พระราชบัญญัติ
แร่ (ฉบับที่ 5)
พ.ศ. 2545
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2545
เป็นปีที่ 57 ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้
ประกาศว่า
        โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยแร่
        พระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล
ซึ่งมาตรา  29 ประกอบกับมาตรา 48 และมาตรา 50 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
        จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา
ดังต่อไปนี้

        มาตรา 1  พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545"

        มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป

        มาตรา 3 ให้เพิ่มบทนิยามคำว่า "ทำเหมืองใต้ดิน" ระหว่างคำว่า  "ทำเหมือง" และคำว่า
"ขุดเจาะน้ำเกลือใต้ดิน"  ในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม
พระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2534 ดังต่อไปนี้
        ""ทำเหมืองใต้ดิน" หมายความว่า การทำเหมืองด้วยวิธีการเจาะเป็นปล่องหรืออุโมงค์ลึกลงไป
ใต้ผิวดิน เพื่อให้ได้มาซึ่งแร่ใต้ผิวดิน"

        มาตรา 4 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (4/1) ของมาตรา19  แห่งพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2522
        "(4/1) การกำหนดเงื่อนไขประทานบัตรทำเหมืองใต้ดินเฉพาะรายตามมาตรา 88/7"

        มาตรา 5 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (6) ของมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2522
        "(6) เรื่องอื่นตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้"

        มาตรา 6 ให้ยกเลิกความในมาตรา 33 แห่งพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม
โดยพระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่3) พ.ศ. 2522 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
        "มาตรา 33 ผู้ใดประสงค์จะขออาชญาบัตรพิเศษ ให้ยื่นคำขอต่อทรัพยากรธรณีประจำท้องที่
        ผู้ยื่นคำขออาชญาบัตรพิเศษต้องกำหนดข้อผูกพันสำหรับการสำรวจโดยระบุจำนวนเงินที่จะใช้จ่าย
เพื่อการสำรวจสำหรับแต่ละปีตลอดอายุของอาชญาบัตรพิเศษ และต้องเสนอให้ผลประโยชน์พิเศษ
เพื่อประโยชน์แก่รัฐตามหลักเกณฑ์ที่รัฐมนตรีกำหนด และให้ผลประโยชน์พิเศษดังกล่าวมีผลผูกพัน
ผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษต่อไปเมื่อผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษนั้นได้รับประทานบัตรชั่วคราวหรือประทานบัตร
สำหรับการทำเหมืองในเขตพื้นที่ที่ตนได้รับอาชญาบัตรพิเศษ นั้น
        คำขออาชญาบัตรพิเศษแต่ละคำขอให้ขอได้ไม่เกินเนื้อที่ที่สามารถดำเนินการสำรวจจนแล้วเสร็จ
ครบถ้วนได้ภายในห้าปีตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนด ทั้งนี้ ให้ขอได้ไม่เกินคำขอละหนึ่งหมื่นไร่
        รัฐมนตรีเป็นผู้ออกอาชญาบัตรพิเศษ
        อาชญาบัตรพิเศษมีอายุห้าปี นับแต่วันออก
        ผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อผูกพันสำหรับการสำรวจของแต่ละปี
ที่กำหนดไว้ในอาชญาบัตรพิเศษ
        ถ้าผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อผูกพันตามวรรคหกของแต่ละปีแล้ว
ผลการสำรวจในปีที่ผ่านมาบ่งชี้ว่าแร่ชนิดที่ประสงค์จะเปิดการทำเหมืองในเขตคำขออาชญาบัตรพิเศษ
มีไม่เพียงพอในเชิงพาณิชย์ที่จะเปิดทำการทำเหมืองได้ทั้งหมดหรือบางส่วน ผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษ
อาจขอเวนคืนอาชญาบัตรพิเศษหรือขอคืนพื้นที่บางส่วนก็ได้ โดยยื่นคำขอต่อทรัพยากรธรณีประจำท้องที่
และให้อาชญาบัตรพิเศษนั้นสิ้นอายุหรือหรือการคืนพื้นที่บางส่วนนั้นมีผลนับแต่วันที่ยื่นคำขอ และให้มีผล
สิ้นข้อผูกพันสำหรับปีที่เหลืออยู่หรือข้อผูกพันสำหรับพื้นที่ส่วนที่คืน แล้วแต่กรณี"

