พระราชบัญญัติ การฌาปนกิจสงเคราะห์ พ.ศ. 2545 |
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2545 เป็นปีที่ 57 ในรัชกาลปัจจุบัน |
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการฌาปนกิจสงเคราะห์ พระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 35 และมาตรา 45 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า"พระราชบัญญัติการฌาปนกิจสงเคราะห์ พ.ศ. 2545 "
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจา นุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติการฌาปนกิจสงเคราะห์ พ.ศ. 2517
หมวด 1 บททั่วไป
มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตินี้ "การฌาปนกิจ สงเคราะห์" หมายความว่า กิจการที่บุคคลหลายคนตกลงเข้าร่วมกันเพื่อทำ การสงเคราะห์ซึ่งกันและกันในการจัดการศพ หรือจัดการศพและสงเคราะห์ครอบครัวของบุคคลใด บุคคลหนึ่งที่ตกลงเข้าร่วมกันนั้นซึ่งถึงแก่ความตาย และมิได้ประสงค์จะหากำไรหรือรายได้เพื่อแบ่งปันกัน "สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์" หมายความว่า สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนิน กิจการการฌาปนกิจสงเคราะห์ตามพระราชบัญญัตินี้ "สมาชิก" หมายความว่า สมาชิกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ "เงินค่าสมัคร" หมายความว่า เงินค่าสมัครเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ "เงินสงเคราะห์" หมายความว่า เงินที่สมาชิกร่วมกันออกช่วยเหลือเป็นค่าจัดการศพ หรือ ค่าจัดการศพและสงเคราะห์ครอบครัวของสมาชิกซึ่งถึงแก่ความตาย รวมทั้งเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินกิจการ ของสมาคมณาปนกิจสงเคราะห์ "สำนักงาน" หมายความว่า สำนักงานที่เป็นที่ทำการของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ "คณะกรรมการ" หมายความว่า คณะกรรมการดำเนินการสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ "กรรมการ" หมายความว่า กรรมการดำเนินการสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ "พนักงานเจ้าหน้าที่" หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ "นายทะเบียน" หมายความว่า นายทะเบียนสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ประจำท้องที่กรุงเทพมหานคร หรือนายทะเบียนสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ประจำท้องที่อื่น แล้วแต่กรณี "นายทะเบียนกลาง" หมายความว่า นายทะเบียนกลางสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ "ปลัดกระทรวง" หมายความว่า ปลัดกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม "รัฐมนตรี" หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา 5 ห้ามมิให้บุคคลใดนอกจากสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์และการฌาปนกิจสงเคราะห์ ที่ได้ขึ้นทะเบียนแล้ว ใช้คำแสดงชื่อในธุรกิจว่า "ฌาปนกิจสงเคราะห์" หรือคำอื่นใดที่มีความหมาย เช่นเดียวกัน
มาตรา 6 ให้อธิบดีกรมประชาสงเคราะห์เป็นนายทะเบียนกลาง นายทะเบียนสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ประจำท้องที่กรุงเทพมหานครและนายทะเบียนสมาคม ฌาปนกิจสงเคราะห์ประจำท้องที่อื่นให้อธิบดีกรมประชาสงเคราะห์แต่งตั้ง
มาตรา 7 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจแต่ตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่กับออกกฏกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราท้ายพระราชบัญญัตินี้ ยกเว้นค่าธรรมเนียม และกำหนดกิจการอื่นหรือออกระเบียบและประกาศ ทั้งนี้ เพื่อปฏิบัติการ ตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวง ระเบียบและประกาศนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
หมวด 2 การจัดตั้งสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์
มาตรา 8 สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์จะมีขึ้นได้ก็แต่โดยอาศัยอำนาจตามบทแห่งพระราช บัญญัตินี้ สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์จะมีวัตถุประสงค์นอกจากการฌาปนกิจสงเคราะห์มิได้
