พระราชบัญญัติ เลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ. 2545 |
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2545 เป็นปีที่ 57 ในรัชกาลปัจจุบัน |
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรให้มีกฎหมายว่าด้วยเลื่อยโซ่ยนต์ พระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 48 และมาตรา 50 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยตามบทบัญญัติแห่กฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า " พระราชบัญญัติเลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ. 2545 "
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
มาตรา 3 ในพระราชบัญญัตินี้ "เลื่อยโซ่ยนต์" หมายความว่า เครื่องมือสำหรับใช้ตัดไม้หรือแปรรูปไม้ที่มีฟันเลื่อยติดกับโซ่ ซึ่งขับเคลื่อนด้วยกำลังเครื่องจักรกล และให้หมายความความถึงส่วนหนึ่งส่วนใดที่เป็นส่วนประกอบ ของเครื่องมือดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ ตามที่รัฐมนตรีกำหนดในกฎกระทรวง "มี" หมายความว่า มีกรรมสิทธิ์หรือมีไว้ในครอบครอง "ผลิต" หมายความว่า ทำหรือประกอบเพื่อการจำหน่าย "นำเข้า" หมายความว่า นำหรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักร "พนักงานเจ้าหน้าที่" หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ "นายทะเบียนเลื่อยโซ่ยนต์" หมายความว่า อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายสำหรับกรุงเทพมหานคร และผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมายสำหรับจังหวัดอื่น "อธิบดี" หมายความว่า อธิบดีกรมป่าไม้ "รัฐมนตรี" หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา 4 ห้ามมิให้ผู้ใดมี ผลิต หรือนำเข้าเลื่อยโซ่ยนต์ เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจาก นายทะเบียนเลื่อยโซ่ยนต์ ห้ามมิให้ผู้ได้รับใบอนุญาตตามวรรคหนึ่งเปลี่ยนแปลงเลื่อนโซ่ยนต์ให้มีกำลังเครื่องจักรกลเพิ่มขึ้น จากที่ระบุไว้ในใบอนุญาต เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนเลื่อยโซ่ยนต์ การขออนุญาตและการอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดใน กฎกระทรวง ผู้ได้รับใบอนุญาตให้ผลิตเลื่อยโซ่ยนต์ต้องจัดทำบัญชีและหมายเลขแสดงหน่วยการผลิตตามที่ กำหนดในกฎกระทรวง การออกใบอนุญาตให้มีเลื่อยโซ่ยนต์ ให้นายทะเบียนเลื่อยโซ่ยนต์ทำเครื่องหมายที่เลื่อยโซ่ยนต์ ตามแบบที่กำหนดในกฎกระทรวง และระบุพื้นที่ที่อนุญาตให้มีหรือใช้เลื่อยโซ่ยนต์ไว้ด้วย
มาตรา 5 คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ขอรับใบอนุญาตตามมาตรา 4 ให้เป็นไป ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ผู้ขอรับใบอนุญาตมีเลื่อยโซ่ยนต์ต้องประกอบอาชีพหรือประกอบกิจการที่ต้องใช้เลื่อยโซ่ยนต์ และต้องไม่เคยต้องโทษสำหรับความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ กฎหมาย ว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติ กฎหมายว่าด้วยอุทยานแห่งชาติ หรือกฎหมายว่าด้วยการสงวนและคุ้มครอง สัตว์ป่ามาก่อน ความในวรรคสองมิให้นำมาใช้บังคับกับนิติบุคคลในทางศาสนา และกระทรวง ทบวง กรม ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรอื่นของรัฐ