        มาตรา 7 ให้ยกเลิกมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม                                                  โดย
พระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2516

        มาตรา 8 ให้ยกเลิกความในวรรคสองของมาตรา 44 แห่งพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2522 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
        "การขอประทานบัตรจะขอได้เขตหนึ่งไม่เกินคำขอละสามร้อยไร่ เว้นแต่การขอประทานบัตร
ทำเหมืองในทะเลและการขอประทานบัตรทำเหมืองใต้ดิน"

        มาตรา 9 ให้ยกเลิกความในมาตรา 45 แห่งพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 ซึ่งแก้ไข
เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2522 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
        "มาตรา 45 รัฐมนตรีมีอำนาจกำหนดเขตเหมืองแร่ให้แก่ผู้ขอประทานบัตรสำหรับทำเหมือง
ใต้ดินได้ไม่เกินรายละหนึ่งหมื่นไร่ และสำหรับทำเหมืองในทะเลได้ไม่เกินรายละห้าหมื่นไร่
        ในกรณีเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ รัฐมนตรีโดยอนุมัติของคณะรัฐมนตรีจะกำหนดเขตเหมืองแร่ให้แก่
ผู้ขอประทานบัตรสำหรับทำเหมืองใต้ดิน หรือสำหรับทำเหมืองในทะเลเกินที่กำหนดในวรรคหนึ่งก็ได้
        การกำหนดเขตเหมืองแร่ตามวรรคหนึ่งและวรรคสองต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข ดังต่อไปนี้
        (1) ถ้าการขอประทานบัตรนั้นเป็นผลจากการสำรวจแร่ตามอาชญาบัตรพิเศษ ซึ่งผู้ขอประทานบัตร
ได้สำรวจตามเงื่อนไขของอาชญาบัตรพิเศษดังกล่าวจนพบแหล่งแร่ภายในพื้นที่ที่สำรวจ รัฐมนตรีต้อง
กำหนดเขตเหมืองแร่ตามแหล่งแร่ และจำนวนพื้นที่ตามที่ผู้ขอระบุไว้ในคำขอประทานบัตร
        (2) ถ้าการขอประทานบัตรนั้นเป็นกรณีอื่นนอกจาก(1) ให้รัฐมนตรีกำหนดเขตเหมืองแร่
ตามคำแนะนำของคณะกรรมการ
        การออกประทานบัตรตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง รัฐมนตรีจะกำหนดเงื่อนไขใด ๆ เป็นพิเศษตามที่เห็นสมควรให้ผู้
ถือประทานบัตรปฏิบัติก็ได้"

        มาตรา 10 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 46/1 แห่งพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510
        "มาตรา 46/1 เพื่อประโยชน์ในด้านความปลอดภัย ห้ามมิให้ออกประทานบัตรทำเหมือง
หรือประทานบัตรทำเหมืองใต้ดินในลักษณะที่ทำให้มีเขตเหมืองแร่ซ้อนกันในระดับความลึกที่ต่างกัน
ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน"

        มาตรา 11 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 48/1 แห่งพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510
        "มาตรา 48/1 ในกรณีขอประทานบัตรทำเหมืองใต้ดิน พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องสร้างหมุด
หลักฐานการแผนที่หรือหลักหมายเขตเหมืองแร่ให้ปรากฏชัดเจนบนผิวดิน โดยผู้ยื่นคำขอประทานบัตร
ทำเหมืองใต้ดินเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย"

        มาตรา 12 ให้ยกเลิกความในมาตรา 50 แห่งพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ 2510 และให้ใช้
ความต่อไปนี้แทน
"มาตรา 50 ถ้าเขตพื้นที่ซึ่งขอประทานบัตรมิใช่เป็นที่ว่างทั้งหมด ผู้ยื่นคำขอต้องแสดงหลักฐาน
ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ว่าผู้ขอจะมีสิทธิทำเหมืองในเขตนั้นได้"

        มาตรา 13 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นวรรคสองของมาตรา 73 แห่งพระราชบัญญัติแร่                                              พ.ศ.
2510
"ความใน (2) และ (3) มิให้บังคับกับผู้ถือประทานบัตรทำเหมืองใต้ดิน เว้นแต่เป็นการ
กระทำเขตพื้นที่ที่ตนมีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครอง"

        มาตรา 14 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นหมวด 4/1 การทำเหมืองใต้ดิน มาตรา 88/1 ถึง
มาตรา 88/13 แห่งพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510
"หมวด 4/1
การทำเหมืองใต้ดิน