มาตรา 9 สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ต้องมีข้อบังคับและต้องจดทะเบียนเมื่อได้จดทะเบียนแล้ว ให้มีฐานะเป็นนิติบุคคล การตั้งสาขาสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์จะกระทำมิได้
มาตรา 10 การขอจดทะเบียนสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ให้ผู้เริ่มก่อการจัดตั้งจำนวน ไม่น้อยกว่าเจ็ดคน ยื่นคำขอพร้อมด้วยข้อบังคับของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ อย่างน้อยสามฉบับ ต่อนายทะเบียนประจำท้องที่ที่จะตั้งสำนักงาน คุณสมบัติของผู้เริ่มก่อการจัดตั้งสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ และหลักเกณฑ์ วิธีการยื่นคำขอ จดทะเบียน ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด
มาตรา 11 ในการขอจดทะเบียน ถ้าได้ปฏิบัติถูกต้องครบถ้วนตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 10 มีข้อบังคับถูกต้องตามมาตรา 13 และข้อบังคับนั้นไม่ขัดต่อกฎหมายและวัตถุประสงค์ของสมาคม ฌาปนกิจสงเคราะห์ กับทั้งผู้เริ่มก่อการจัดตั้งสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ทุกคนมีคุณสมบัติถูกต้องตามที่ รัฐมนตรีประกาศกำหนดตามมาตรา 10 วรรคสอง ให้นายทะเบียนรับจดทะเบียนได้ และให้ออก ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนตามแบบที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดให้แก่สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์นั้น ถ้าหากนายทะเบียนเห็นว่าในการขอจดทะเบียนมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามวรรคหนึ่ง ให้นายทะเบียนมีคำสั่งให้ผู้ยื่นคำขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้อง เมื่อได้แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงถูกต้องแล้ว ให้นายทะเบียนออกใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนให้สมาคมนั้น ถ้าผู้ยื่นคำขอไม่แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องตามวรรคสองภายในสามสิบวันนับแต่วัน ทราบคำสั่งนายทะเบียนให้นายทะเบียนมีคำสั่งไม่รับจดทะเบียนและแจ้งคำสั่งไม่รับจดทะเบียนพร้อมด้วย เหตุผลไปยังผู้ขอจดทะเบียนภายในสามสิบวันนับแต่วันยื่นคำขอ ให้ผู้ขอจดทะเบียนมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อปลัดกระทรวงได้โดยทำเป็นหนังสือยี่นต่อนายทะเบียน ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งดังกล่าว และให้นายทะเบียนส่งคำอุทธรณ์ต่อไปยังปลัดกระทรวง โดยมิชักช้า ให้ปลัดกระทรวงวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแแต่วันยื่นอุทธรณ์คำวินิจฉัยของปลัดกระทรวง ให้เป็นที่สุด
มาตรา 12 ให้นายทะเบียนกลางประกาศการจดทะเบียนสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ในราชกิจจา นุเบกษา
มาตรา 13 ข้อบังคับของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์อย่างน้อยต้องมีข้อความเกี่ยวกับเรื่อง ดังต่อไปนี้ ( 1 ) ชื่อ ซึงต้องมีคำว่า "สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์" กำกับไว้กับชื่อนั้นด้วย ( 2 ) วัตถุประสงค์ ( 3 ) ที่ตั้งสำนักงาน และวันเวลาเปิดทำการ ( 4 ) วิธีการรับสมาชิกและการขาดจากสมาชิกภาพ ( 5 ) อัตราเงินค่าสมัคร อัตราเงินค่าบำรุง และอัตราเงินสงเคราะห์ และวิธีการชำระเงินนั้น ( 6 ) ข้อกำหนดเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของสมาชิก ( 7 ) วิธีการจ่ายเงินค่าจัดการศพ หรือค่าจัดการศพและสงเคราะห์ครอบครัว ( 8 ) ข้อกำหนดเกี่ยวกับการใช้จ่ายและการเก็บรักษาเงิน ( 9 ) ข้อกำหนดเกี่ยวกับการประชุมใหญ่ ( 10 ) ข้อกำหนดเกี่ยวกับจำนวนกรรมการ การพ้นจากตำแหน่งของกรรมการ และการประชุม ของคณะกรรมการ
มาตรา 14 คุณสมบัติของสมาชิก หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการรับสมาชิกให้เป็นไปตามที่ รัฐมนตรีประกาศกำหนด วิธีการจ่ายเงินและการใช้จ่ายและการเก็บรักษาเงินตามมาตรา 13 ( 7 ) และ ( 8 ) ให้เป็นไป ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด
มาตรา 15 วันเวลาเปิดทำการสำนักงานตามมาตรา 13 ( 3 ) ต้องไม่น้อยกว่าห้าวันใน หนึ่งสัปดาห์ และวันหนึ่งต้องไม่น้อยกว่าสามชั่วโมง และให้สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ปิดประกาศวัน และเวลาเปิดทำการไว้ที่สำนักงาน
มาตรา 16 การแก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อบังคับของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์จะกระทำได้ก็แต่ โดยมติของที่ประชุมใหญ่ และต้องนำไปจดทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่ที่ประชุมใหญ่ลงมติ การยื่นคำขอจดทะเบียนตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และและวิธีการที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด นายทะเบียนมีอำนาจไม่รับจดทะเบียนการแก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อบังคับของสมาคมฌาปนกิจ สงเคราะห์ได้ เมื่อเห็นว่าการแก้ไขหรือเพิ่มเติมนั้นขัดต่อวัตถุประสงค์ของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ หรือขัดต่อกฎหมาย การแก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อบังคับของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์จะยังไม่มีผลใช้บังคับจนกว่า นายทะเบียนจะได้รับจดทะเบียนแล้ว ในกรณีที่นายทะเบียนไม่รับจดทะเบียนการแก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อบังคับของสมาคมฌาปนกิจ สงเคราะห์ ให้นำมาตรา 11 วรรคสี่และวรรคห้า มาใช้บังคับโดยอนุโลม
มาตรา 17 สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ต้องจัดให้มีป้ายชื่อเป็นภาษาไทยอ่านได้ชัดเจนติดไว้ ที่หน้าสำนักงาน และต้องติดใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนไว้ที่สำนักงานในที่เปิดเผยเห็นได้ง่าย
มาตรา 18 ในกรณีที่ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนสูญหาย ถูกทำลายหรือชำรุดในสาระสำคัญ ให้นายทะเบียนออกใบแทนใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนให้เมื่อสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ร้องขอ การขอรับใบแทนใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน การออกใบแทนใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน และแบบใบแทนใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และแบบที่รัฐมนตรี ประกาศกำหนด
หมวด 3 การดำเนินกิจการของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์
มาตรา 19 ให้ผู้เริ่มก่อการจัดตั้งสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์นัดสมาชิกมาประชุมกันเป็น การประชุมใหญ่สามัญครั้งแรกภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่จดทะเบียนเพื่อตั้งคณะกรรมการและมอบหมาย การทั้งปวงให้แก่คณะกรรมการ ในระหว่างที่ยังมิได้มีการประชุมใหญ่สามัญครั้งแรก ให้ผู้เริ่มก่อการจัดตั้ง สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์มีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบเช่นเดียวกับคณะกรรมการ
มาตรา 20 การแต่งตั้งกรรมการและการเปลี่ยนตัวกรรมการ ให้ทำได้โดยมติของที่ประชุมใหญ่ และต้องนำไปจดทะเบียนต่อนายทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่ที่ประชุมใหญ่ลงมติ การดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ในกรณีที่นายทะเบียนไม่รับจดทะเบียนกรรมการคนใด นายทะเบียนต้องแจ้งเหตุที่ไม่รับจดทะเบียน ให้สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ทราบภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ไม่รับจดทะเบียน และให้นำมาตรา 11 วรรคสี่ และวรรคห้า มาใช้บังคับโดยอนุโลม ในระหว่างที่ยังไม่มีการจดทะเบียนกรรมการของสมาคมฌาปนกิจสงเคระห์ชุดใหม่ ถ้าข้อบังคับ ของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์มิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ให้กรรมการชุดเดิมปฏิบัติหน้าที่กรรมการต่อไป จนกว่าจะได้มีการจดทะเบียนกรรมการชุดใหม่
