงได้กำหนดแผนเร่งด่วนที่จะดำเนินการปรับปรุงกลไกการบริหารในขั้นต้นไว้ 2 ประการ คือ
1. กระจายอำนาจการบริหารไปสู่ท้องถิ่น โดยให้จังหวัดเป็นศูนย์กลางในการบริหารอย่างแท้จริง
2. ส่งเสริมการบริหารท้องถิ่นโดยสภาตำบล3 1. รัฐบาลนี้ได้พิจารณาเห็นว่า ในอดีตนั้นการบริหารของเราเป็นไปในลักษณะรวมอำนาจไว้กับส่วนกลางหรือกับกระทรวงทบวงกรม รัฐบาลนี้เห็นว่าเป็นอุปสรรคต่อการกระจายความเจริญไปสู่ชนบท และไม่เป็นผลดีต่อประชาชน รัฐบาลนี้จึงได้กำหนดขั้นตอนในการแก้ไขปรับปรุงการบริหารเสียใหม่ ดังนี้
ก. กระจายอำนาจการบริหารงานตามแผนงาน หรือนโยบายทุกประการที่จะต้องดำเนินในท้องถิ่นจากทุกส่วนกลางและทุกกระทรวงทบวงกรมไปยังจังหวัด และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นศูนย์กลางรับผิดชอบดำเนินการ ให้บังเกิดผลงานท และนโยบายนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นของกระทรวงทบวงกรมใดก็ตามโดยตลอด ทั้งนี้รัฐบาลจะได้พิจารณาแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎกระทรวงหรือระเบียบ ตลอดจนคำสั่งต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการกระจายอำนาจให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือนข. จะดำเนินการกระจายอำนาจการปกครองไปสู่ประชาชน กล่าวคือจะเสนอกฎหมายปรับปรุงท้องถิ่นให้สอดคล้องกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ เพื่อเปิดโอกาสให้การปกครองท้องถิ่นในรูปต่างๆ มีการบริหารตนเองโดยอิสระอย่างแท้จริง เพื่อส่งเสริมระบอบประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นทุกจุด4 2. รัฐบาลนี้ได้พิจารณาเห็นว่า ประชาชนของชาติจำนวนไม่ต่ำกว่าร้อยละ
85อาศัยอยู่ในชนบท และทำมาหากินเลี้ยงชีพทางเกษตรกรรม ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมีรายได้ต่ำมากการที่จะยกฐานะและรายได้ของคนกลุ่มนี้ให้สูงขึ้นได้ รัฐบาลจะต้องมีมาตรการในการดำเนินงานไว้อย่างสมบูรณ์ และรัฐบาลนี้เชื่อว่าแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่จะบรรลุผลตามเป้าหมายได้นั้น จะต้องเป็นแผนที่กำหนดขึ้นจากท้องถิ่นและโดยท้องถิ่นเองอีกนัยหนึ่งก็คือ ะกอบเข้าเป็นแผนรวมของชาติ มิใช่เป็นแผนที่กำหนดไปจากส่วนกลาง เช่น ในปัจจุบันนี้ด้วยเหตุและผลดังกล่าวนี้เอง รัฐบาลนี้จึงได้กำหนดนโยบายส่งเสริมการบริหารท้องถิ่นโดยสภาตำบลไว้เป็นนโยบายเร่งด่วนประการหนึ่ง กล่าวคือรัฐบาลนี้จะดำเนินการให้สภาตำบลเป็นหน่วยมูลฐานทางประชาธิปไตยและทางเศรษฐกิจ โดยจะมอบอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบในการปกครองตนเองอย่างเต็มที่ เช่น
ก. วางแผนพัฒนาตำบลทั้งระยะสั้นและระยะยาว พร้อมทั้งจัดทำงบประมาณและติดตามผลการปฏิบัติงานข. มีอำนาจในการเก็บภาษีที่ดินและภาษีบำรุงท้องที่
ค. บริหารการสาธารณสุขและสถานีอนามัย5 ง. ควบคุมและดำเนินการสำรวจและปักหลักเขต เพื่อการออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดินของเกษตรกร เพื่อให้การออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดินกระทำได้ครบถ้วนภายใน 4 ปี ตำบลใดเมื่อได้มีการกำหนดเขตกรรมสิทธิ์ที่ดิน และออกเอกสารสิทธิ์ครบถ้วนแล้ว ก็จะมอบหมาย ทันที
จ. เข้าร่วมในการบริหารการศึกษาของตำบล
ฉ. ดำเนินการรักษาความสงบเรียบร้อยและป้องกันโจรผู้ร้ายภายในตำบลรัฐบาลนี้ได้พิจารณาเห็นว่าสภาตำบลเป็นหน่วยงานที่อยู่ใกล้ชิดกับปัญหาส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งย่อมจะต้องทราบดีว่าราษฎรในท้องถิ่นกำลังประสบปัญหาใด หรือต้องการจะใช้วิธีการใด เพื่อแก้ภาวะการทำมาหากินและภาวะความเป็นอยู่ของตน รัฐบาลนี้จึงเห็นว่าการมอบหมายให้สภาตำบลเป็นผู้กำหนดแผนพัฒนาของตนขึ้น เป็นสิ่งเริ่มต้นที่ถูกต้องภาระหน้าที่ของรัฐบาลก็คือ จัดสรรเงินงบประมาณให้สภาตำบลทุกแห่งรับไปดำเนินการในการจัดสรรงบประมาณนั้น รัฐบาลจะพิจารณาตามความจำเป็นและความเร่งด่วน ซึ่งแต่ละตำบลจะต้องการดำเนินการไป เพื่อแก้ปัญหาการทำมาหากินและการดำรงชีพของราษฎรส่วนใหญ่เป็นสำคัญ และเมื่อได้รับงบประมาณจากส่วนกลางไปแล้ว การสร้างงานในตำบลก็จะเกิดขึ้นซึ่งก็เป็นทางหนึ่งที่จะช่วยหนุนให้คนในท้องที่มีงานทำและมีรายได้มากขึ้น และเป็นการลด
สิทธิ เสรีภาพประชาชน ,เอกราช


