คณะรัฐมนตรี คณะที่ 23
จอมพล แปลก พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี
29 พฤศจิกายน 2494 - 6 ธันวาคม 2494คณะรัฐมนตรีไม่ได้แถลงนโยบาย ต่อสภาผู้แทนราษฎร
การเมือง
ความมั่นคง การป้องกันประเทศ การทหาร
ความสงบเรียบร้อยภายใน,การปกครอง,มหาดไทย
สิทธิ เสรีภาพประชาชน ,เอกราช
การต่างประเทศ
การเศรษฐกิจ,พาณิชย์
การคลัง,การเงิน
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
การพลังงาน สิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ
การบริหารราชการ
การปรับปรุงกฎหมาย
การกระจายรายได้ ความเจริญ สร้างความเป็นธรรมในสังคม
การยุติธรรม,ศาล,ตุลาการ
การเกษตร
การศึกษา
การสาธารณสุข
การแรงงาน
การฟื้นฟูบูรณะกรุงเทพมหานคร
แถลงนโยบาย เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2492
คำปรารภ
คำแถลงนโยบายของรัฐบาล
2 ท่านประธาน และท่านสมาชิกผู้มีเกียรติ
3 ตามที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ข้าพเจ้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งคณะรัฐบาลของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อบริหารราชการแผ่นดินตามประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 25 มิถุนายน พุทธศักราช 2492 ทั้งข้าพเจ้าและคณะรัฐบาลได้เข้าเฝ้าปฏิญาณตนตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมาตรา 141 แล้ว บัดนี้ข้าพเจ้าและคณะรัฐมนตรี ขอแถลงนโยบายเพื่อสภานี้จะได้พิจารณาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 145-146 ดังต่อไปนี้ก่อนอื่นรัฐบาลนี้มีเจตน์จำนงค์อันแน่วแน่ที่จะรักษาระบอบประชาธิป พระมหากษัตริย์เป็นประมุข ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการการเมือง
ความมั่นคง การป้องกันประเทศ การทหาร
4. การทหาร
(1) จะผดุงส่งเสริมสมรรถภาพกำลังทหารให้สมกับกาลสมัย
(2) จะพยายามจัดการทุกวิถีทางให้กำลังทหาร เป็นทหารที่ดีของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้งอยู่ในความนิยมของประชาชนความสงบเรียบร้อยภายใน,การปกครอง,มหาดไทย
10. การมหาดไทย
จะจัดการปกครองให้ราษฎรมีความปลอดภัย ผาสุก และเป็นพลเมืองดีตลอดจนให้ราษฎรประกอบสัมมาอาชีพ กล่าวคือ
(1) จะส่งเสริมสนับสนุนการเทศบาลและสภาจังหวัด ซึ่งเป็นอุปกรณ์ของระบอบประชาธิปไตยให้สามารถอำนวยคุณประโยชน์แก่ประชาชนได้ดียิ่งขึ้น และจะได้ช่วยทำนุบำรุงและบูรณะท้องถิ่นทุกแห่งของราชอาณาจักรให้มีความเจริญทั่วถึงกัน
(2) จะจัดการให้ตำรวจมีกำลังเพียงพอและมีสมรรถภาพดี เป็นที่ไว้วา เชื่อถือของประชาชน
(3) จะปรับปรุงให้พนักงานอัยการมีเพียงพอและมีสมรรถภาพและฐานะดียิ่งขึ้น
(4) จะดำเนินการราชทัณฑ์ไปตามแผนอารยะนิยม โดยจะได้ปฏิบัติต่อผู้ต้องขังตามหลักการราชทัณฑ์ พยายามอบรมศีลธรรมและให้การศึกษาทั้งสามัญ และวิชาชีพแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ ด้วยความมุ่งหวังที่จะให้กลับเป็นพลเมืองดีต่อไป โดยฉะเพาะนักโทษเด็ก จะได้จัดแยกที่คุมขังมาตั้งเป็นเอกเทศเพื่อฝึกอบรมเป็นพิเศษ สำหรับเด็กที่ศาลสั่งให้ได้รับการฝึกและอบรมนั้น จะได้ปรับปรุงการฝึกและอบรมให้มีผลดียิ่งขึ้น