มาตรา 6 ในกรณีที่ผู้ได้รับใบอนุญาตประสงค์จะเปลี่ยนแปลงพื้นที่ให้มีหรือใช้เลื่อยโซ่ยนต์ ให้แตกต่างไปจากที่ระบุไว้ในใบอนุญาตตามมาตรา 4 วรรคห้า ให้ผู้ได้รับใบอนุญาตดำเนินการตาม หลักเกณฑ์ดังนี้ ( 1 ) สำหรับการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ภายในจังหวัดเดียวกันกับที่ได้รับใบอนุญาต ให้ผู้ได้รับ ใบอนุญาตยื่นคำขอต่อนายทะเบียนเลื่อยโซ่ยนต์ผู้ออกใบอนุญาต ( 2 ) สำหรับการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ไปยังจังหวัดอื่น ให้ผู้ได้รับใบอนุญาตยื่นคำขอต่อนายทะเบียน เลื่อยโซ่ยนต์ผู้มีอำนาจในจังหวัดนั้น ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา 7 ผู้ใดมีเลื่อยโซ่ยนต์ต้องมีใบอนุญาตหรือสำเนาภาพถ่ายใบอนุญาตสำหรับเลื่อยโซ่ยนต์ เครื่องนั้นเพื่อแสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทันที
มาตรา 8 ในกรณีที่ผู้ได้รับใบอนุญาตให้มีเลื่อยโซ่ยนต์ประสงค์จะนำหรือให้ผู้อื่นนำเลื่อยโซ่ยนต์ ของตนออกไปใช้นอกพื้นที่ที่ได้รับใบอนุญาตตามมาตรา 4 วรรคห้า เป็นการชั่วคราว ผู้ได้รับใบอนุญาต จะต้องขออนุญาตโดยระพื้นที่ และระยะเวลาที่จะนำไปใช้ต่อนายทะเบียนเลื่อยโซ่ยนต์และให้นายทะเบียน เลื่อยโซ่ยนต์อนุญาตหรือไม่อนุญาตภายในสิบห้าวันทำการนับแต่วันที่ได้รับคำขอ และถ้านายทะเบียน เลื่อยโซ่ยนต์มิได้ดำเนินการพิจารณาและแจ้งผลการพิจาณาคำขอให้ผู้ยื่นคำขออนุญาตทราบภายใน กำหนดเวลาดังกล่าว ให้ถือว่านายทะเบียนเลื่อยโซ่ยนต์มีคำสั่งอนุญาตตามคำขอ และให้ถือว่าใบรับคำขอ เสมือนหนึ่งเป็นหนังสืออนุญาต ให้นายทะเบียนเลื่อยโซ่ยนต์ผู้อนุญาตแจ้งและส่งสำเนาหนังสืออนุญาตให้แก่นายทะเบียน เลื่อยโซ่ยนต์ในพื้นที่ที่ระบุในหนังสืออนุญาต ทั้งนี้ ให้นายทะเบียนเลื่อยโซ่ยนต์ในพื้นที่ที่ระบุในหนังสือ อนุญาตประกาศการอนุญาตหรือคำขออนุญาตดังกล่าว ณ ที่ทำการขององค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ของพื้นที่นั้น ในกรณีมีเหตุอันควร ผู้ได้รับใบอนุญาตจะขออนุญาตต่อระยะเวลาที่ให้นำเลื่อยโซ่ยนต์ออกไปใช้ นอกพื้นที่อีกได้ แต่ต้องขออนุญาตต่อนายทะเบียนเลื่อยโซ่ยนต์ก่อนวันครบกำหนดระยะเวลาที่ได้รับ อนุญาตไว้เดิม การขออนุญาตและการอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดใน กฎกระทรวง
มาตรา 9 ถ้ามีการนำเลื่อยโซ่ยนต์ที่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 4 ไปใช้ในการกระทำผิดตาม กฎหมายว่าด้วยป่าไม้ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ได้รับใบอนุญาตมีส่วนร่วมในการกระทำผิดนั้น
