คณะรัฐมนตรี คณะที่ 31

จอมพล ถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรี

ตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2512 - 17 พฤศจิกายน 2514

แถลงนโยบาย เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2512
คำปรารภ

คำแถลงนโยบายของรัฐบาล

2 "ท่านประธานรัฐสภา และท่านสมาชิกผู้มีเกียรติ
3 ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ข้าพเจ้าเป็นนายกรัฐมนตรีตามประกาศพระบรมราชโองการ ลงวันที่ 7 มีนาคม พุทธศักราช 2512 และข้าพเจ้าได้จัดตั้งคณะรัฐบาลซึ่งได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี ตามประกาศพระบรมราชโองการ ลงวันที่ 11 มีนาคม พุทธศักราช 2512 แล้วนั้น บัดนี้ คณะรัฐมนตรีได้วางนโยบายตามแนวนโยบายของพรรคสหประชาไทยที่ได้แถลงไว้กับประชาชนชาวไทยแล้ว โดยตระหนักในความสำคัญว่าจะต้องเป็นไปตามแนวนโยบายแห่งรัฐ ที่ได้บัญญัติไว้ใน ึดถือหลักการรักษาความมั่นคงของประเทศชาติ และการเคารพในสิทธิเสรีภาพ ของประชาชนรวมทั้งการเสริมสร้างความไพบูลย์ทางเศรษฐกิจและความเป็นธรรมในสังคมเป็นมูลฐานจึงขอแถลงนโยบายให้รัฐสภาทราบ ตามความในมาตรา 141 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2511 ดังต่อไปนี้การเมือง

1. รัฐบาลนี้เชื่อมั่นอย่างจริงใจว่า การปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช2511 เป็นระบอบการปกครองที่เหมาะสมกับความต้องการของประเทศไทย ฉะนั้น รัฐบาลนี้จะปฏิบัติตามทุกอย่าง เพื่อให้การปกครองระบอบนี้ได้ดำเนินไปโดยราบรื่น และการสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงทางการเมืองของประเทศไทย โดยเฉพาะจะเทิดทูนพระมหากษัตริย์และราชบัลลังก์ไว้เป็นที่เคารพสักการะอันสูงยิ่งตลอดไป รวมทั้งจะส่งเสริม ของประเทศอย่างกว้างขวาง เพื่อการนี้รัฐบาลนี้จะพยายามทุกวิถีทางที่จะให้เข้าใจว่า การใช้สิทธิเสรีภาพและดำเนินภาระกิจทางการเมืองนั้นเป็นหน้าที่ ซึ่งประชาชนชาวไทยพึงศึกษาและปฏิบัติ อันจะเป็นผลให้การปกครองระบอบประชาธิปไตย ของประเทศไทยพัฒนาก้าวหน้าและยั่งยืนตลอดไปความมั่นคง การป้องกันประเทศ การทหาร

2. รัฐบาลนี้ถือว่า ความมั่นคงของประเทศชาติเป็นรากฐานอันสำคัญยิ่ง ที่จะช่วยทำให้การเสริมสร้างความไพบูลย์ทางเศรษฐกิจ และความเป็นธรรมในสังคม ดำเนินไปโดยราบรื่นและบรรลุผลสำเร็จ ฉะนั้น รัฐบาลนี้จะปฏิบัติการทุกอย่าง เพื่อให้ประเทศไทยได้ดำรงอยู่อย่างมั่นคงโดยเฉพาะจะตระเตรียมสรรพกำลังของชาติ ตามกำลังเศรษฐกิจของประเทศให้อยู่ในสภาพเตรียมพร้อมที่จะป้องกันราชอาณาจักร นอกจากนั้น รัฐบาลนี้จะควบคุมให้ทหารของชาติอยู่ในระเบียบวินัยอันดี บำรุงขวัญ และกำลังใจทหารของชาติให้สูงอยู่เสมอรวมทั้งจะพัฒนาวิธีการป้องกันและการปราบปรามคอมมิวนิสต์ ซึ่งคุกคาม ในขณะนี้ให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น อันจะยังผลให้เราสามารถสกัดกั้นภัยจากคอมมิวนิสต์ได้ในที่สุดความสงบเรียบร้อยภายใน,การปกครอง,มหาดไทย