(5) จะเร่งซ่อมแซมปรับปรุงก่อสร้างการไฟฟ้า การประปา ในพระนครและธนบุรี ซึ่งเสียหายในคราวสงครามให้พอสนองความต้องการของประชาชน และจะได้ขยายการไฟฟ้า ประปา ให้แพร่หลายตามท้องที่ทั่วราชอาณาจักรโดยด่วน2 (6) การสงเคราะห์ประชาชน จะได้ขยายการสร้างอาคารให้เช่า และให้เช่าซื้อมากยิ่งขึ้น จะได้ช่วยหาอาชีพให้ประชาชน จะขยายการช่วยสงเคราะห์คนชราคนทุพพลภาพ ผู้มีบุตรมาก เด็กให้เป็นผลจริงจังต่อไป
(7) จะช่วยบุคคลที่ตั้งใจประกอบอาชีพโดยอิสระ ให้ได้รับความสะดวกในการจับจองที่ดินรกร้างว่างเปล่า และได้รับหนังสือแสดงกรรมสิทธิหรือสิทธิครอบครองสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
(8) จะให้ความสนับสนุนช่วยเหลือกรรมกรทุกประการสิทธิ เสรีภาพประชาชน ,เอกราช
การต่างประเทศ
3. การต่างประเทศ
(1) จะพยายามส่งเสริมสัมพันธไมตรีกับนานาประเทศ และปฏิบัติตามพันธกรณีซึ่งมีอยู่ต่อประเทศทั้งหลาย โดยถือหลักความเสมอภาคและการถ้อยทีถ้อยปฏิบัติต่อกัน
(2) จะร่วมมือกับองค์การสหประชาชาติ ในบรรดากิจการต่างๆ เพื่อความยุติธรรมและสันติสุขของโลก
(3) รัฐบาลนี้ขอเรียนให้ทราบว่า ในขณะนี้สถานะการณ์ของประเทศต่างๆยังยุ่งยากสับสนอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในประเทศใกล้เคียง มีการรบต่อสู้กันทั่วไปส่วนประเทศไทยยังรักษาความสงบสุขอยู่ได้ แต่ย่อมมีความเข้าใจทั่วกันว่า ประเทศชาติ ที่จะรักษาไว้ซึ่งความสงบสันติสุข เพื่อประโยชน์แก่ประชาชนชาวไทย ส่วนชนต่างชาติที่เข้ามาพำนักในประเทศไทยรัฐบาลนี้หวังว่าจะได้ร่วมมือร่วมใจกับประชาชนชาวไทยประกอบกิจที่เป็นคุณประโยชน์เพื่อความสงบสุขเป็นส่วนรวมการเศรษฐกิจ,พาณิชย์
9. การพาณิชย์
(1) จะได้รักษาราคาสินค้าที่จำเป็นแก่การครองชีพ ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และพยายามให้ต่ำลงตามกาลเวลา ทั้งจะนำไปในทางให้การใช้จ่ายประหยัดที่สุด ในขณะเดียวกันก็จะได้ส่งเสริมสนับสนุนให้คนไทยได้มีอาชีพในการค้า อันเป็นทางเดียวที่จะธำรงไว้ซึ่งเอกราชทางเศรษฐกิจของประเทศชาติ
(2) จะได้ส่งเสริมให้มีสินค้าส่งออกไปจำหน่ายนอกประเทศให้มากที่สุดในเวลาเดียวกันก็จะแนะนำให้ผู้ค้ารักษาคุณภาพให้เป็นที่นิยมและเชื่อถือได้
(3) สำหรับการควบคุมสินค้าขาเข้าและออกนั้น จะพยายามปฏิบัติมิให้เป็นที่เดือดร้อนแก่ประชาชน นอกจากความจำเป็นที่จะรักษาไว้ซึ่งประ ประเทศชาติ
(4) การค้าข้าว จักได้ร่วมมือกับองค์การอาหารยามฉุกเฉินของสหประชาชาติ ที่จะไม่ขัดกับประโยชน์สุขของประชาชนชาวไทย
(5) จะได้จัดให้มีการรับรองคุณภาพสินค้าขึ้นการคลัง,การเงิน
13. การคลัง
การคลังเป็นปัจจัยแห่งการปกครองและทำนุบำรุงบ้านเมือง กิจการทั้งปวงจะสำเร็จได้ด้วยดีก็ต้องอาศัยความมั่นคงแห่งการคลังเป็นหลัก รัฐบาลนี้จึงจะดำรงไว้ซึ่งดุลยภาพแห่งรายได้รายจ่ายแผ่นดิน เพราะเป็นรากฐานแห่งความมั่นคงของการคลัง และจะอาศัยความเชื่อถืออันเกิดขึ้นจากความมั่นคงนั้นเป็นเครื่องมือระดมกำลังทุนมาใช้ เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศชาติขยายตัว ทั้งจะดำเนินการต่อไปทุกวิถีทางในอันที่จะให้เงินตรามีเสถียรภาพสมบูรณ์ขึ้นในเวลาอันสมควร14. นอกจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว รัฐบาลนี้จะสนใจในการปราบปรามผู้ทุจริตในวงราชการของรัฐ ปราบปรามโจรผู้ร้าย และลดค่าครองชีพ เหล่านี้เป็นพิเศษ และรัฐบาลนี้จะดำเนินตามแนวนโยบายแห่งรัฐ ซึ่งบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