การต่างประเทศ

เป้าหมายทางการต่างประเทศเป้าหมายนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลนี้ คือการรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ โดยจะดำเนินการดังต่อไปนี้รัฐบาลนี้จะดำเนินนโยบายต่างประเทศอย่างอิสระ โดยจะคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติตามเป้าหมายเศรษฐกิจ และความปลอดภัยของประเทศเป็นสำคัญรัฐบาลนี้จะส่งเสริมการดำรงอยู่ร่วมกันโดยสันติ โดยยึดหลักการที่จะเป็นมิตรกับทุกประเทศที่มีเจตนาดีต่อประเทศไทย ไม่คำนึงถึงความแตกต่างในดุดมการณ์ทางการเมืองและระบอบการปกครอง และจะยึดหลักความยุติธรรมและความเสมอภาคเป็นสำคัญ ทั้งจะไม่แทรกแซงในกิจการภายในของกันและกันเพื่อให้เกิดดุลยภาพในความสัมพันธ์กับประเทศอภิมหาอำนาจ รัฐบาลนี้จะดำเนินการเพื่อให้มีการรับรองและมีความสัมพันธ์เป็นปกติกับประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนจะให้มีการถอนทหารต่างชาติออกจากประเทศไทยในระยะเวลา 1 ปี โดยคำนึงถึงสถาน ภูมิภาคนี้ และเจรจากันอย่างฉันท์มิตร2 รัฐบาลนี้จะกระชับความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน และสนับสนุนความร่วมมือกับกลุ่มประเทศอาเซี่ยนในทุกวิถีทาง ทั้งจะไม่ลดละความพยายามในการหาลู่ทางเพื่อให้มีการติดต่อในทางสร้างสรรค์กับประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามเหนือ ในด้านการรับความช่วยเหลือจากประเทศนั้น รัฐบาลนี้จะพิจารณาถึงภาระผูกพันธ์เป็นสำคัญ และจะไม่ยอมให้มีการเสียเปรียบใดๆ ทั้งสิ้น เพราะรัฐบาลประสงค์ที่จะสร้างพื้นฐานการพึ่งตนเองให้มากที่สุด และโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งในด้านเศรษฐกิจและการทหารการเศรษฐกิจ,พาณิชย์

เป้าหมายทางเศรษฐกิจรัฐบาลนี้มีความเชื่อมั่นว่า มนุษย์เราดำรงอยู่มิใช่เพื่อรับใช้รัฐ แต่รัฐต่างหากที่ดำรงอยู่เพื่อรับใช้ประชาชน ฉะนั้น รัฐบาลนี้จึงถือว่าเป้าหมายทางเศรษฐกิจเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของนโยบายของรัฐบาล เพราะเรื่องปากเรื่องท้องของประชาชนนั้นย่อมเป็นเรื่อง กล่าวโดยย่อ เป้าหมายทางเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐบาลนี้ สรุปได้เป็น3 ประการ คือ
1. ต่อต้านและขจัดความยากจน โดยมุ่งให้ประชาชนที่บรรลุนิติภาวะทุกคนที่ทำงานมีรายได้อย่างน้อยไม่ต่ำกว่าเดือนละ 1,000.-บาท ทั่วทุกคน
2. สร้างงานให้ประชาชนคนไทยในประเทศได้ทำทั่วทุกคน ภายในเวลา 5 ปีและ
3. ต่อต้านภาวะเงินเฟ้อ2 1. ต่อต้านความยากจนการต่อต้านความยากจน เป็นงานที่ต้องดำเนินระยะยาว และอันที่จริงการพัฒนาทางเศรษฐกิจก็คือการขจัดความยากจน หรือในกรณีที่ความยากจนได้หมดสิ้นไปแล้ว การพัฒนานั้นก็เป็นการยกมาตรฐานการครองชีพของประชาชนให้สูงขึ้น และด้วยความเป็นธรรม สำหรับประเทศเราเท่าที่เป็นอยู่ขณะนี้ ปัญหาความยากจนจะจางหายไปแน่ หากประชาชนที่บรรลุนิติภาวะทุกคนที่ทำงานมีรายได้อย่างต่ำไม่น้อยกว่า คนละ 1,000.-บาทต่อเดือน ดังนั้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายประการนี้ รัฐบาลได้กำหนดแผนปฏิบัติการไว้ดังนี้