ส่วนที่ 1
บททั่วไป
        มาตรา 88/1 ให้นำบทบัญญัติในหมวดอื่นแห่งพระราชบัญญัตินี้มาใช้บังคับกับการทำ
เหมืองใต้ดินเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติในหมวดนี้
        มาตรา 88/2 การทำเหมืองใต้ดินต้องทำในระดับความลึกที่ปลอดภัย โดยพิจารณาจาก
โครงสร้างทางธรณีวิทยารวมทั้งวิธีการทำเหมืองตามหลักวิศวกรรมเหมืองแร่ในแต่ละพื้นที่และความ
ปลอดภัยของสิ่งมีชีวิต
        มาตรา 88/3 การทำเหมืองใต้ดินผ่านใต้ดินของที่ดินใดที่มิใช่ที่ว่าง หากอยู่ในระดับความลึก
จากผิวดินไม่เกินหนึ่งร้อยเมตร ผู้ยื่นคำขอประทานบัตรต้องแสดงหลักฐานต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ว่า
ผู้ขอจะมีสิทธิทำเหมืองในเขตที่ดินนั้นได้
        มาตรา 88/4 เขตเหมืองแร่ตามประทานบัตรทำเหมืองใต้ดินต้องไม่รุกล้ำเข้าไปเขตอุทยาน
แห่งชาติ หรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า
        ในกรณีที่พบว่าการทำเหมืองใต้ดินบริเวณใดในเขตเหมืองแร่ จะส่งผลกระทบต่อคุณภาพ
สิ่งแวดล้อมอย่างสำคัญโดยมิอาจแก้ไขหรือฟื้นฟูได้  ให้รัฐมนตรีกำหนดเป็นเงื่อนไขในประทานบัตรมิให้
ทำเหมืองใต้ดินในบริเวณนั้น
        มาตรา 88/5 การออกประทานบัตรทำเหมืองใต้ดินจะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขต่อไปนี้
        (1) ผู้ขอประทานบัตรเสนอคำขอโดยถูกต้องหรือตามเงื่อนไขในมาตรา 88/6
        (2) รัฐมนตรีได้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นตามมาตรา 88/7 วรรคหนึ่ง โดยถูกต้อง
        (3) รัฐมนตรีได้กำหนดเงื่อนไขในประทานบัตรตามมาตรา  88/7 วรรคสอง โดยถูกต้อง