มาตรา 21 ให้สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์มีคณะกรรมการประกอบด้วยกรรมการจำนวน ไม่น้อยกว่าเจ็ดคน โดยมีตำแหน่งนายกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์หนึ่งคน เลขานุการหนึ่งคน เหรัญญิก หนึ่งคน และตำแหน่งอื่นตามที่คณะกรรมการกำหนด เป็นผู้ดำเนินกิจการของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ และเป็นผู้แทนของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ในกิจการที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก เพื่อการนี้ คณะกรรมการ จะมอบหมายให้กรรมการคนหนึ่งหรือหลายคนทำการแทนก็ได้ กรรมการของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ต้องมีคุณสมบัติตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด กรรมการสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์มีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสองปีนับแต่วันที่นายทะเบียน รับจดทะเบียน กรรมการสมาคมฌาปณกิจสงเคราะห์จะดำรงตำแหน่งเกินสองวาระติดต่อกันไม่ได้ เว้นแต่ ที่ประชุมใหญ่โดยมติสองในสามของผู้มาประชุมจะกำหนดเป็นอย่างอื่น ในกรณีที่กรรมการพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระและได้มีการแต่งตั้งผู้อื่นเป็นกรรมการแทน ให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน
มาตรา 22 การประชุมใหญ่สามัญ ให้คณะกรรมการเรียกประใหญ่สามัญประจำปี ปีละ หนึ่งครั้งภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันสิ้นปีปฏิทิน เพื่อ ( 1 ) รับทราบรายงานกิจการในรอบปีที่ผ่านมาของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ( 2 ) พิจารณาอนุมัติบัญชีรายได้ รายจ่าย และบัญชีงบดุลของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ( 3 ) เลือกตั้งคณะกรรมการแทนคณะกรรมการเมื่อครบวาระตามมาตรา 21 วรรคสาม ( 4 ) พิจารณาวาระอื่น ๆ
มาตรา 23 คณะกรรมการจะเรียกประชุมใหญ่วิสามัญเมื่อใดก็ได้สุดแต่จะเห็นสมควร สมาชิกจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดหรือไม่น้อยกว่าห้าสิบคนจะทำ หนังสือร้องขอต่อคณะกรรมการให้เรียกประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อการใดการหนึ่งเมื่อใดก็ได้ ในกรณีที่สมาชิกเป็นผู้ร้องขอให้เรียกประชุมใหญ่วิสามัญ ให้คณะกรรมการเรียกประชุมใหญ่ วิสามัญภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำร้องขอ ถ้าคณะกรรมการไม่เรียกประชุมใหญ่วิสามัญในระยะ เวลาดังกล่าว ให้นายทะเบียนมีอำนาจเรียกประชุมใหญ่วิสามัญได้
มาตรา 24 ในการเรียกประชุมใหญ่สามัญหรือการเรียกประชุมใหญ่วิสามัญตามมาตรา 19 มาตรา 22 หรือมาตรา 23 คณะกรรมการต้องส่งหนังสือนัดประชุมไปยังสมาชิกทุกคนซึ่งมีชื่อ ในทะเบียนสมาชิกก่อนวันนัดประชุมไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน การเรียกประชุมใหญ่ตามวรรคหนึ่งต้องระบุสถานที่ วัน เวลา และระเบียบวาระการประชุม และจัดส่งรายละเอียดและเอกสารที่เกี่ยวข้องตามควรไปพร้อมกันด้วย
มาตรา 25 การประชุมใหญ่ ต้องมีสมาชิกหรือผู้แทนสมาชิกมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดหรือไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยคนจึงจะเป็นองค์ประชุม ถ้าในการประชุมนัดแรก สมาชิกหรือผู้แทนสมาชิกมาไม่ครบองค์ประชุมหากการประชุมนั้น ได้นัดโดยสมาชิกร้องขอ ให้เลิกประชุม ถ้าการประชุมนั้นมิใช่โดยสมาชิกร้องขอ ให้นัดประชุดใหญ่ อีกครั้งหนึ่งภายในสามสิบวัน การประชุมครั้งหลังนี้มีสมาชิกหรือผู้แทนสมาชิกประชุมไม่น้อยกว่า หนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดหรือไม่น้อยกว่าสามสิบคนก็ให้ถือว่าเป็นองค์ประชุม ในการประชุมใหญ่เพื่อแก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อบังคับและการเลิกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ต้องมีผู้มาประชุมตามวรรคหนึ่งเท่านั้น
มาตรา 26 ในการประชุมใหญ่ สมาชิกคนหนึ่งมีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน การวินิจฉัย ชี้ขาดให้ถือเสียงข้างมาก ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่ง เป็นเสียงชี้ขาด เว้นแต่กรณีการแก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อบังคับ และการเลิกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของผู้มาประชุม