ก. บรรเทาความทุกข์ยากเฉพาะหน้าเป็นที่ทราบกันอยู่ว่า ชาวไร่ชาวนาของเราส่วนใหญ่กำลังทุกข์ยากด้วยเหตุที่การเพาะปลูกได้ผลน้อย เพราะขาดน้ำบ้าง เพราะน้ำท่วมบ้าง ศัตรูพืชก็รังควาญมาก ยิ่งหนี้สินด้วยแล้ว ส่วนมากก็มีท่วมท้นล้นตัวทีเดียว แผนปฏิบัติการรีบด่วนของรัฐบาลชุดนี้ จึงอยู่ที่ช่วยให้มีรายได้เพิ่มขึ้นทุกที เพื่อจะได้บรรเทาความทุกข์ยากของชาวไร่ชาวนาลงบ้างอย่างฉับพลัน กล่าวคือ จะจัดสรรเงินงบประมาณมอบหมายให้สภาตำบลใช้จ่ายแรงงานในท้องถิ่นขุดคูคลอง ทำฝายเก็บน้ำ เป็นต้น ทั้งนี้โดยกำหนดหมายไว้ว่าบริเวณซึ่งกำลังเดือดร้อนเพราะถูกภัยธรรมชาติ เช่นในเขตอิสานภาคใต้ และที่ราบภาคกลาง จะเป็นเขตที่ได้รับความ3 ช่วยเหลือบรรเทาทุกข์เป็นพิเศษ ปริมาณเงินที่รัฐบาลจะจัดสรรให้เพื่อการนี้ จะไม่น้อยกว่า2.5 พันล้านบาท และจะจัดสรรให้ทันที เพื่อให้ทันใช้ในช่วงเวลาก่อนที่จะถึงฤดูกาลทำไร่ทำนา ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ชาวไร่ชาวนากำลังว่างงานการจัดสรรเงินงบประมาณเพื่อการนี้ รอไว้ก่อนได้ หรือที่มีความจำเป็นน้อยออกจากงบประมาณรายจ่ายปี 2518ข. วางแผนบรรเทาทุกข์ยากช่วงต่อไปในระยะ 6 เดือนแรก จะมีการวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจของชาติขึ้นใหม่ แผนพัฒนาดังกล่าวนี้จะยึดถือเอาความต้องการของประชาชนแต่ละตำบลทั่วประเทศ ซึ่งทางรัฐบาลจะได้รับทราบจากตำบล เมื่อสภาตำบลได้ใช้เงินก้อนแรกที่รัฐบาลจัดให้ตามความมุ่งหมายที่ระบุไว้ในข้อ ก. ไปแล้ว ทั้งนี้ เพื่อสร้างความหวังใหม่ที่จะได้รับการปรับปรุงภาวะทำกินและภาวะความเป็นอยู่อย่างแน่นอนให้เกิดขึ้นในใจของประชาชนอย่างถ้วนหน้ารัฐบาลนี้มีความเชื่อมั่นว่า การวางแผนที่มาจากระดับท้องถิ่นจะช่วยแก้ปัญหาความยากจนและลดอัตราอาชญากรรมให้บรรเทาเบาบางลงได้อย่างแน่นอน เมื่อได้ดำเนินการวางแผนในทำนองนี้แล้ว แต่ละตำบลจะได้รับการจัดสรรงบประมาณเป็นส่วนสัดครบเป็น4 รายตำบล ซึ่งจะได้ใช้เป็นปัจจัยในการสร้างงานให้แก่ประชาชนภายในตำบลได้เพิ่มขึ้น อนึ่งการวางแผนระดับท้องถิ่นจะมีมาตรการกำกับให้กลมกลืนกับแผนรวมของปร การชลประทาน และเพื่อการขนส่งทางน้ำตามแผนรวมของภาคและประเทศ เป็นต้น
ค. ผันเงินทุนจากสถาบันการเงินสู่เกษตรกรระหว่างฤดูกาลเพาะปลูกปี 2518/19 รัฐบาลนี้จะใช้มาตรการผันเงินทุนขึ้นจากเดิมจำนวนไม่น้อยกว่า 4 พันล้านบาท และจะกระทำต่อเนื่องกันทุกปี เพื่อให้เงินทุนไหลสู่มือเกษตรกรครบถ้วนตามความจำเป็นในการผลิต ซึ่งจะต้องขยายตัวขึ้นเรื่อย ทั้งนี้ โดยมุ่งหมายที่จะให้เงินทุนจากสถาบันการเงินไหลเข้าแทนที่เงินทุนเอกชน ซึ่งดอกเบี้ยแพงมากจนครบอนึ่ง เพื่อกันมิให้เงินทุนในภาคเอกชนถูกใช้ไปในทางฟุ่มเฟือย หรือเป็นผลเสียทางเศรษฐกิจอย่างอิสระ ปราศจากขอบเขต รัฐบาลจะดำเนินการด้วยการขอความร่วมมือจากสถาบันการเงินและจากเอกชนที่มั่งคั่งทั้งหลาย รวมทั้งจะใช้มาตรการต่างๆ ที่มีอยู่และที่จะสร้างขึ้นใหม่ ระงับการใช้ทุนของประเทศที่มีอยู่จำกัดมากไปในด้านที่เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจส่วนรวมน้อย หรือเป็นไปในทางทำลายทุนให้สูญเสียไปอย่างน่าเสียดาย ด้วยมาตรการดังกล่าวนี้