ส่วนที่ 2
การกำหนดเงื่อนไขในประทานบัตรทำเหมืองใต้ดิน
        มาตรา 88/6 คำขอประทานบัตรทำเหมืองใต้ดิน ต้องประกอบด้วยรายละเอียดการทำเหมือง
แผนผัง โครงการที่ครบถ้วน ตามหลักเกณฑ์ที่รัฐมนตรีกำหนดในประกาศกระทรวง ซึ่งอย่างน้อยต้อง
ประกอบด้วยข้อมูลต่อไปนี้
        (1) ข้อมูลโดยสังเขปแสดงความลึกและมาตรการทางเทคนิค ตามมาตรา 88/2
        (2) แผนที่แสดงเขตเหมืองแร่โดยสังเขป พร้อมข้อมูลประเมินผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ในบริเวณต่าง ๆ เพื่อประกอบการพิจารณาตามมาตรา 88/4 วรรคสอง
        (3) ข้อมูลทางเทคนิคในวิธีการทำเหมืองและแต่งแร่โดยสังเขป ทั้งทางเลือกทางวิศวกรรม
เหมืองแร่ที่มีอยู่โดยทั่วไป และทางเลือกที่ผู้ขอประทานบัตรเห็นสมควรจะนำมาใช้พร้อมเหตุผลของ
ทางเลือกดังกล่าว
        (4) ข้อมูล แผนผัง ขั้นตอน วิธีการในการทำเหมือง การแต่งแร่ และการฟื้นฟูพื้นที่ภายหลังการ
ทำเหมืองใต้ดินโดยสังเขป ที่แสดงถึงมาตรการในการลดผลกระทบ หรือรักษาไว้ซึ่งคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ที่เกี่ยวข้อง ทั้งที่อาจกระทบต่อการดำรงอยู่ของธรรมชาติ และชุมชน
        (5) ข้อเสนอเพื่อการมีส่วนร่วมตรวจสอบการทำเหมืองใต้ดินของตัวแทนผู้มีส่วนได้เสียตาม
มาตรา 88/9 (2) ที่ระบุถึงจำนวนกองทุนสนับสนุน และระเบียบการตรวจสอบการทำเหมืองที่
ผู้ขอประทานบัตรจะเสนอให้ผู้มีสิทธิตรวจสอบการทำเหมืองได้เข้าร่วมตรวจสอบการทำเหมืองตามที่
ระบุไว้ในมาตรา 88/11
        (6) เส้นทางขนส่ง และแหล่งน้ำที่จะใช้ในโครงการ ทั้งที่มีอยู่แล้ว และที่จะพัฒนาขึ้นพร้อม
รายละเอียดการใช้สอยตลอดโครงการ ที่เพียงพอจะประเมินให้เห็นได้ว่าการทำเหมืองใต้ดินในโครงการ
จะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำรงอยู่ทั้งของชุมชน และธรรมชาติ
        (7) ข้อเสนอเอาประกันภัยความรับผิด ตามมาตรา 88/13 ที่ระบุถึงวงเงินและระยะเวลา
เอาประกันไว้โดยชัดเจน
        มาตรา 88/7 เมื่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของผู้ขอประทานบัตร
ทำเหมืองใต้ดินใดได้รับความเห็นชอบตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแล้ว
ให้รัฐมนตรีประมวลข้อมูลต่อไปนี้ เข้าสู่กระบวนการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียตามหลักเกณฑ์
ที่กำหนดไว้ในกฎหมายหรือระเบียบราชการที่เกี่ยวข้องแล้วแต่กรณี เพื่อประกอบการกำหนดเงื่อนไข
อันจำเป็นในประทานบัตรต่อไป
.        (1) ข้อมูลโครงการที่ยื่นประกอบคำขอประทานบัตร ตามมาตรา 88/6
          (2) รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมประกอบกับความเห็นของผู้พิจารณารายงาน
        เมื่อกระบวนการรับฟังความคิดเห็นสิ้นสุดลงและได้รับรายงานจากคณะกรรมการจัดการรับฟังแล้ว
ให้รัฐมนตรีพิจารณารายงานนั้นแล้ววินิจฉัยกำหนดเงื่อนไขในประทานบัตรไว้ตามเกณฑ์ต่อไปนี้
        (1) เงื่อนไขในประทานบัตรต้องครอบคลุมโครงการ อย่างน้อยในทุกรายการตามที่กำหนดไว้
ในประกาศกระทรวงที่ออกประกาศตามมาตรา 88/6
        (2) ในกรณีที่ปรากฏความแตกต่างของข้อมูลหรือความคิดเห็นในการรับฟังความคิดเห็น
ที่จัดขึ้นตามวรรคหนึ่ง ให้รัฐมนตรีวินิจฉัยให้เป็นที่ยุติ แต่หากพบว่ารายงานหรือข้อมูลในปัญหาใด
ยังไม่เพียงพอต่อการตัดสินใจ หรือการจัดรับฟังไม่ถูกต้องหรือผิดพลาดในสาระสำคัญก็ให้สั่งการแก้ไข
แล้วแต่กรณี เพื่อวินิจฉัยให้เป็นที่ยุติต่อ ไป
        (3) นอกจากคำวินิจฉัยของรัฐมนตรีตาม (1) แล้วเงื่อนไขในประทานบัตรต้องครอบคลุมถึง
รายละเอียดในโครงการทั้งหมด ที่ผู้ขอประทานบัตรได้เสนอไว้ในรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
รายงานประกอบคำขอประทานบัตรตามมาตรา 88/6 และให้รวมถึงเงื่อนไขหรือมาตรการเพิ่มเติม
ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้วย
        มาตรา 88/8 การแก้ไขเงื่อนไขในประทานบัตรทำเหมืองใต้ดินที่กำหนดขึ้นตามมาตรา 88/7
ให้นำบทบัญญัติในส่วนนี้มาใช้บังคับโดยอนุโลม โดยให้ถือการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีสิทธิตรวจสอบ
การทำเหมืองตามมาตรา 88/11 วรรคหนึ่ง เป็นการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียโดยทั่วไป
ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 88/7 วรรคหนึ่ง