4. รัฐบาลนี้ถือว่าความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ และความปลอดภัยของประชาชนเป็นภาระที่สำคัญยิ่ง การจัดการคุ้มครองป้องกันให้ประชาชนได้ประกอบอาชีพโดยปราศจากความหวาดระแวงภัยเป็นสิ่งที่ประชาชนปรารถนาเพื่อการนี้รัฐบาลจะเสริมสร้างกำลังและสมรรถภาพของตำรวจ พนักงานฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่ส่วนท้องถิ่นให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะพิจารณาแก้ไขการปฏิบัติเกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวนและปราบปรามโจรผู้ร้ายให้เหมาะสมตามสภาพของบ้านเมืองรวมทั้งจะได้สนับสนุนให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการรักษาความสงบเรียบร้อย และความปลอดภัยในท้องถิ่นของตนด้วยในส่วนที่เกี่ยวกับการเสริมสร้างความอยู่ดีกินดีของประชาชนนั้น รัฐบาลนี้ถือเป็นนโยบายสำคัญอันหนึ่งที่จะต้องกระทำโดยจะขยายโครงการพัฒนาท้องถิ่นออกไปให้กว้างขวาง ะชาชนทั่วไปได้มีที่ดินทำกินเป็นของตนเองตามกำลังความสามารถของตนเองและครอบครัว จะส่งเสริมให้ประชาชนได้รับความสะดวกในการประกอบอาชีพสุจริตตามที่ตนถนัดอย่างจริงจัง จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในเรื่องที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อยด้วยการเพิ่มอาคารสงเคราะห์ และก่อสร้างบ้านเรือนในราคาถูกให้เช่าซื้อในระยะยาวจะส่งเสริมการประชาสงเคราะห์ในหน้าที่ของรัฐและสนับสนุน2 งานสังคมสงเคราะห์ของเอกชนให้อำนวยผลดียิ่งขึ้นจะส่งเสริมและคุ้มครองผู้ใช้แรงงานให้มีรายได้และสวัสดิภาพเพียงพอตามความเป็นธรรม จะจัดการสาธารณูปโภคในท้องถิ่นต่างๆ ให้มีไฟฟ้าประปา โดยทั่วถึงยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน จะจัดให้มีทางระหว่างอำเภอและระหว่างตำบลเพิ่มยิ่งขึ้นเพื่อให้ท้องถิ่นต่างๆ ได้มีความเจริญใกล้เคียงกันอันจะเป็นผลให้ประชาชนชาวไทยทั่วทั้งประเทศมีความสะดวกสบายทั่วถึงกันจะได้ปรับปรุงส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้ท้องถิ่นสามารถดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ได้เป็นผลดี ทั้งจะส่งเสริมให้ท้องถิ่นต่างๆ ได้มีการปกครองตัวเอง
สิทธิ เสรีภาพประชาชน ,เอกราช


การต่างประเทศ

3.รัฐบาลนี้จะดำเนินความสัมพันธ์กับต่างประเทศ โดยยึดถือหลักคติธรรมกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งจะดำเนินนโยบายโดยอิสระ เพื่อผดุงรักษาไว้ซึ่งประโยชน์ของชาติประชาชนชาวไทย รัฐบาลนี้จะรักษาไว้ซึ่งสิทธิ และปฏิบัติตามพันธกรณีอันดีกับทุกประเทศที่ไม่มีเจตนามุ่งร้ายต่อประเทศไทย จะยึดมั่นในหลักแห่งกฎบัตรสหประชาชาติ และจะร่วมมือกับองค์การสหประชาชาติ เพื่อให้องค์การนี้สามารถทำหน้าที่รักษาความมั่นคงและสันติสุขของโลกตามหลักแห่งความยุติธรรมได้อย่างแท้จริง รวมทั้งจะร่วมมือกับประเทศทั้งใกล้และไกลเพื่อสร้างความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันการเศรษฐกิจ,พาณิชย์