้และจะผลักดันให้ทุนไหลสู่ชนบทมากขึ้น5 ง. เข้าประกันราคาผลิตของเกษตรกรเพื่อให้เกษตรกรของชาติมีความมั่นใจในรายได้ที่จะได้รับจากการผลิต ของตนว่าจะได้ในจำนวนต่ำสุดเท่าใด ก่อนที่จะถึงฤดูกาลเพาะปลูกปี 2518/19 รัฐบาลนี้จะดำเนินการประกันราคาข้าวเปลือก ข้าวโพด อ้อย มันสำปะหลัง ถั่วเหลือง ปอ และพืชอื่นๆ ที่เกษตรกรปลูกทำกันอย่างแพร่หลาย จนเป็นพืชที่ทำรายได้ให้กับเกษตรกรจำนวนมาก รวมทั้งจะขจัดอุปสรรคที่ขัดขวางมิให้ราคาพืชผลของเกษตรกรเคลื่อนไหว ตามราคาตลาดโลกให้หมดสิ้นไปด้วย สำหรับชาวไทยที่มีอาชีพในการทำยางพารานั้น รัฐบาลจะพิจารณาช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษ ทั้งในด้านการส่งเสริมการผลิตและการตลาด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมอย่างแท้จริง6 จ. ส่งเสริมการประมงและเลี้ยงสัตว์รัฐบาลนี้เห็นว่าอาชีพหลักของชาวไทยทุกประเภท จะต้องได้รับการส่งเสริม ยิ่งอาชีพการประมงและเลี้ยงสัตว์ ซึ่งเป็นอาชีพหลักที่ทำรายได้ให้แก่ประเทศสูง และมีประชากรประกอบอาชีพเหล่านี้เป็นจำนวนมาก รัฐบาลนี้จะเข้าอุ้มชูและสนับสนุนด้วยการขจัดอุปสรรคที่ขัดขวางมิให้งานอาชีพนั้นมีรายได้สูงพอจะยึดถือเป็นงานสร้างความมั่นคงให้แก่ครอบครัวได้อย่างแท้จริง7 แผนปฏิบัติการสำหรับในเมืองการขจัดความยากจนในเขตเมือง หรือนครใหญ่ ทุกภาคของประเทศนั้น รัฐบาลจะดำเนินการ ดังต่อไปนี้
ก. จะอาศัยโครงการสร้างอาคารสงเคราะห์ จำนวน 20,000 หน่วยต่อปีซึ่งกำหนดหมายไว้เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยและยังขาดที่อยู่อาศัย ให้เกิดผลในทางสร้างงานให้ประชาชนทำเพิ่มขึ้นด้วยข. จะดำเนินการให้ประชาชนผู้บรรลุนิติภาวะแล้ว และมีรายได้ต่ำกว่า1,000.-บาทต่อเดือน ได้รับการสงเคราะห์ในประการดังต่อไปนี้อย่างครบถ้วน โดยจะดำเนินการให้สำเร็จหลังจากเข้าบริหารงานแล้ว 6 เดือน คือ
(1) ได้รับสิทธิโดยสารรถประจำทางทุกสาย โดยไม่ต้องเสียค่าโดยสารเพื่อให้สงเคราะห์ประการนี้สำเร็จตามเป้าหมาย จะดำเนินการแก้ไขระบบ รถโดยสารเสียใหม่ และจะกำหนดให้ผู้ได้รับสัมปทานเดินรถโดยสาร จัดรถเฉพาะเพื่อให้นักเรียนซึ่งเป็นบุตรของประชาชนผู้มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ดังกล่าว โดยสารโดยไม่ต้องเสียค่าโดยสารด้วยเช่นกัน
(2) ได้รับสิทธิไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียน ค่าหนังสือ และค่าธรรมเนียมอื่นๆที่เกี่ยวกับการศึกษาภาคบังคับสำหรับบุตรทุกคน8 (3) ได้รับบริการด้านการรักษา ความเจ็บป่วย โดยไม่ต้องเสียค่ารักษา