มาตรา 10 ห้ามมิให้ผู้ใดซ่อมแซมเลื่อยโซ่ยนต์เป็นธุรกิจเพื่อสินจ้าง เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาต จากนายทะเบียนเลื่อยโซ่ยนต์ คุณสมบัติของผู้ได้รับใบอนุญาต การขอใบอนุญาต และการออกใบอนุญาต ให้เป็นไปตาม หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง ผู้ได้รับใบอนุญาตให้ซ่อมแซมเลื่อยโซ่ยนต์เป็นธุรกิจเพื่อสินจ้างจะกระทำการเช่นว่านี้ได้แต่เฉพาะ แก่เลื่อยโซ่ยนต์ที่มีผู้ได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้เลื่อยโซ่ยนต์และเมื่อเลื่อยโซ๋ยนต์นั้นมีเครื่องหมายถูกต้อง ตามใบอนุญาตเท่านั้น
มาตรา 11 ถ้าผู้ได้รับใบอนุญาตให้มีเลื่อยโซ่ยนต์ตาย ให้ทายาทผู้ครอบครองเลื่อยโซ่ยนต์นั้น หรือผู้จัดการมรดกของผู้ตายแจ้งการตายและการครอบครองต่อนายทะเบียนเลื่อยโซ่ยนต์ตามใบอนุญาต ภายในกำหนดหกสิบวันนับแต่วันที่ทราบการตายของผู้ได้รับใบอนุญาต นายทะเบียนเลื่อยโซ่ยนต์มีอำนาจสั่งให้ทายาทหรือผู้จัดการมรดกตามวรรคหนึ่งเก็บรักษาหรือ ใช้เลื่อยโซ่ยนต์ของผู้ได้รับใบอนุญาตที่ตายไว้ได้ และถ้ามีข้อโต้แย้งถึงสิทธิของทายาทก็ให้ผู้ที่ได้รับคำสั่ง จากนายทะเบียนเลื่อยโซ๋ยนต์ดังกล่าวเก็บรักษาไว้จนกว่าข้อโต้แย้งนั้นถึงที่สุด ภายในกำหนดหกเดือนนับแต่วันที่ผู้ได้รับใบอนุญาตตาย หรือถ้ามีข้อโต้แย้งถึงเรื่องสิทธิของ ทายาทนับแต่วันที่ข้อโต้แย้งนั้นถึงที่สุด ผู้จัดการมรดกหรือทายาทอาจขออนุญาตใหม่ได้ เมื่อนายทะเบียน เลื่อยโซ่ยนต์ได้ออกใบอนุญาตให้แล้ว ให้มอบเลื่อยโซ่ยนต์นั้นแก่ผู้ได้รับใบอนุญาตใหม่ ถ้าไม่ออกใบอนุญาต ให้ใหม่ ก็ให้แจ้งให้ผู้ขอทราบและสั่งให้จัดจำหน่ายเลื่อยโซ่ยนต์นั้นภายในกำหนดหกเดือนนับแต่วันรับคำสั่ง มิฉะนั้นให้นายทะเบียนเลื่อยโซ่ยนต์มีอำนาจจัดการขายทอดตลาดเลื่อยโซ่ยนต์นั้น เงินสุทธิที่ได้รับจาก การขายทอดตลาดให้เปิดบัญชีเงินฝากไว้ให้แก่ผู้มีสิทธิที่มาขอรับต่อไป
มาตรา 12 ในกรณีที่ผู้ได้รับใบอนุญาตตามมาตรา 4 เป็นนิติบุคคล และนิติบุคคลนั้นเลิกกัน ให้ผู้ชำระบัญชีนำส่งเลื่อยโซ่ยนต์แก่นายทะเบียนเลื่อยโซ่ยนต์เพื่อเก็บรักษาตลอดระยะเวลาที่ยังคงทำการ ชำระบัญชีนั้น ในการแบ่งคืนทรัพย์สินให้แก่ผู้เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นของนิติบุคคล ให้ผู้เป็นหุ้นส่วน หรือผู้ถือหุ้นที่ได้รับการแบ่งคืนเลื่อยโซ่ยนต์แจ้งขอรับและขอใบอนุญาตมีไว้ซึ่งเลื่อยโซ่ยนต์นั้นต่อ นายทะเบียนเลื่อยโซ่ยนต์ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งการแบ่งคืนเลื่อยโซ่ยนต์จากผู้ชำระบัญชี ในกรณีที่ผู้ชำระบัญชีประสงค์จะขายเลื่อยโซ่ยนต์เพื่อการชำระหนี้ของนิติบุคคลนั้น ให้ผู้ชำระบัญชี แจ้งต่อนายทะเบียนเลื่อยโซ่ยนต์เพื่อทราบ และไม่ว่าในกรณีใดจะขายให้แก่บุคคลที่มีลักษณะต้องห้าม ตามพระราชบัญญัตินี้ไม่ได้ ให้ผู้ประสงค์จะซื้อเลื่อยโซ่ยนต์ตามความในวรรคสามยื่นคำขอรับและขอมีใบอนุญาตมีไว้ ซึ่งเลื่อยโซ่ยนต์นั้นต่อนายทะเบียนเลื่อยโซ่ยนต์ภายในห้าวันทำการนับแต่วันที่ได้ตกลงซื้อขายกัน