มาตรา 27 สมาชิกจะมอบฉันทะเป็นหนังสือให้ผู้อื่นซึ่งมิใช่สมาชิกมาประชุมใหญ่และออกเสียง แทนตนก็ได้ ผู้รับมอบฉันทะคนหนึ่งรับมอบฉันทะได้คนเดียว
มาตรา 28 ในกรณีที่จะมีมติเรื่องใด ถ้าส่วนได้เสียของกรรมการหรือสมาชิกของสมาคม ฌาปนกิจสงเคราะห์ผู้ใดขัดกับประโยชน์ได้เสียของสมาคม กรรมการหรือสมาชิกของสมาคมผู้นั้น จะออกเสียงลงคะแนนในเรื่องนั้นมิได้
มาตรา 29 นายทะเบียนและพนักงานเจ้าหน้าที่อาจเข้าร่วมการประชุมใหญ่ของสมาคม ฌาปนกิจสงเคราะห์และอาจชี้แจงแสดงข้อคิดเห็นแก่ที่ประชุมใหญ่ได้ แต่ไม่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนน
มาตรา 30 ห้ามมิให้สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์เรียกเก็บเงินอื่นใดจากสมาชิกนอกเหนือ จากเงินค่าสมัคร เงินค่าบำรุง และเงินสงเคราะห์ เงินค่าสมัครให้เรียกเก็บจากผู้ซึ่งสมัครเข้าเป็นสมาชิกในครั้งแรกเพียงครั้งเดียวตามอัตราที่กำหนด ในข้อบังคับ แต่ต้องไม่เกินอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง เงินค่าบำรุงให้เรียกเก็บจากสมาชิกเป็นรายเดือนหรือรายปีตามอัตราที่กำหนดในข้อบังคับ แต่ต้องไม่เกินอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง เงินสงเคราะห์ให้เรียกเก็บได้ตามจำนวนสมาชิกที่ตายตามอัตราที่กำหนดในข้อบังคับ แต่ต้องไม่เกิน อัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์อาจเรียกเก็บเงินสงเคราะห์ไว้ล่วงหน้าเพื่อสำรองจ่ายเป็นค่าจัดการศพได้ แต่ต้องไม่เกินอัตราที่ที่ประชุมใหญ่กำหนดและต้องกำหนดในข้อบังคับ ในกรณีที่สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์เลิก หรือสมาชิกผู้ใดพ้นจากสมาชิกภาพ ให้สมาคม ฌาปนกิจสงเคราะห์คืนเงินสงเคราะห์ที่เรียกเก็บไว้ล่วงหน้าให้แก่สมาชิกเท่าที่สมาชิกผู้นั้นยังไม่ตกอยู่ ในความผูกพันที่จะต้องจ่ายเงินสงเคราะห์ตามที่ได้จ่ายล่วงหน้าไว้ให้แล้ว
มาตรา 31 สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์อาจหักเงินจำนวนหนึ่งไว้จากเงินสงเคราะห์ได้ตามสมควร เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจการของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ตามอัตราที่ที่ประชุมกำหนด แต่ต้อง ไม่เกินอัตราที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง
มาตรา 32 กรรมการไม่มีสิทธิ์ได้รับค่าจ้างหรือประโยชน์อย่างอื่นทำนองเดียวกันจากสมาคม ฌาปนกิจสงเคราะห์ กรรมการอาจได้รับเบี้ยประชุม ค่าพาหนะ หรือประโยชน์อย่างอื่นทำนองเดียวกันจากสมาคม ฌาปนกิจสงเคราะห์ได้ หากสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ได้วางระเบียบไว้ให้จ่ายได้ ระเบียบของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ว่าด้วยการจ่ายเบี้ยประชุม ค่าพาหนะหรือประโยชน์ อย่างอื่นทำนองเดียวกันให้แก่กรรมการ ต้องกระทำโดยมติของที่ประชุมใหญ่และต้องส่งสำเนาที่มี คำรับรองว่าถูกต้องต่อนายทะเบียน
มาตรา 33 ห้ามมิให้ผู้ใดชักชวน ชี้ช่อง หรือจัดการโดยวิธีใด ๆ ที่คล้ายคลึงกันให้ผู้ใดเข้า เป็นสมาชิกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ที่ยังมิได้จดทะเบียนโดยถูกต้องตามกฏหมาย
มาตรา 34 ห้ามมิให้ผู้ใดชักชวน ชี้ช่อง หรือจัดการให้ผู้อื่นเข้าเป็นสมาชิกในสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ โดยได้รับประโยชน์ตอบแทนเป็นเงินหรือทรัพย์สินอื่นไม่ว่าจะเป็นสินจ้างหรือค่าใช้จ่ายอื่น จากการชักชวน ชี้ช่อง หรือจัดการนั้น
มาตรา 35 สมาชิกมีสิทธิขอตรวจสอบบัญชี และเอกสารของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ เพื่อทราบการดำเนินกิจการของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ที่สำนักงานได้ในเวลาเปิดทำการ
หมวด 4 การควบคุมสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์