2. สร้างงานให้ประชาชนคนไทยในประเทศได้ทำทั่วทุกคนรัฐบาลนี้เห็นว่าประชาชนจะมีรายได้ดีตามที่กำหนดไว้ ก็เมื่อประชาชนมีงานทำอย่างบริบูรณ์ และเมื่อประชาชนมีรายได้ดีแล้ว ประชาชนก็ย่อมมีกำลังซื้อสูงและอยู่ในวิสัยที่จะใช้จ่ายได้มากขึ้น กำลังซื้อของประชาชนหากสูงมากแล้ว บรรยากาศในการลงทุนทางธุรกิจทุกแขนงก็ย่อมจะดี เป็นทางให้งานมีเพิ่มให้ประชาชนทำมากยิ่งขึ้น ฉะนั้นรัฐบาลจึงมีเป้าหมายที่จะสร้างงานให้คนไทยทั้งชาติมีทำอย่างบริบูรณ์ โดยกำหนดหมายไว้ว่าจะให้บรรลุเป้าดังกล่าวได้ภายในเวลาห้าปี ซึ่งแผนปฏิบัติการจะเป็นดังต

ก. จะจัดตั้งหน่วยงานส่งเสริมสินค้าออกแห่งชาติขึ้น เพื่อทำหน้าที่ประสานงานทุกด้านที่เกี่ยวกับการส่งเสริมสินค้าออก รวมทั้งติดตามขจัดอุปสรรคและข้อเสียเปรียบในเชิงการแข่งขันในตลาดต่างประเทศ เพื่อให้โอกาสในการส่งสินค้าที่ผลิตได้ในประเทศทุกชนิดออกไปขายในต่างประเทศมีมากขึ้น ซึ่งย่อมจะมีผลในด้านการสร้างงานให้ประชาชนได้ทำถ้วนหน้ากัน หน่วยงานนี้ในขั้นต้นจะมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้บริหารและรับผิดชอบโดยตรงเพื่อให้การประสานงานด้านเศรษฐกิจทุกแขนงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นผลให้มีการ
9 ขยายการลงทุนด้านการผลิต ทั้งที่เป็นทุนในประเทศและจากต่างประเทศ เพิ่มขึ้นรวดเร็วทันกับความจำเป็นที่จะต้องได้งานทำของประชาชนซึ่งเพิ่มขึ้นทุกปี หน่วยงานส่งเสริมสินค้าออกแห่งชาตินี้ จะจัดตั้งขึ้นภายในเวลาหนึ่งเดือนหลังจากรัฐบาลชุดนี้ได้รับความไว้วางใจให้เข้าบริหารงาน อนึ่ง จุดหมายอีกประการหนึ่งของการดำเนินงานส่งเสริมสินค้าออกแห่งชาติ ก็คือการลดความเสียเปรียบทางดุลการค้าลง งานทำโดยตรงจำนวนถึง 100,000 คน และมีงานทางอ้อมด้านต่างๆ อีก 250,000 คน
ค. จะดำเนินการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง เพราะการท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างงานให้คนทำได้มากอย่างและหลายแขนง ทั้งนี้ โดยจะยกฐานะและขยายบทบาท ตลอดจนรับผิดชอบขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว ให้เทียบเท่าทบวงและจะกำหนดหน้าที่ให้เน้นหนักไปในทางสร้างงานอาชีพของประชาชนในชนบท โดยมอบหมายให้ดำเนินการปรับปรุงบริการและพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวในต่างจังหวัด เป้าหมายของการส่งเสริมการท่องเที่ยวตามแนวทางดังกล่าว ไม่เพียงแต่จะเพื่อขยายงานอาชีพของประชาชนเท่านั้น แต่จะมุ่งไปที่การแสวงเงินตราต่างประเทศเพื่อรักษาดุลการชำระเงินไว้มิให้ต้องเสียเปรียบอีกด้วย0 ง. จะส่งเสริมให้คนในต่างจังหวัดมีงานทำอย่างกว้างขวาง โดยจะพยายามให้มีการลงทุนในต่างจังหวัดมากขึ้น ทั้งนี้จะกระทำได้โดยการยกเว้นภาษีบางอย่างเป็นพิเศษแก่ธุรกิจที่จัดตั้งและดำเนินการในจังหวัด ึ้นอันจะเป็นผลให้ประชาชนมีงานทำเพิ่มขึ้น รัฐบาลจะมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยดำเนินมาตรการให้ปริมาณเงินในตลาดขยายตัวดี มีผลทางลดอัตราดอกเบี้ยลง
ฉ. จะส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนที่จะสร้างงานให้คนทำได้จำนวนมาก อย่างไรก็ตาม รัฐบาลนี้จะได้กำหนดเงื่อนไขการส่งเสริมให้เป็นไปในทางที่จะคุ้มครองผลประโยชน์ของประชาชนคนไทย และของประเทศไว้ให้ได้มากที่สุด อีกทั้งเป็นไปในทางที่จะจูงใจฝ่ายลงทุนได้ดีด้วย นอกจากนี้ยังจะกำหนดเงื่อนไขที่มีผลในทางป้องกันพิษภัยที่จะเกิดกับทรัพยากรธรรมชาติและสภาพแวดล้อมไว้อย่างรอบคอบอีกด้วย1 3. ต่อต้านภาวะเงินเฟ้อรัฐบาลนี้ไม่มีเป้าหมายถึงขั้นที่จะขจัดภาวะเงินเฟ้อให้หมดสิ้นไปเพราะความจริงมีอยู่ว่า ภาวะเงินเฟ้อนั้นยังไม่อาจจะหยุดยั้งไว้ได้ แต่พอจะผ่อนคลายให้เบาบางและช้าลงได้แน่นอน อย่างไรก็ตามการให้การสงเคราะห์แก่ประชาชนที่มีรายได้ประจำให้เพียงพอ อยู่กับประชาชนกลุ่มที่มีรายได้ประจำและต่ำ ให้เบาบางลงได้ดีและเร็วที่สุดมาตรการทางการคลังก็จำเป็นต้องใช้เข้าช่วยบรรเทาความเดือดร้อน อันเกิดจากภาวะเงินเฟ้ออย่างรุนแรงด้วย ซึ่งรัฐบาลจะดำเนินการทันทีเมื่อเห็นว่าจำเป็นอนึ่ง ระบบการค้าและการผลิตที่มีลักษณะเป็นการผูกขาดก็เป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้ค่าครองชีพของประชาชนสูงขึ้น กิจการที่มีลักษณะเป็นการผูกขาดมีทั้งที่เป็นของรัฐและเอกชน ฉะนั้น เพื่อสกัดกั้นมิให้ค่าครองชีพของประชาชนสูงขึ้นเพราะการผูกขาด รัฐบาลนี้จะจัดตั้งหน่วยงานที่มีหน้าที่ติดตามพิจารณาและตรวจสอบการดำเนินงานทุกประเภทที่มีลักษณะเป็นการผูกขาดขึ้นในสำนักทำเนียบนายกรัฐมนตรี โดยนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้รับผิดชอบควบคุมและสั่งการให้มีการปรับปรุงแก้ไข เพื่อขจัดการดำเนินการที่เอารัดเอาเปรียบประชาชนโดยกิจการกลุ่มนี้อย่างทันท่วงทีการคลัง,การเงิน