5. รัฐบาลนี้ จะดำเนินการพัฒนาประเทศ โดยยึดเป้าหมายและนโยบายตามแผนพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหลัก ซึ่งมีหลักการจะสร้างสรรค์กิจการที่เป็นรากฐานเพื่อสนองความต้องการของประชาชน ทั้งนี้ จะได้ปรับปรุงให้เหมา รัฐบาลนี้จะเน้นหนักเป็นพิเศษในงานด้านชลประทาน การก่อสร้าง และบูรณะทางหลวงให้ทั่วถึงทุกภาค ปรับปรุงขยายงานด้านพลังงานไฟฟ้า ให้เพียงพอกับความต้องการทางด้านธุรกิจ อุตสาหกรรม และครัวเรือนอยู่เสมอ รวมทั้งจะส่งเสริมสหกรณ์อเนกประสงค์ให้มีมากขึ้นนอกจากนั้น รัฐบาลนี้จะดำเนินการทุกอย่างเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต ของประเทศและรายได้ประชาชาติ เพื่อยกระดับมาตรฐานการครองชีพ และรายได้ของประชาชน กับส่งเสริมให้ประชาชนได้รับผลจากการพัฒนาโดยทั่วถึงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะจะปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศให้มีรากฐานที่มั่นคง และสมดุลย์ยิ่งขึ้น จะพัฒนากำลังคนด้วยการขยายการมีงานทำให้มากขึ้น และพัฒนาแรงงานระดับต่างๆ จะสนับสนุน และส่งเสริมการวิจัย เพื่อความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์ และวิทยาการด้านประยุกต์อย่างจริงจังในด้านทรัพยากรธรรมชาติ จะได้ค้นหาและสำรวจ เพื่อหาแหล่งที่จะพัฒนา และ
2 11. รัฐบาลนี้ถือว่า การค้าคือหัวใจของความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศและสร้างความสุขสมบูรณ์ให้แก่ประชาชน ฉะนั้นรัฐบาลนี้จะปฏิบัติการทุกอย่างที่จะส่งเสริมให้การค้าทั้งภายในและภายนอกประเทศ ดำเนินไปอย่างราบรื่น เพื่อการนี้รัฐบาลจะดำเนินการแก้ไขอุปสรรค และวิธีการขนส่งสินค้าจากแหล่งผลิตมาสู่แหล่งบริโภคให้เป็นไปโดยสะดวก สม่ำเสมอ รวดเร็ว และประหยัด รวมทั้งจะรักษาระดับราคาสินค้าที่จำเป็นแก่การครองชีพของประชาชนไว้ ในส่วนที่เกี่ยวกับการค้ากับต่างประเทศนั้น รัฐบาลนี้จะขยายและรักษาตลาดต่างประเทศไว้อย่างมั่นคง และจะดำเนินการแก้ไขดุลย์การค้าที่ประเทศไทยยังเสียเปรียบกับบางประเทศให้ดียิ่งขึ้นการคลัง,การเงิน

7. รัฐบาลนี้ ถือว่าเสถียรภาพทางการเงินเป็นรากฐานสำคัญ ของความมั่นคงในสังคมและความไพบูลย์ทางเศรษฐกิจ ฉะนั้น รัฐบาลจะปฏิบัติการทุกอย่างเพื่อรักษาเสถียรภาพของเงินตรา กับทั้งจะปรับปรุงแก้ไขวิธีการงบประมาณให้สามารถสนอง ควา พัฒนาประเทศได้อย่างเหมาะสม และจะควบคุมการใช้จ่ายเงินของแผ่นดินให้เป็นไปโดยประหยัดและเป็นประโยชน์ต่อการสร้างความเจริญให้แก่ประเทศชาติ และอำนวยความผาสุกให้แก่ประชาชนอย่างแท้จริง ในส่วนที่เกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีอากรอันเป็นที่มาสำคัญของรายได้แผ่นดินนั้นรัฐบาลนี้จะปฏิบัติการทุกอย่าง เพื่อป้องกันมิให้มีการหลีกเลี่ยง และปรับปรุงการภาษีอากรให้สอดคล้องกับความจำเป็นในการพัฒนาประเทศเป็นสำคัญ เพื่อการนี้รัฐบาลจะแก้ไขวิธีการจัดเก็บและการตรวจสอบภาษีอากร ให้มีประสิทธิภาพ และอำนวยความสะดวกแก่ผู้เสียภาษีอากรมากยิ่งขึ้นการสังคม


วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี


การพลังงาน สิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ


การบริหารราชการ

14. รัฐบาลนี้ถือว่าความผาสุกของประชาชนชาวไทยเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุ
บริหารประเทศ ฉะนั้น สิ่งใดที่จะช่วยให้ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่ ในประเทศมีความผาสุกรัฐบาลนี้จะรับทำสิ่งนั้นโดยเร็ว และสิ่งใดที่เป็นความเดือดร้อนจะรับแก้ไขสิ่งนั้นโดยด่วน เพื่อการนี้รัฐบาลจึงเต็มใจที่จะรับฟังความคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากรัฐสภานี้ และพร้อมที่จะปฏิบัติตามเสมอ ถ้าความคิดเห็นและข้อเสนอแนะนั้น จะมีผลในการอำนวยความสุขสมบูรณ์ให้แก่ประเทศชาติ และประชาชนอย่างแท้จริง15. รัฐบาลนี้ถือว่าความสามัคคีภายในชาติเป็นรากฐานอันสำคัญยิ่งที่จะช่วยทำให้ประเทศไทยประสบผลสำเร็จในการพัฒนาทุกด้าน ฉะนั้น สิ่งใดที่จะก่อให้เกิดความแตกแยกภายในชาติแล้วจะขจัดให้หมดสิ้นไปโดยเด็ดขาดในขณะเดียวกันรัฐบาล จะปฏิบัติการทุกอย่างเพื่อสร้าง และรักษาความสามัคคีภายในชาติให้เข้มแข็งมั่นคงการปรับปรุงกฎหมาย


การกระจายรายได้ ความเจริญ สร้างความเป็นธรรมในสังคม




13. รัฐบาลนี้ตระหนักในความสำคัญของความยุติธรรม ที่มีต่อความสงบเรียบร้อยในสังคมและความมั่นคงของชาติ ฉะนั้น รัฐบาลนี้จะดำเนินการทุกวิถีทาง เพื่อรักษาไว้ซึ่งหลักนิติธรรม จะเคารพในอำนาจอิสระของศาลยุติธรรมในการพิจารณา พิพากษาอรรถคดี และจะส่งเสริมสถาบัน รวมทั้งตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมให้มีมาตรฐาน และประสิทธิภาพสูงขึ้น อันจะยังผลให้การพิจารณาพิพากษาอรรถคดีเป็นไป โดยรวดเร็วและให้ความยุติธรรมแก่ประชาชนได้อย่างดีที่สุดการเกษตร

8. รัฐบาลนี้ จะส่งเสริมการเกษตรอันเป็นอาชีพหลัก ของประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่ ให้มีประสิทธิภาพในการผลิต ทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ จะจัดหาแหล่งน้ำเพิ่มขึ้นและจะส่งเสริมให้เกษตรกรรู้จักใช้น้ำชลประทานที่รัฐบาลได้จัดสร้างขึ้นแล้ว ให้บังเกิดผลมากที่สุด จะช่วยเหลือเกษตรกรในด้านวิชาการต่างๆ อันทันสมัยช่วยให้มีตลาดเพื่อจำหน่ายผลิตผลที่เกษตรกรผลิตได้ ช่วยให้เกษตรกรได้รับผลตอบแทน จากการลงทุนในการผลิตให้ ารเกษตร เพื่อให้ธนาคารดังกล่าวขยายกิจการให้กว้างขวางยิ่งขึ้นส่วนในด้านการป่าไม้นั้น เพื่อให้บังเกิดความสมดุลย์ตามธรรมชาติ จะรักษาป่าไม้อนุรักษ์ดินและน้ำในบริเวณพื้นที่อันเป็นต้นน้ำลำธารและแหล่งซับน้ำ ให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์อันเป็นการป้องกันการขาดแคลนน้ำ กับทั้งจะให้มีการปลูกบำรุงป่าเพิ่มขึ้น เพื่อให้มีปริมาณไม้ และของป่าสำหรับใช้สอย และเป็นสินค้าอย่างเพียงพอ ในส่วนที่เกี่ยวกับที่ดิน ป่าสงวน จะได้พิจารณาปรับปรุงแนวเขตให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ โดยถือประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลักการศึกษา

12. รัฐบาลนี้ตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษาแห่งชาติว่า เป็นกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่ความเจริญก้าวหน้าในทุกๆ ทาง ฉะนั้น รัฐบาลนี้จะจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยเฉพาะจะปรับปรุงและส่งเสริมการศึกษาทั้งในด้านการศึกษาสามัญ อาชีวศึกษา และอุดมศึกษา ให้ดียิ่งขึ้น ในการนี้รัฐบาลนี้จะพยายามขยาย ยเฉพาะโรงเรียนอาชีวะให้มีคุณภาพสูง และเพิ่มจำนวนให้มากขึ้น ปรับปรุงมหาวิทยาลัยที่มีอยู่แล้วให้มีคุณภาพสูงขึ้น และให้มีที่เรียนมากขึ้น ช่วยเหลือครูบาอาจารย์ในรูปสวัสดิการต่างๆ เพื่อให้ได้มีความรู้สึกมั่นคงในอาชีพของตน สามารถอุทิศเวลาเพื่อการศึกษาอบรมแก่เยาวชนได้อย่างเต็มที่ นอกจากนั้น รัฐบาลนี้จะสนับสนุนให้เอกชนได้เข้ามามีบทบาทในการให้การศึกษาแก่ประชาชน ทั้งในระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอุดมศึกษา มากขึ้น ส่งเสริมการศึกษาวิจัยในสาขาวิชาการต่างๆ และนำผลของการวิจัยมาประยุกต์ให้เหมาะสมกับภาวะความต้องการของประเทศ ในขณะเดียวกันก็จะส่งเสริม และรักษาขนบประเพณีอันดีงามของชาติ และประชาชน บำรุงพระพุทธศาสนา และอนุเคราะห์เกื้อกูลศาสนาต่างๆ ตลอดจนศิลปและวัฒนธรรมของชาติด้วยการสาธารณสุข

6. รัฐบาลนี้จะส่งเสริมการอนามัยของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น โดยถือหลักขจัด หลายชนิด เช่น ไข้ทรพิษกาฬโรค โรคคุดทะราด และไข้มาลาเรีย และดำเนินการป้องกันทุกวิถีทางมิให้โรคระบาดต่างๆเกิดระบาดขึ้นได้ ส่วนในด้านการรักษาพยาบาลผู้เจ็บป่วยนั้นรัฐบาลนี้จะเร่งรัดการผลิตแพทย์และผู้มีอาชีพอันเกี่ยวเนื่องกับวิทยาศาสตร์การแพทย์ให้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งจะจัดและสนับสนุนให้มีแพทย์ประจำในส่วนภูมิภาคมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ประชาชนในส่วนภูมิภาคได้รับการรักษาพยาบาลที่ถูกต้อง เพื่อการนี้รัฐบาลจะเพิ่ม และปรับปรุงสถานพยาบาลให้ทันสมัยมากขึ้น ทั้งในด้านสถานที่เครื่องมือเครื่องใช้ และเจ้าหน้าที่ จะส่งเสริมการวิจัยทางแพทย์ จะควบคุมการผลิตและจำหน่ายยาและเวชภัณฑ์อย่างใกล้ชิดการแรงงาน


งานเร่งด่วน


การฟื้นฟูบูรณะกรุงเทพมหานคร




ตามนโยบายที่รัฐบาลได้แถลงมาทั้งหมดนี้ รัฐบาลเชื่อว่าจะสามารถสนองความต้องการของประชาชน สร้างความเจริญ และความมั่นคงให้แก่ประเทศชาติได้ ฉะนั้นจึงหวังว่ารัฐสภาจะให้การสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลด้วยดี เพื่อรัฐบาลจะได้สามารถดำเนินการบริหารประเทศโดยราบรื่น และสร้างความเจริญให้แก่ประเทศรวมทั้งอำนวยความผาสุกให้แก่ประชาชนได้อย่างเต็มที่ ถ้าท่านสมาชิกผู้มีเกียรติมีข้อข้องใจประการใดขอได้โปรดซักถามข้าพเจ้าและรัฐมนตรีทุกท่านยินดีที่จะอธิบายเพื่อแก้ข้อข้องใจนั้น"

7 มีนาคม 2512 ถึง 17 พฤศจิกายน 2514

รายชื่อคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรี คณะที่ 31


ตั้งแต่
2 โดยที่การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนตามพระราชกฤษฎีกาให้เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน พ.ศ.2511 ได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว และได้ทรงพระราชดำริเห็นว่า จอมพล มีนาคม 2512จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งจอมพล ถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรี และในวันที่11 มีนาคม 2512 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ตั้งรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีคณะนี้มีรายนามและพระนามดังต่อไปนี้
1. จอมพล ถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรี
2. พลเอก ประภาส จารุเสถียร เป็นรองนายกรัฐมนตรี
3. นายพจน์ สารสิน เป็นรองนายกรัฐมนตรี
4. พลโท แสวง เสนาณรงค์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวง
ในสำนักนายกรัฐมนตรี
5. จอมพล ถนอม กิตติขจร เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
6. นายเสริม วินิจฉัยกุล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