มาตรา 36 สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ต้องจัดให้มีทะเบียนสมาชิกตามแบบที่นายทะเบียนกลาง กำหนด และให้เก็บรักษาทะเบียนดังกล่าวพร้อมทั้งหลักฐานและเอกสารที่ใช้ประกอบการลงทะเบียน ไว้ที่สำนักงาน สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ต้องส่งสำเนาทะเบียนสมาชิกที่มีอยู่ในวันที่ครบเก้าสิบวันนับแต่วันที่ จดทะเบียนให้แก่นายทะเบียนภายในสามสิบวันนับแต่วันดังกล่าว และเมื่อสิ้นเดือนมีนาคม เดือนมิถุนายน เดือนกันยายน และเดือนธันวาคมของทุกปี สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ต้องส่งสำเนาทะเบียนสมาชิก ในส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงจำนวนสมาชิกตามที่เป็นอยู่ในวันสิ้นเดือนนั้นต่อนายทะเบียนภายในสามสิบวัน นับแต่วันสิ้นเดือนนั้น ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด
มาตรา 37 สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ต้องจัดให้มีสมุดชำระเงินประจำตัวสมาชิกให้แก่ สมาชิก บัญชีชำระเงินประจำตัวสมาชิก บัญชีแสดงฐานะการเงินและหลักฐานการรับจ่ายเงินตามแบบ นายทะเบียนกลางกำหนด และต้องเก็บรักษาเอกสารประกอบบัญชีแสดงให้เห็นความถูกต้องแห่งบัญชี นั้นไว้ด้วย สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ต้องรายงานจำนวนเงินที่มีอยู่ในมือและในธนาคารตามที่เป็นอยู่ใน วันสิ้นเดือนมิถุนายนของทุกปีต่อนายทะเบียนภายในสามสิบวันนับแต่วันสิ้นเดือนนั้น ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด
มาตรา 38 เมื่อสิ้นปีปฏิทินทุกปี สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ต้องทำบัญชีรายได้ รายจ่าย และบัญชีงบดุลตามแบบที่นายทะเบียนกลางกำหนด เสนอต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณาภายในหกสิบ วันนับแต่วันสิ้นปี ให้สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์เสนอต่อที่ประชุมใหญ่เพื่ออนุมัติบัญชีรายได้ รายจ่าย และบัญชี งบดุลนั้นภายในกำหนดหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันสิ้นปีปฏิทิน สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ต้องส่งสำเนางบดุลตามวรรคหนึ่งที่มีคำรับรองว่าถูกต้องต่อนายทะเบียน เพื่อตรวจสอบภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ที่ประชุมใหญ่อนุมัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรี ประกาศกำหนด และสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ต้องแสดงสำเนางบดุลไว้ที่สำนักงานเพื่อให้สมาชิก และผู้มีส่วนได้เสียตรวจดูได้ด้วย
มาตรา 39 ให้สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์เก็บรักษาหลักฐานเอกสารตามมาตรา 36 มาตรา 37 และมาตรา 38 ไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่าสิบปี
มาตรา 40 ผู้มีส่วนได้เสียจะขอตรวจเอกสาร คัดเอกสาร หรือขอให้คัดรายการ และรับรอง สำเนาเอกสารเกี่ยวกับสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์จากนายทะเบียนให้ยื่นคำขอตามแบบที่นายทะเบียนกลาง กำหนด
มาตรา 41 เพื่อประโยชน์แก่การดำเนินกิจการของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ให้เป็นไปด้วยดี เมื่อมีกรณีที่นายทะเบียนเห็นสมควรที่จะได้ฟังความคิดเห็นและคำวินิจฉัยของสมาชิกในปัญหาหรือกิจการใด นายทะเบียนมีอำนาจสั่งให้คณะกรรมการเรียกประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อพิจารณาและวินิจฉัยปัญหาหรือ กิจการนั้นได้
มาตรา 42 เมื่อสมาชิกคนใดคนหนึ่งหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ร้องขอว่าการประชุมใหญ่ของ สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ถ้าได้นัดเรียกหรือได้ประชุมกันหรือได้ลงมติฝ่าฝืนต่อกฎหมายหรือข้อบังคับ ของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ นายทะเบียนมีอำนาจสั่งให้เพิกถอนมติของที่ประชุมใหญ่ที่เกิดขึ้นใน การประชุมที่ได้เรียกหรือได้ประชุมกันหรือได้ลงมติฝ่าฝืนต่อกฎหมายหรือข้อบังคับของสมาคมฌาปนกิจ สงเคราะห์นั้นเสียได้ การร้องขอให้เพิกถอนมติของที่ประชุมใหญ่นั้น ถ้าสมาชิกเป็นผู้ร้องขอต้องร้องขอ ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ที่ประชุมใหญ่ลงมติ ในกรณีที่นายทะเบียนมีคำสั่งให้เพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่ กรรมการคนใดคนหนึ่งมีสิทธิอุทธรณ์ คำสั่งนั้นต่อปลัดกระทรวงได้ โดยทำเป็นหนังสือยื่นต่อนายทะเบียนภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับ แจ้งคำสั่ง และให้นายทะเบียนส่งคำอุทธรณ์ต่อไปยังปลัดกระทรวงโดยมิชักช้า ให้ปลัดกระทรวงวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันยื่นอุทธรณ์คำวินิจฉัยของปลัด กระทรวงให้เป็นที่สุด