การสังคม
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
การพลังงาน สิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ
การบริหารราชการ
2. พระมหากษัตริย์
รัฐบาลนี้จะเทอดทูนเคารพสักการะองค์พระมหากษัตริย์ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์และจะรักษาราชบัลลังก์ให้มั่นคงอยู่ชั่วนิรันดร ทั้งจะเทอดทูนเกียรติพระราชวงศ์ที่ดำเนินเจริญรอยราชจริยาวัตร์การปรับปรุงกฎหมาย
การกระจายรายได้ ความเจริญ สร้างความเป็นธรรมในสังคม
การยุติธรรม,ศาล,ตุลาการ
12. การศาลยุติธรรม
(1) จะรักษาความเป็นอิสสระของผู้พิพากษา ในการพิจารณาพิพากษาอรรถคดีตามกฎหมาย
(2) จะเพิ่มจำนวนศาลที่พิจารณาอรรถคดีให้สะดวกแก่ประชาชนยิ่งขึ้น
(3) จะเร่งรัดการพิจารณาพิพากษาอรรถคดีให้รวดเร็วมิชักช้าการเกษตร
6. การเกษตร์
(1) จะจัดการส่งเสริมให้ประชาชนชาวไทย ได้ถือกรรมสิทธิที่ดินทั้งในส่วนเป็นที่อยู่อาศัยและที่ประกอบการทำมาหากินของตนเอง
(2) จะบำรุงส่งเสริมการผลิตพืชผลต่างๆ และการเลี้ยงสัตว์ให้ทวีคุณภาพและปริมาณยิ่งขึ้น โดย
(ก) ชลประทานราษฎร์ จะได้ขยายให้ทั่วราชอาณาจักรโดยด่วน และควบคุมงานให้เกิดผลดียิ่งขึ้นชลประทานหลวง จะได้เร่งรัดงานตามโครงการที่ได้ดำเนินอยู่ให้เสร็จเร็วยิ่งขึ้น ส่วนท้องที่ที่ยังไม่มีโครงการก็จะเริ่มดำเนินงานต่อไป และจะได้ส่งเสริมการส่งน้ำเพื่อการเพาะปลูกด้วยวิธีอื่นให้เพียงพอคลอง จะได้จัดการลอกให้ใช้เป็นทางส่งน้ำสำหรับการเพาะปลูกและการลำเลียงขนส่ง และจะได้ขุดคลองเพิ่มขึ้นอีก
(ข) จะได้ค้นคว้าและส่งเสริมพันธุ์พืชให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ตลอดจนก และเครื่องจักรทุ่นแรง
(ค) จะบำรุงส่งเสริมการเลี้ยงปศุสัตว์และสัตว์พาหนะ ตลอดถึงการหาพันธุ์สัตว์ที่ดีด้วย จะจัดการเพาะปลูกพืชที่ใช้เป็นอาหารสัตว์ จะได้ส่งเสริมและจัดทำวัคซีนให้พอแก่ความต้องการ และเร่งปราบโรคระบาดสัตว์2 (ง) จะส่งเสริมและขยายการเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืด สำหรับเป็นอาหารของประชาชนในภาคต่างๆ ทั่วไป การประมงทางทะเล จะได้ตั้งสถานีการประมงและจะได้จัดการส่งเสริมการจำหน่ายปลาทุกชนิดให้ประชาชนได้รับผลดียิ่งขึ้น
(จ) จะขยายการสหกรณ์รูปต่างๆ ให้แพร่หลายมากขึ้น ฉะเพาะอย่างยิ่งสหกรณ์ประเภทหาทุน เช่าซื้อที่ดิน และประเภทร้านค้า
(3) จะบำรุงรักษาป่าและพันธุ์ไม้ให้เจริญยั่งยืน ในเวลาเดียวกันจะได้ส่งเสริมให้มีสินค้าไม้และของป่าพอแก่ความต้องการใช้ภายในประเทศ และส่งเป็นสินค้าไปนอกประเทศด้วย
(4) จะบำรุงส่งเสริมการปลูกยางพารา เพื่อให้ได้สินค้ายางพาราทวียิ่งขึ้นจนเป็นสินค้าสำคัญของประเทศต่อไป
(5) จะได้ส่งเสริมการศึกษาในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ให้ก้าวหน้า และ