มาตรา 13 ในกรณีที่มีผู้นำจับกระทำผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานอัยการ ร้องขอต่อศาล และให้ศาลมีอำนาจพิพากษาให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับเป็นจำนวนเงินไม่เกินกึ่งหนึ่ง ของจำนวนเงินค่าปรับตามคำพิพากษาโดยจ่ายจาดเงินค่าปรับที่ชำระต่อศาล ถ้าผู้กระทำความผิดชำระ เงินค่าปรับไม่ถึงจำนวนที่ต้องจ่ายค่าสินบนนำจับได้ครบถ้วน ให้จ่ายเงินสินบนนำจับเพียงเท่าที่ ผู้กระทำความผิดชำระ ในกรณีที่มีผู้นำจับหลายคน ให้แบ่งเงินสิบบนนำจับให้คนละเท่า ๆ กัน การจ่ายเงินสินบนนำจับนั้น จะจ่ายได้เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว
มาตรา 14 ผู้ใดมีเลื่อยโซ่ยนต์อยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ถ้ามาขอรับใบอนุญาต ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ผู้นั้นไม่มีความผิดตามมาตรา 4 และให้ นายทะเบียนเลื่อยโซ่ยนต์ออกใบอนุญาตให้มีเลื่อยโซ่ยนต์แก่ผู้ของรับใบอนญาตนั้น เว้นแต่จะขาด คุณสมบัติที่กำหนดไว้ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ผู้ซึ่งปฏิบัติตามวรรคหนึ่งไม่ต้องรับโทษตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร และกฎหมายว่าด้วย การส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า ความในวรรคสอง มิให้ใช้บังคับแก่ผู้ที่ถูกจับกุมและถูกดำเนินคดีก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ ใช้บังคับและคดียังไม่ถึงที่สุด ในกรณีที่นายทะเบียนเลื่อยโซ่ยนต์ไม่ออกใบอนุญาตให้ เมื่อผู้นั้นได้นำเลื่อยโซ่ยนต์มามอบแก่ พนักงานเจ้าหน้าที่ ให้ผู้นั้นมีสิทธิอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีภายในสามสิบวันนับแต่วันทราบคำสั่งไม่อนุญาต ในกรณีที่ผู้ใดไม่ได้รับอนุญาตตามววรคหนึ่งและวรรคสี่ให้เลื่อยโซ่ยนต์ของผู้นั้นตกเป็นของ แผ่นดินนับแต่วันที่มีคำสั่งไม่อนุญาตหรือนับแต่วันที่รัฐมนตรีมีคำวินิจฉัย เลื่อยโซ่ยนต์ที่ตกเป็นของแผ่นดินตามวรรคห้า ให้นำไปใช้ประโยชน์ในราชการ หรือจำหน่าย ให้แก่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ หรือทำลายตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด
มาตรา 15 ภายใต้บังคับมาตรา 14 ในกรณีที่นายทะเบียนเลื่อยโซ่ยนต์มีคำสั่งไม่อนุญาต ตามคำขอตามพระราชบัญญัตินี้ ผู้ยื่นคำขออนุญาตมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งไม่อนุญาตต่อนายทะเบียน เลื่อยโซ่ยนต์ผู้มีคำสั่งไม่อนุญาตนั้นภายในสามสิบวันนับแต่วันที่มีคำสั่งไม่อนุญาต ให้นายทะเบียนเลื่อยโซ่ยนต์พิจารณาคำอุทธรณ์และแจ้งผลการพิจารณาอุทธรณ์ว่าเห็นด้วย กับคำอุทธรณ์โดยการอนุญาตตามคำขอหรือยืนยันคำสั่งไม่อนุญาตให้ผู้อุทธรณ์ทราบภายในสามสิบวัน ในกรณีที่นายทะเบียนเลื่อยโซ่ยนต์ยืนคำสั่งไม่อนุญาต ผู้ขออนุญาตมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่ง ยืนยันคำสั่งไม่อนุญาตต่อรัฐมนตรีภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งยืนยันคำสั่งไม่อนุญาต