มาตรา 43 ในกรณีที่กรรมการหรือเจ้าหน้าที่ของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์กระทำการใด อันก่อให้เกิดความเสียหายแก่สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ถ้าสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ไม่ร้องทุกข์ หรือฟ้องคดี ให้นายทะเบียนร้องทุกข์หรือฟ้องคดีได้ โดยให้พนักงานอัยการรับว่าต่างให้สมาคมฌาปนกิจ สงเคราะห์ และให้สมคมฌาปนกิจสงเคราะห์ออกค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการร้องทุกข์ฟ้องคดีหรือว่าต่างแก่ นายทะเบียนหรือพนักงานอัยการ แล้วแต่กรณี
มาตรา 44 ในกรณีที่คณะกรรมการหรือกรรมการกระทำการหรืองดเว้นกระทำการในการปฏิบัติ หน้าที่ของตนจนทำให้เสื่อมเสียผลประโยชน์ของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์หรือสมาชิก หรือทำให้มี ข้อบกพร่องเกี่ยวกับการเงินหรือการบัญชี ให้นายทะเบียนมีอำนาจออกคำสั่งเป็นหนังสือให้ปฏิบัติการ ดังต่อไปนี้ ( 1 ) ให้คณะกรรมการหรือกรรมการระงับการปฎิบัติบางส่วนที่เป็นเหตุให้เกิดข้อบกพร่อง หรือเสื่อมเสียผลประโยชน์ของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์หรือสมาชิก ( 2 ) ให้คณะกรรมการหรือกรรมการแก้ไขข้อบกพร่องตามวิธีการและระยะเวลาที่นายทะเบียน กำหนด ( 3 ) ให้คณะกรรมการหรือกรรมการหยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องนั้น ให้แล้วเสร็จตามวิธีการและภายในระยะเวลาที่นายทะเบียนกำหนด ( 4 ) ให้คณะกรรมการพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ หรือให้กรรมการซึ่งเกี่ยวข้องกับการนั้นพ้นจาก ตำแหน่งกรรมการ
มาตรา 45 เมื่อนายทะเบียนสั่งให้คณะกรรมการพ้นจากตำแหน่งกรรมการทั้งคณะ ให้นายทะเบียน แต่งตั้งคณะกรรมการชั่วคราวขึ้นคณะหนึ่งมีอำนาจหน้าที่และสิทธิเช่นเดียวกับคณะกรรมการ และให้ คณะกรรมการชั่วคราวจัดให้มีการประชุมใหญ่เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการขึ้นใหม่ทั้งคณะให้เสร็จสิ้นภายใน สี่สิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง
มาตรา 46 เมื่อนายทะเบียนสั่งให้กรรมการคนใดพ้นจากตำแหน่งกรรมการ ให้คณะกรรมการ ส่วนที่เหลือเรียกประชุมใหญ่ตั้งผู้เป็นกรรมการแทนภายในเวลาสามาสิบวันนับแต่วันที่กรรมการพ้นจาก ตำแหน่ง ถ้ามิได้ตั้งหรือตั้งกรรมการไม่ได้ตามกำหนดเวลา ให้นายทะเบียนแต่งตั้งสมาชิกคนใดคนหนึ่ง เป็นกรรมการแทน และให้ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งนั้นอยู่ในตำแหน่งกรรมการเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน แต่ถ้าวาระของกรรมการผู้นั้นเหลืออยู่ไม่ถึงหนึ่งร้อยแปดสิบวัน คณะกรรมการส่วนที่เหลือจะเรียก ประชุมใหญ่เพื่อตั้งกรรมการแทนหรือนายทะเบียนจะดำเนินการแต่งตั้งกรรมการแทนหรือไม่ก็ได้ ในกรณีที่คณะกรรมการเหลือที่อยู่ไม่ถึงเจ็ดคน ให้นายทะเบียนแต่งตั้งกรรมการชั่วคราวให้ครบ จำนวนเจ็ดคน และให้คณะกรรมการจัดให้มีการประชุมใหญ่เพื่อเลือกตั้งกรรมการแทนกรรมการที่พ้นจาก ตำแหน่งให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่นายทะเบียนแต่งตั้งกรรมการชั่วคราว