ให้แพร่หลายยิ่งขึ้น ทั้งจะได้ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับองค์การอาหารและเกษตรของสหประชาชาติด้วยการศึกษา
1. การศาสนา
รัฐบาลนี้จะเชิดชูทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และให้ความช่วยเหลือศาสนาอื่นจะอาศัยทางศาสนาช่วยการศึกษาและอบรมประชาชนให้มีศีลธรรมอันดีงามยิ่งขึ้น2 5. การศึกษา
รัฐบาลนี้ถือว่าการส่งเสริมและการบำรุงการศึกษาอบรมประชาชน เป็นสิ่งสำคัญลำดับแรก จะพยายามให้ประชาชนได้รับการศึกษาอบรมทั่วถึงกันทุกเพศทุกวัย โดย
(1) จะส่งเสริมปรับปรุงและบำรุงการอาชีวะศึกษาเป็นพิเศษ
(2) จะส่งเสริมปรับปรุงและบำรุงการพลศึกษาให้ได้ผลดียิ่งขึ้น
(3) จะส่งเสริมปรับปรุงการศึกษาผู้ใหญ่ให้กว้างขวางดียิ่งขึ้น
(4) จะตั้งโรงเรียนรัฐบาลและประชาบาลเพิ่มขึ้นให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชน ตามลำดับแห่งความจำเป็น
(5) จะเพิ่มจำนวนครูอาจารย์ ตลอดจนปรับปรุงสมรรถภาพของครูอาจารย์ให เหมาะสมแก่กาลสมัย
(6) จะขยายการสนับสนุนและบำรุงโรงเรียนราษฎร์ให้มากขึ้น
(7) จะปรับปรุงและขยายเพิ่มเติมการศึกษาขั้นมหาวิทยาลัยให้ได้ผลดียิ่งขึ้น
(8) จะพยายามจัดให้มีห้องสมุดสำหรับประชาชนให้แพร่หลายยิ่งขึ้น ทั้งปริมาณและคุณภาพ
(9) จะยึดหลักเป็นทางปฏิบัติว่า รัฐมีหน้าที่ให้การศึกษาอบรมแก่ประชาชนพลเมืองทุกคน โดยไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียน และช่วยเหลือให้เครื่องอุปกรณ์การศึกษาตามสมควรการสาธารณสุข
11. การสาธารณสุข
การสาธารณสุขจะพยายามให้ประชาชนมีสุขภาพดี มีร่างกายแข็งแรงสมที่จะประกอบอาชีพของตน และทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติได้นานที่สุดในชีวิต โดยรัฐบาลจะได้จัดในสิ่งสำคัญต่อไปนี้ คือ
(1) ปรับปรุงเจ้าหน้าที่ทั้งจำนวนและคุณภาพ เพื่อให้มีสมรรถภาพดียิ่งขึ้น
(2) ขยายการสุขศึกษาให้ประชาชนได้รับความรู้ในเรื่องการอนามัยดียิ่งขึ้น
(3) ขยายการบำบัดโรคให้แก่ประชาชน โดยจัดให้มีโรงพยาบาล และสถานบำบัดโรค ตลอดจนเวชชภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ เพิ่มขึ้นในจังหวัดที่ขาดอยู่
(4) ขยายการมารดาและทารกสงเคราะห์ โดยจัดให้มีนางพยาบาลผดุงครรภ์เพิ่มขึ้น ตลอดจนให้มีสถานสงเคราะห์มารดาและทารกเพิ่มขึ้นด้วย
(5) จัดการป้องกันและระงับโรคติดต่อและโรคอื่นที่สำคัญ โดยเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์ให้สามารถทำการได้เป็นผลดียิ่งขึ้น
(6) บำรุงและส่งเสริมการสุขาภิบาล โดยร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่เทศบาลโดยใกล้ชิด เพื่อแก้ไขการสุขาภิบาลทั่วไปให้ดียิ่งขึ้น
(7) ขยายการอนามัยนักเรียน โดยเพิ่มหน่วยอนามัยนักเรียน เพื่อทำการตามโรงเรียนได้มากขึ้น
(8) ส่งเสริมการศึกษาและการวิจัยในทางการแพทย์และการสาธารณสุข2 (9) ร่วมมือกับองค์การของสหประชาชาติที่เกี่ยวด้วยการแพทย์ การสาธารณสุข และการสงเคราะห์เด็ก
(10) จะพยายามให้ประชาชนทุกคนได้รับการปฏิบัติในการรักษาพยาบาลเท่าเทียมกัน
งานเร่งด่วน
การฟื้นฟูบูรณะกรุงเทพมหานคร
คำลงท้าย