มาตรา 16 การจับกุมปราบปรามผู้กระทำผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ เป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา 17 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 4 วรรคหนึ่งและวรรคสี่ ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งริบเลื่อยโซ่ยนต์นั้น เลื่อยโซ่ยนต์ที่ศาลสั่งริบ ให้นำไปใช้ประโยชน์ในราชการ หรือจำหน่วยให้แก่ส่วนราชการ หรือ รัฐวิสาหกิจ หรือทำลายตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด
มาตรา 18 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 4 วรรคสอง ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน ห้าพันบาทและต้องแก้ไขให้เลื่อยโซ่ยนต์นั้นมีกำลังจักรกลเท่าที่ขออนุญาตไว้เดิมภายในเวลา ที่ศาลกำหนด หากไม่ปฏิบัติตามให้ศาลสั่งริบเลื่อยโซ่ยนต์นั้น
มาตรา 19 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 6 หรือมาตรา 8 ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 20 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 7 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท
มาตรา 21 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 10 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท
มาตรา 22 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 11 วรรคหนึ่ง หรือมาตรา 12 ต้องระวางโทษ ปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท
มาตรา 23 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ ออกกฎกระทรวง และกำหนดกิจการอื่นเพื่อปฏิบัติการ ตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวงนั้นเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี |
หมายเหตุ เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ปัจจุบันการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้โดยเฉพาะ การป้องกันและปราบกรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าไม่อาจประสบผลสำเร็จได้ตามเป้าหมาย สาเหตุหนึ่งเนื่องจาก มีการใช้เลื่อยโซ่ยนต์ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ในการตัดไม้และแปรรูไม้ที่มีประสิทธิภาพสูงกันอย่างแพร่หลาย แม้ว่าจะได้มี มาตรการควบคุมการนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยกฎหมายอื่นอยู่แล้วก็ตาม แต่ยังมีการลักลอบนำเลื่อยโซ่ยนต์เข้ามา ในราชอาณาจักร เพื่อใช้ในการตัดไม้ทำลายป่าจำนวนมาก จึงสมควรให้มีกฎหมายว่าด้วนเลื่อยโซ่ยนต์เพื่อควบคุม การมีไว้ในครอบครอง และการนำเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งจะเป็นการเพิ่มมาตรการในการป้องกันและปราบปราม การบุกรุกตัดไม้ทำลายป่าตามนโยบายของรัฐบาลและในขณะเดียวกันไม่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบอาชีพที่ต้องใช้เลื่อย โซ่ยนต์โดยสุจริต จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 119 ตอนที่ 95 ก หน้า 4-10 วันที่ 27 กันยายน 2545 |