เป้าหมายทางสังคมเป้าหมายทางสังคมของรัฐบาลนี้ มีดังต่อไปนี้
1. ลดช่องว่างระหว่างคนมีกับคนจนและจัดสวัสดิการสังคมให้ดีขึ้น
2. จัดระบบการศึกษาให้เป็นธรรมขึ้น
3. เปลี่ยนค่านิยมทางสังคมของสังคมไทยเสียใหม่
4. อำนวยความสงบสุขภายในบ้านเมืองอย่างมีประสิทธิภาพ
1. ลดช่องว่างระหว่างคนมีกับคนจนรัฐบาลนี้จะดำเนินการลดช่องว่างระหว่างคนมีกับคนจน ด้วยการปรับปรุงวิธีจัดเก็บและระบบภาษีทางตรง เพื่อให้ภาษีทางตรงเป็นรายได้ส่วนสำคัญของรัฐ และในขณะเดียวกัน จะได้ผ่อนคลายภาระภาษีทางอ้อมลง ทั้งนี้ โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าแต่ละปีจะให้ภาษีทางตรงมีอัตราเป็นส่วนร้อยของภาษีอากรทั้งหมดของประเทศ เพิ่มขึ้นปีละไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 และเพื่อสกัดกั้นการรั่วไหลของภาษีทางตรงให้สำเร็จตามความมุ่งหมาย ได้เร็วขึ้น นอกจากจะปรับปรุงวิธีการจัดเก็บโดยใช้เครื่องจักรสมองกลเข้าช่วยแล้วจะใช้การลงโทษทางอาญาอย่างหนักเข้าช่วยอีกแรงด้วย2 รัฐบาลนี้ให้สัญญาว่า ในช่วง 2 ปีแรก รัฐบาลจะไม่เพิ่มอัตราภาษีเ
โดยเด็ดขาด แต่กลับจะช่วยผ่อนคลายภาระภาษีให้แก่ผู้มีรายได้น้อย ด้วยการเพิ่มอัตราการลดหย่อนให้อีก อนึ่ง เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจและลูกจ้างชั้นผู้น้อยที่กำลังได้รับอยู่เพราะค่าครองชีพสูง รัฐบาลจะดำเนินการให้สวัสดิการแก่ข้าราชการเหล่านี้อย่างจริงจังในด้านที่อยู่อาศัยเป็นพิเศษรัฐบาลนี้จะจัดตั้งกองทุนสวัสดิการคนงานขึ้น โดยกำหนดให้ทั้งฝ่ายนายจ้างและลูกจ้างหรือคนงาน จ่ายเงินสมทบให้แก่กองทุนนี้ในอัตราที่เป็นธรรมด้วยกันทั้ง 2 ฝ่ายกองทุนนี้จะจ่ายเงินสงเคราะห์ให้แก่ลูกจ้างหรือคนงานในขณะที่ว่างงานหรือเมื่อตาย และคนงานหรือลูกจ้างมีสิทธิที่จะกู้ยืมเงินจากกองทุนนี้ เพื่อใช้ในกิจการที่จำเป็นได้ เช่นกู้ไปซื้อที่อยู่อาศัย เป็นต้นเมื่อประชาชนมีโอกาสที่จะได้งานทำกันทั่วหน้าแล้ว ค่าจ้างแรงงานก็จะต้องสูงขึ้น อัตราเงินเดือนก็จะต้องได้รับการปรับปรุงตามขึ้นตลอดไปเมื่อมีการสนับสนุนการพัฒนาชนบทอย่างจริงจัง ดังที่ได้แถลงไว้ในเป้าหมาย
3 3. การเปลี่ยนค่านิยมทางสังคมของสังคมไทยค่านิยมทางสังคมบางประการที่ยังเป็นตัวถ่วงความเจริญของบ้านเมืองอยู่ในระยะนี้ จะต้องมีการชี้นำให้เปลี่ยนไป และรัฐบาลนี้ได้กำหนดวิธีการไว้ดังนี้
ก. ใช้สื่อสารมวลชนชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจว่า สิทธิอำนาจต่างๆ นั้นมาจากประชาชน ไม่ใช่มาจากผู้ทรงอำนาจที่ไหนข. คนไทยจะต้องไม่ยอมรับนับถืออำนาจอันไม่ชอบธรรม และได้มาด้วยการทุจริตเป็นอันขาด
ค. ชักนำให้เกิดความเข้าใจและความเลื่อมใสในศาสนา ในทางที่ชอบด้วยเหตุผล และขจัดความเชื่อถืองมงายต่างๆ ให้หมดไปง. สร้างอุปนิสัยประหยัดให้เป็นคติธรรม แทนความฟุ่มเฟือยฟุ้งเฟ้อ ที่มีอยู่ทั่วไปวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี


การพลังงาน สิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ





การปรับปรุงกฎหมาย


การกระจายรายได้ ความเจริญ สร้างความเป็นธรรมในสังคม


การยุติธรรม,ศาล,ตุลาการ


การเกษตร


การศึกษา

2. สร้างระบบการศึกษาให้เป็นธรรมขึ้นการสร้างระบบการศึกษาให้เป็นธรรมขึ้น โดยดำเนินการให้การศึกษามีพื้นฐานอยู่ที่การให้ความเสมอภาคในด้านการศึกษา และให้ความเสมอภาคในด้านโอกาส ที่จะศึกษาในทุกท้องถิ่นอย่างเท่าเทียมกัน โดยคำนึงถึงความสามารถของแต่ละบุคคลเป็นสำคัญรัฐบาลมีแผนปฏิบัติการเพื่อบรรลุเป้าหมายประการนี้ไว้ ดังนี้
(1) ขยายการศึกษาภาคบังคับ เป็นการให้เปล่าแก่ประชาชนทุกคนอย่างทั่วถึงทั่วประเทศ ภายในระยะเวลาไม่เกิน 4 ปี โดยให้การศึกษาภาคบังคับมีคุณภาพทัดเทียมกันทั่วทุกท้องถิ่น

(2) ดำเนินมาตรการประกันความเสมอภาค แห่งโอกาสสำหรับการศึกษาที่มิใช่ภาคบังคับ ให้ผู้ที่สำเร็จการศึกษาแต่ละระดับได้มีโอกาสศึกษาสูงขึ้นตามความต้องการของแต่ละบุคคล โดยการจัดสถานศึกษาขั้นมัธยมและอุดมศึกษาไว้ให้เพียงพอ และจัดหาทุนการศึกษาไว้สำหรับนักเรียนที่ขาดแคลนแต่เรียนดี
(3) กระจายบริการด้านการศึกษาไปยังท้องที่ในเขตชนบทโดยทั่วถึง และให้เป็นระบบการศึกษาที่สำเร็จประโยชน์ในตัว สามารถเอื้ออำนวยให้ผู้ที่จบการศึกษาในแต่ละระดับ มีวิชาชีพพอที่จะนำไปใช้ทำมาหากินเลี้ยงตัวได้ตามอัตภาพ2 (4) ให้อำนาจการบริหารการศึกษาแก่ท้องถิ่นอย่างเต็มที่ ให้จัดรูปการบริหารการศึกษาของท้องถิ่นเสียใหม่ มิให้มีความซ้ำซ้อนกัน และให้หน่วยงานที่รับผิดชอบทางการศึกษาแต่ละท้องถิ่น สามารถกำหนดเนื้อหาวิชาและวิธีการเรียนรู้บางประการ ที่จำเป็นให้สอดคล้องกับความต้องการด้านเศรษฐกิจและสังคมของแต่ละท้องถิ่น
(5) จัดการศึกษานอกโรงเรียน อันได้แก่การศึกษาผู้ใหญ่ในรูปแบบต่างๆโดยเน้นวิชาที่สอนให้หนักไปในด้านการผลิต การจำหน่าย การจัดการไร่นา รวมทั้งการ