ส่วนที่ 3
สิทธิมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย
        มาตรา 88/9 เมื่อผู้ประสงค์จะขอประทานบัตรทำเหมืองใต้ดินรายใด เห็นสมควรให้มีการปรึกษา
เบื้องต้นกับผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อพัฒนาโครงการทำเหมืองใต้ดินของตน ให้ยื่นคำขอต่ออธิบดีเพื่อแต่งตั้ง
คณะกรรมการรับไปดำเนินการจัดประชุมปรึกษาตามขั้นตอนที่กำหนดในประกาศกระทรวงโดยค่าใช้จ่าย
ของผู้ขอ
        ประกาศกระทรวงตามวรรคหนึ่งให้ระบุถึงกฎเกณฑ์และขั้นตอนต่อไปนี้
        (1) ความสมบูรณ์ของรายงานเบื้องต้นที่จะนำเข้าสู่การปรึกษาจะต้องประกอบด้วยข้อมูลอันจำเป็น
และประเด็นปัญหาโดยชัดเจน
        (2) หลักเกณฑ์รับรองกลุ่มหรือองค์กรอันเกิดจากการรวมตัวของผู้มีส่วนได้เสียและการได้มา
ซึ่งตัวแทนที่จะเข้าร่วมปรึกษา ที่ครอบคลุมทั้งกลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้าน กลุ่มผู้บริหาร และสมาชิกสภา
ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กลุ่มผู้มีสิทธิในที่ดินหรืออยู่อาศัยในเขตเหมืองแร่นั้น
        (3) องค์ประกอบของคณะกรรมการจัดการประชุมปรึกษาเบื้องต้นซึ่งจะต้องมีตัวแทนราชการ
ส่วนภูมิภาคที่เกี่ยวข้อง และสถาบันอุดมศึกษาของรัฐร่วมอยู่ด้วย
        (4) ขั้นตอนการประชุมปรึกษา รวมทั้งการประกาศเชิญโดยทั่วไปให้ผู้มีส่วนได้เสียส่งตัวแทน
เข้าร่วมประชุม การลงทะเบียนเข้าร่วมประชุม และระยะเวลาล่วงหน้าที่ให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียตาม
มาตรา 88/9 (2) ศึกษาข้อมูลตามสมควร
        มาตรา 88/10 เมื่อต้องจัดให้มีการับฟังความคิดเห็นตามมาตรา 88/7 วรรคหนึ่ง ครั้งใด
ให้อธิบดีจัดตั้งกองทุนขึ้นสนับสนุนโครงการศึกษาวิจัยของกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียในโครงการทำเหมืองใต้ดิน
ตามมาตรา 88/9 (2) โดยมีแหล่งเงินทุนมาจาก
        (1) ค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บจากผู้ขอประทานบัตรตามอัตราที่กำหนดในประกาศกระทรวง
        (2) เงินอุดหนุนจากกองทุนต่าง ๆ ทั้งจากภาครัฐและเอกชน
        อัตราค่าใช้จ่ายตาม (1) หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขในการเสนอและรับรองโครงการและ
ระเบียบการรับและจ่ายเงินสนับสนุนให้เป็นไปตามที่กำหนดในประกาศกระทรวง
        มาตรา 88/11 ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ออกประทานบัตรทำเหมืองใต้ดินรายใดให้อธิบดี
เรียกประชุมตัวแทนผู้มีส่วนได้เสียตามมาตรา 88/9 (2) เพื่อตกลงกำหนดตัวบุคคลผู้มีสิทธิตรวจสอบ
การทำเหมืองตามระเบียบที่กำหนดไว้ในเงื่อนไขประทานบัตร
        ให้ผู้ถือประทานบัตรจัดสรรเงินกองทุนสนับสนุนการจ้างผู้เชี่ยวชาญเพื่อช่วยเหลือผู้มีสิทธิ
ตรวจสอบ เป็นอัตราตามที่กำหนดไว้ในเงื่อนไขประทานบัตร ภายในสามสิบวันนับแต่ได้ผู้มีสิทธิตรวจสอบ
ตามวรรคหนึ่ง
        เมื่อได้รับแจ้งสัญญาและรายละเอียดการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญจากผู้มีสิทธิตรวจสอบแล้วให้อธิบดี
จ่ายเงินค่าจ้างให้แก่ผู้เชี่ยวชาญได้ ต่อเมื่อได้รับคำรับรองในเนื้องานจากผู้มีสิทธิตรวจสอบแล้ว
        วาระการทำงานของผู้มีสิทธิตรวจสอบ เงื่อนไขและวิธีการเพิกถอนผู้มีสิทธิตรวจสอบที่ประพฤติ
มิชอบโดยที่ประชุมตัวแทนผู้มีส่วนได้เสียตามมาตรา 88/9 (2) การเก็บรักษากองทุน คุณสมบัติ
มาตรฐานของผู้เชี่ยวชาญ ลักษณะสัญญาว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญ และระเบียบการเบิกจ่ายได้ให้เป็นไปตามที่กำหนด
ในประกาศกระทรวง