7. พันเอก ถนัด คอมันตร์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
8. หม่อมราชวงศ์ จักรทอง ทองใหญ่ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร
9. พลอากาศเอก ทวี จุลละทรัพย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม10. นายพจน์ สารสิน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติ11. พลเอก ประภาส จารุเสถียร เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ม13. นายสุกิจ นิมมานเหมินท์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ14. นายบุญชนะ อัตถากร เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการ15. พลตำรวจเอก ประเสริฐ รุจิรวงศ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข3 16. พลโท พงษ์ ปุณณกันต์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม17. พลเอก จิตติ นาวีเสถียร เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม18. หม่อมราชวงศ์ ทองแท่ง ทองแถม เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง19. นายจิตติ สุจริตกุล เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ20. นายมนูญ บริสุทธิ์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร21. พลเรือตรี ชลี สินธุโสภณ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม22. หม่อมหลวง ชูชาติ กำภู เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติ ทย24. นายถวิล สุนทรศารทูล เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย25. พลโท อัมพร ศรีไชยยันต์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงยุติธรรม26. พลเอก กฤษณ์ สีวะรา เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ27. พลตำรวจโท พิชัย กุลละวณิชย์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเศรษฐการ28. นายสมบุญ ผ่องอักษร เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข29. นายสะอาด หงษ์ยนต์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม4 วันที่1กันยายน 2512 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ตั้ง นายบุญรอดบิณฑสันต์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติ แทน หม่อมหลวงชูชาติ กำภูซึ่งถึงแก่อนิจกรรมวันที่ 25 มิถุนายน 2513 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งพลตำรวจตรี สง่า กิตติขจร เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แทนนายจิตติ สุจริตกุล ซึ่งถึงแก่อนิจกรรม และแต่งตั้งรัฐมนตรีบางตำแหน่ง ดังต่อไปนี้
1. ให้พลเอก กฤษณ์ สีวะรา พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม2.ให้พลตำรวจโทพิชัย กุลละวณิชย์ พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเศรษฐการ และแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร
3. ให้นายมนูญ บริสุทธิ์ พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงยุติธรรม แทน พลโท อัมพร ศรีไชยันต์ซึ่งถึงแก่อนิจกรรม
4. แต่งตั้งให้ นายอภัย จันทวิมล เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

5. แต่งตั้งให้ นายประสิทธิ์ กาญจนวัฒน์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเศรษฐการการอุตสาหกรรม

9. รัฐบาลนี้ถือว่าการอุตสาหกรรมเป็นปัจจัยที่จะช่วยส่งเสริมความเจริญก้าวหน้าที่ทางเศรษฐกิจของประเทศเพื่อช่วยให้ประชาชนมีงานทำและช่วยยกระดับวิชาการทางเทคนิคฉะนั้นรัฐบาลนี้จะมุ่งส่งเสริมอุตสาหกรรมที่มีลักษณะดังต่อไปนี้เป็นสำคัญ คือ อุตสาหกรรมที่ใช้ แล้วภายในประเทศ ที่มีส่วนช่วยดุลย์แห่งการชำระเงินระหว่างประเทศ หรือที่มีส่วนช่วยส่งเสริมให้ประชาชนมีงานทำและรัฐบาลจะส่งเสริมการลงทุน เพื่ออุตสาหกรรมให้กว้างขวางยิ่งขึ้นการคมนาคม ขนส่ง,สื่อสาร

10. รัฐบาลนี้ถือว่าการคมนาคมและการสื่อสารเป็นองค์ประกอบที่จะช่วยสนับสนุนให้การพัฒนาด้านต่างๆ บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมาย กระจายความเจริญและอำนวยความสะดวกทำให้เกิดความผาสุกแก่ประชาชนอย่างทั่วถึง ฉะนั้น รัฐบาลจึงจะดำเนินการปรับปรุงและขยายกิจการด้านขนส่งทั้งในประเทศและระหว่างประเทศทั้งทางถนน ทางรถไฟ ทางน้ำ ทางอากาศ และการท่าเรือ ให้เพียงพอแก่ความต้องการของประชาชน และการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ส่วนการสื่อสารด้านไปรษณีย์โทรเลข โทรศัพท์ วิทยุและโทรคมนาคมนั้น รัฐบาลนี้จะปรับปรุงบริการเหล่านี้ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ประชาชนสามารถติดต่อและส่งข่าวสารถึงกันและกันได้โดยสะดวกและรวดเร็ว