อนึ่ง ในบรรดากิจการบริหารราชการแผ่นดินทั้งมวล ซึ่งรัฐบาลก่อนๆ ได้ปฏิบัติมาด้วยดี รัฐบาลนี้จะดำเนินการต่อเนื่องเพื่อให้กิจการทุกอย่างดำเนินก้าวหน้าตามสมควรแก่กำลังคน และกำลังเงิน ให้ข้าราชการทุกกระทรวงทะบวงกรมปฏิบัติหน้าที่ของตนด้วยวิริยะอุตสาหะ สุจริตต่อหน้าที่และให้ได้ผลดีแก่ประเทศชาติมากที่สุดที่จะทำได้ทั้งจะให้ความเอาใจใส่สนับสนุนให้ข้าราชการประจำมีความมั่นคงในฐานะ และช่วยเหลือข้าราชการบำนาญ ข้าราชการนอกประจำการ ทั้งทหารพลเรือนด้วยในการปฏิบัติงานของชาติตามนโยบายที่แถลงมาข้างต้นนี้ จำต้องขอความเห็นอกเห็นใจไมตรีจิตต์และความร่วมมือจากท่านทุกฝ่าย เพื่อเป็นกำลังน้ำใจให้รัฐบาล และข้าราชการสามารถบริหารราชการแผ่นดินให้ลุล่วงสำเร็จเป็นคุณประโยชน์ ัน2 (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 66 หน้า 3422 พ.ศ. 2492)
วันที่ 29 พฤศจิกายน 2494 ถึง 6 ธันวาคม 2494
รายชื่อคณะรัฐมนตรี
คณะรัฐมนตรี คณะที่ 23
ตั้งแต่
2 คณะทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ตำรวจ ผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองพ.ศ. 2475 คณะรัฐประหาร พ.ศ.2491 พร้อมด้วยประชาชน ได้พร้อมใจกันเป็นเอกฉันท์กระทำการเพื่อนำเอารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับที่ 10 ธันวาคม 2475 กลับมาใช้เป็นความรุ่งเรืองแห่งประเทศชาติสืบไป จึงได้กระทำการรัฐประหารเป็นที่เรียบร้อย และจัดตั้งคณะบริหารประเทศขึ้นชั่วคราว (เนื่องจากมีอิทธิพลของคอมมิวนิสต์เข้าแทรกซึมอยู่เป็นอันมากและไม่สามารถปราบปรามการทุจริตได้) คณะบริหารประเทศชั่วคราวได้ประกาศตั้งและแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี ดังมีรายนามดังต่อไปนี้
1. จอมพล แปลก พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี
2. พลโท สวัสดิ์ สวัสดิ์รณชัย สวัสดิเกียรติ เป็นรองนายกรัฐมนตรี
4. หลวงวิจิตรวาทการ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
5. นายวรการบัญชา เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
6. พลตรี เภา เพียรเลิศ บริภัณฑ์ยุทธกิจ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการ
7. พลโท สวัสดิ์ สวัสดิ์รณชัย สวัสดิเกียรติ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
8. พลอากาศตรี มุนี มหาสันทนะ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
เวชยันตรังสฤษดิ์
9. พลตรี บัญญัติ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย10. พลเอก มังกร พรหมโยธี เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ11. นายเขมชาติ บุณยรัตพันธุ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม12. พระยาบริรักษ์เวชชการ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข13. นายสุกิจ นิมมานเหมินท์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม3 14. พลตรี ประยูร ภมรมนตรี เป็นรัฐมนตรี15. พลเรือตรี หลวงสุนาวินวิวัฒ เป็นรัฐมนตรี 17. พระนิติธารณ์พิเศษ เป็นรัฐมนตรี4 วันที่ 1 ธันวาคม 2494 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ตั้งให้ พลเรือตรีหลวงสุนาวินวิวัฒ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมการอุตสาหกรรม
การคมนาคม ขนส่ง,สื่อสาร