ส่วนที่ 4
การคุ้มครองสิทธิในอสังหาริมทรัพย์
        มาตรา 88/12 การทำเหมืองใต้ดินบริเวณใดในเขตเหมืองแร่ในลักษณะดังต่อไปนี้ถือเป็น
การทำให้เสียหายซึ่งสิทธิในอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่นั้น ผู้เสียหายย่อมเรียกให้ผู้ถือประทานบัตรทำ
เหมืองใต้ดินระงับการกระทำและจัดการแก้ไขตามที่จำเป็นเพื่อป้องปัดภยันตรายอันอาจเกิดขึ้นได้
        (1) การทำเหมืองใต้ดินในระดับความลึกจากผิวดินน้อยกว่าที่กำหนดไว้ในเงื่อนไขประทานบัตร
ทำเหมืองใต้ดิน และไม่เกินหนึ่งร้อยเมตร
        (2) การทำเหมืองใต้ดินไม่ว่าในระดับลึกใด ที่มีวิธีการทำเหมืองตามหลักวิศวกรรมเหมืองแร่
เพื่อประกันความมั่นคงของชั้นดิน ไม่เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในเงื่อนไขประทานบัตรทำเหมืองใต้ดิน
        มาตรา 88/13 ในกรณีที่พื้นดินบริเวณใดในเขตเหมืองแร่ของประทานบัตรทำเหมืองใต้ดิน
ทรุดตัวลง จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล ทรัพย์สิน หรือสิ่งแวดล้อม ให้นำหลักความรับผิด
ต่อไปนี้มาใช้บังคับกับความเสียหายทั้งปวงที่เกิดขึ้น
        (1) ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า การทรุดตัวของพื้นดินนั้นเกิดขึ้นจากการทำเหมืองใต้ดิน
        (2) หากเป็นที่ยุติว่าการทำเหมืองใต้ดินเป็นต้นเหตุแห่งการทรุดตัวของพื้นที่ดินนั้น ให้ผู้ถือ
ประทานบัตรทำเหมืองใต้ดินและหน่วยงานของรัฐผู้รับผิดชอบในการตรวจสอบการทำเหมืองร่วมกัน
รับผิดต่อผู้เสียหายในทุกกรณี และหากหน่วยงานของรัฐดังกล่าวได้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายแล้ว
ให้ใช้สิทธิไล่เบี้ยต่อผู้ถือประทานบัตรทำเหมืองใต้ดินได้"
        มาตรา 15 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นหมวด 11/1 ความรับผิด มาตรา 131/1 แห่ง
พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510
"หมวด 11/1
ความรับผิด
        มาตรา 131/1 ผู้ถืออาชญาบัตร ประทานบัตร หรือใบอนุญาตอื่นใดตามพระราชบัญญัตินี้
ต้องรับผิดชอบในการกระทำของตน ต่อความเสียหาย หรือความเดือดร้อนรำคาญใดอันเกิดขึ้นแก่บุคคล
ทรัพย์สิน หรือสิ่งแวดล้อม
        ในกรณีที่เกิดความเสียหายขึ้นในเขตที่ได้รับอนุญาต ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าความเสียหายนั้น
เกิดจากกระทำของผู้ถืออาชญาบัตร ประทานบัตร หรือใบอนุญาตนั้น"
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พันตำรวจโท ทักษัณ ชินวัตร
        นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ:-  เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่เทคโนโลยีเหมืองแร่ได้เปลี่ยนแปลงไป ทำให้
สามารถขุดหาแร่ที่มีอยู่ระดับลึกมากและมีสายแร่คลุมพื้นที่กว้างมากได้ การทำเหมืองใต้ดินตามหลักเกณฑ์ที่ใช้บังคับ
อยู่ในปัจจุบัน จึงไม่สอดคล้องกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเหมืองแร่ และความจำเป็นในการพัฒนาอุตสากรรมแร่
สมควรแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติในส่วนที่เกี่ยวกับการทำเหมืองให้มีหลักเกณฑ์ที่ใช้บังคับกับการทำเหมืองใต้ดินได้อย่างเหมาะ
สม โดยกำหนดระดับความลึกของการทำเหมืองใต้ดิน และกำหนดให้ประทานบัตรทำเหมืองใต้ดินคลุมพื้นที่
กว้างขึ้นโดยไม่ต้องแสดงหลักฐานการมีสิทธิทำเหมืองในพื้นที่ที่ขอประทานบัตร ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับความ
ก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเหมืองแร่ และเอื้ออำนวยต่อการลงทุนและพัฒนาแหล่งแร่ใต้ดิน จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 119 ตอนที่ 128 ก หน้า 1-10 วันที่ 31 ธนวาคม 2545