(6) จัดรายการโทรทัศน์และวิทยุเพื่อการศึกษา ความยาวรวมกันวันละไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมง ออกอากาศสัปดาห์ละ 6 วัน ในหัวข้อวิชาต่างๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการเกษตรและวิชาชีพอื่นๆ ตลอดจนอบรมด้านธรรมจริยาและภูมิปัญญา ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามแนวความคิดเรื่อง "มหาวิทยาลัยเปิด" ทั่วประเทศการสาธารณสุข


การแรงงาน


งานเร่งด่วน


การฟื้นฟูบูรณะกรุงเทพมหานคร


วันที่ 14 มีนาคม 2518 - 12 มกราคม 2519
รายชื่อคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรี คณะที่ 36


ตั้งแต่
2 เนื่องจากคณะรัฐมนตรีชุดหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ได้แถลงนโยบายเพื่อขอความไว้วางใจจากสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 6 มีนาคม 2518 สภาผู้แทนรา ลงมติให้ความไว้วางใจในคณะรัฐมนตรีคณะนี้ ด้วยคะแนนเสียงน้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกที่มาประชุม คณะรัฐมนตรีคณะนี้จึงเป็นอันต้องพ้นจากตำแหน่งตามความในมาตรา 187
(2) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2517 และโดยที่ทรงพระราชดำริเห็นว่า หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นผู้ที่สมควรไว้วางพระราชหฤทัยให้ดำรงตำแหน่งจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งให้หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2518 และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2518 คณะรัฐมนตรีคณะนี้มีรายนามดังต่อไปนี้
1. หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรี
2. พลตรี ประมาณ อดิเรกสาร เป็นรองนายกรัฐมนตรี
3. นายปรีดา พัฒนถาบุตร เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
4. พลตรี ประมาณ อดิเรกสาร เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
5. พลเรือเอก กมล สีตะกลิน เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม
6. นายบุญเท่ง ทองสวัสดิ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
7. พันตำรวจโท บุญเลิศ เลิศปรีชา เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
8. พันเอก ประกอบ ประยูรโภคราช เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย 10. นาวาอากาศโท ทินกร พันธ์กระวี เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง3 11. พลตรี ศิริ สิริโยธิน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม12. เรืออากาศตรี บุญยง วัฒนพงศ์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม13. นายอนันต์ ฉายแสง เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม14. นายทวิช กลิ่นประทุม เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์15. นายอนันต์ ภักดิ์ประไพ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์16. นายดาบชัย อัคราช เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์17. นายประชุม รัตนเพียร เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข18. นายอุทัย ชุณหะจันทน์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข19. นายนิพนธ์ ศศิธร เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ20. นายสุวรรณ ธนกัญญา เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ21. นายประเสริฐ บุญสม เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ22.นายสุรินทร์ เทพกาญจนา เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม23. นายใหญ่ ศวิตชาต เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม24. นายบุญคุ้ม จันทรศรีสุริยวงศ์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงยุต 25. พลตรี ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ26. นายทองหยด จิตตวีระ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์27. พลโท ชาญ อังศุโชติ เป็นรัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัยของรัฐ
4 ในวันที่ 10 เมษายน 2518 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้นายไชยศิริ เรืองกาญจนเศรษฐ์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์5 วันที่ 8 มกราคม 2519 ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้

1. นายใหญ่ ศวิตชาต พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
2. พลโท ชาญ อังศุโชติ พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัยของรัฐ
3. พลเรือเอก กมล สีตกะลิน พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม4.นายอนันต์ ภักดิ์ประไพ พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
5. นายบุญคุ้ม จันทรศรีสุริยวงศ์ พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงยุติธรรม
6. นายประเสริฐ บุญสม พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการและให้
1. หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช นายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อีกตำแหน่งหนึ่ง
2. นายทวิช กลิ่นประทุม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็น 3.ให้นายบุญเท่ง ทองสวัสดิ์ พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและตั้งให้เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
4. ให้นายนิพนธ์ ศศิธร พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและตั้งให้เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัยของรัฐ5.ให้นายประชุม รัตนเพียร พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและตั้งให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
6. นายสวัสดิ์ คำประกอบ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
7. นายประภัทรพงศ์ เวชชาชีวะ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง8.นายประเทือง คำประกอบ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
9. นายบุญส่ง สมใจ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์10. ให้นายอนันต์ ฉายแสง พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและตั้งให้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข6 11. นายประทวน รมยานนท์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม12. นายธเนตร เอียสกุล เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์13. นายปัญจะ เกสรทอง เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ14. นายแสวง พิบูลย์สราวุธ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม15. นายวัฒนา อัศวเหม เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

1. นายทวิช กลิ่นประทุม พ้นจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์2. นายบุญส่ง สมใจ พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
3. นายอนันต์ ฉายแสง พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขการอุตสาหกรรม


การคมนาคม ขนส่ง,สื่อสาร