บันทึกท้ายพระราชบัญญัติ
1. พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510
        ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 84 ตอนที่ 129 ฉบับพิเศษ หน้า 1-69
ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2510 โดยมีเหตุผลการประกาศใช้คือ
        เนื่องด้วยขณะนี้มีกฎหมายแร่อยู่หลายฉบับ สมควรนำมารวมไว้ในที่เดียวกันและปรับปรุง
เสียใหม่ โดยให้รัฐมีอำนาจควบคุมการตรวจ การผลิต  การรักษาแหล่งแร่ การจำหน่ายแร่ และการโลหกรรม
และในเวลาเดียวกันก็อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการทำเหมือง ตลอดถึงการให้ความคุ้มครอง
แก่กรรมกรและสวัสดิภาพของประชาชนให้เหมาะสมแก่กาลสมัย
2. พระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2516
        ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 90 ตอนที่ 95 หน้า 265-305
ลงวันที่ 31 กรกฎาคม 2516 โดยมีเหตุผลการประกาศใช้คือ
        เนื่องจากกฎหมายว่าด้วยแร่ที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันยังไม่เหมาะสมกับสถานการณ์
เป็นเหตุให้ไม่อาจเร่งรัดและส่งเสริมการสำรวจแร่และการผลิตทรัพยากรธรณีอันมีค่าให้ได้ผลและอำนวย
ประโยชน์แก่ประเทศชาติได้ และประกอบกับทั้งค่าธรรมเนียมบางรายการยังไม่เหมาะสม สมควรแก้ไข
เพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยแร่ให้รัดกุมและเหมาะสมยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัติฉบับนี้ขึ้น
3. พระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2522
        ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 96 ตอนที่ 77 ฉบับพิเศษ หน้า 1-21
ลงวันที่ 12 พฤษภาคม  2522 โดยมีเหตุผลการประกาศใช้คือ
        เนื่องจากบทบัญญัติตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแร่
(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2516 ยังไม่เหมาะสมและไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปราม ผู้กระทำความผิด
ตามกฎหมายว่าด้วยแร่ และการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมที่จะเรียกเก็บยังต่ำ ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์
ในปัจจุบัน สมควรแก้ไขกฎหมายว่าด้วยแร่ให้รัดกุมและเหมาะสมยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
4. พระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2534
        ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 108 ตอนที่ 146 ฉบับพิเศษ หน้า 1-10
ลงวันที่ 21 สิงหาคม 2534  โดยมีเหตุผลประกาศใช้คือ
        โดยที่ในปัจจุบันปรากฏว่าการทำเกลือด้วยวิธีการสูบน้ำเกลือใต้ดินได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว
จำเป็นต้องควบคุมมิให้มีการขุดเจาะน้ำเกลือใต้ดินเพิ่มมากขึ้นและวางมาตรการกำหนดให้การขุดเจาะ
น้ำเกลือใต้ดินและการทำเกลือจากน้ำเกลือใต้ดินต้องดำเนินการอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ และป้องกัน
มิให้มีผลกระทบทางสภาวะสิ่งแวดล้อมอันเกิดจากการขุดเจาะน้ำเกลือใต้ดินดังกล่าว สมควรกำหนดให้
น้ำเกลือใต้ดินอยู่ภายใต้บังคับกฎหมายว่าด้วยแร่ แต่ได้วางมาตรการเป็นพิเศษให้ผ่อนคลายลง สำหรับการขุดเจาะ
น้ำเกลือใต้ดินเพื่อให้แตกต่างไปจากวิธีการทำเหมืองโดยทั่วไป จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้