มาตรา 47 ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้นายทะเบียนหรือผู้ซึ่งนายทะเบียน มอบหมายและพนักงานเจ้าหน้าที่ มีอำนาจ ( 1 ) เข้าไปในสำนักงานของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ในวันทำการระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้น ถึงพระอาทิตย์ตก เพื่อตรวจสอบและควบคุมให้การเป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ ( 2 ) สั่งให้กรรมการหรือเจ้าหน้าที่ของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ส่งหรือแสดงบัญชีและเอกสาร ของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ( 3 ) สอบถามบุคคลใน ( 2 ) หรือเรียกบุคคลดังกล่าวมาเพื่อสอบถามหรือแสดงข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการดำเนินกิจการของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ในกรณีการตรวจสอบกระทำโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ เมื่อตรวจสอบแล้วให้เสนอรายงานการตรวจสอบ ต่อนายทะเบียนด้วย ในการปฏิบัติหน้าที่ของนายทะเบียนหรือ ผู้ซึ่งนายทะเบียนมอบหมายและพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามวรรคหนึ่ง ให้บุคคลซึ่งเกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกตามสมควรแก่นายทะเบียน หรือผู้ซึ่งนายทะเบียน มอบหมายและพนักงานเจ้าหน้าที่
มาตรา 48 นายทะเบียนหรือผู้ซึ่งนายทะเบียนมอบหมายและพนักงานเจ้าหน้าที่ต้องมีบัตร ประจำตัวตามแบบที่นายทะเบียนกลางประกาศกำหนด ในการปฏิบัติการตามหน้าที่ นายทะเบียนหรือผู้ซึ่งนายทะเบียนมอบหมายและพนักงาน เจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวเมื่อบุคคลซึ่งเกี่ยวข้องร้องขอ
หมวด 5 การฌาปนกิจสงเคราะห์ของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรวิชาชีพซึ่งเป็นนิติบุคคลที่อยู่ภายใต้การกำกับของรัฐ
มาตรา 49 ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรวิชาชีพซึ่งเป็นนิติบุคคล ที่อยู่ภายใต้การกำกับของรัฐใดที่ประสงค์จะดำเนินกิจการฌาปนกิจสงเคราะห์ให้ปฏิบัติตามระเบียบ ที่กำหนดในมาตรา 50
มาตรา 50 ให้กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมกำหนดระเบียบการขึ้นทะเบียนการดำเนิน กิจการ การควบคุม และการเลิกกิจการฌาปนกิจสงเคราะห์ของส่วนราชการ หน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรวิชาชีพซึ่งเป็นนิติบุคคลที่ภายใต้การกำกับของรัฐขึ้นไว้ ระเบียบนี้เมื่อได้รับ อนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้วให้ข้อบังคับได้ เมื่อการฌาปนกิจสงเคราะห์ของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรวิชาชีพ ซึ่งเป็นนิติบุคคลที่อยู่ภายใต้การกำกับของรัฐได้ขึ้นทะเบียนตามระเบียบที่กระทรวงแรงงานและสวัสดิการ สังคมกำหนดในวรรคหนึ่งแล้ว ให้ถือว่าการฌาปนกิจสงเคราะห์ดังกล่าวเป็นงานอันอยู่ในอำนาจหน้าที่ ของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรวิชาชีพซึ่งเป็นนิติบุคคลที่อยู่ภายใต้การกำกับ ของรัฐนั้น
หมวด 6 การเลิกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์
มาตรา 51 สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ย่อมเลิกด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง ดังต่อไปนี้ ( 1 ) ที่ประชุมใหญ่ลงมติให้เลิก ( 2 ) นายทะเบียนสั่งให้เลิกตามมาตรา 52 ( 3 ) ศาลสั่งให้เลิกตามมาตรา 54 เมื่อเลิกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ให้นายทะเบียนกลางประกาศการเลิกในราชกิจจานุเบกษา และให้นายทะเบียนปิดประกาศที่สำนักงานด้วย
มาตรา 52 นายทะเบียนมีอำนาจสั่งให้เลิกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ได้ในกรณีดดังต่อไปนี้ ( 1 ) สมาชิกไม่น้อยกว่าหนึ่งในสี่ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดร่วมกันยื่นคำร้องขอต่อนายทะเบียน ขอให้เลิกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์พร้อมด้วยเหตุผลประกอบคำร้องขอ และนายทะเบียนได้สอบสวน หลักฐานและเหตุผลประกอบคำร้องขอแล้วเป็นที่ปรากฏแน่ชัดว่าสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์สมควรจะ ต้องเลิกดำเนินกิจการตามคำร้องขอนั้น ( 2 ) บุคคลอื่นซึ่งมิได้เป็นกรรมการคนหนึ่งหรือหลายคนเข้ามากระทำการในฐานะกรรมการ และนายทะเบียนได้มีคำสั่งให้บุคคลดังกล่าวเลิกการกระทำการในฐานะกรรมการแล้ว แต่ได้ปฏิบัติตามคำสั่ง ของนายทะเบียน ( 3 ) มีพฤติการณ์ที่ทำให้เห็นว่าการดำเนินกิจการของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์นั้นไม่เป็นไป โดยสุจริต และนายทะเบียนได้สอบสวนพฤติการณ์ดังกล่าวแล้วมีเหตุผลเป็นที่เชื่อถือได้ ( 4 ) มีพฤติการณ์ที่ทำให้เห็นว่าการดำเนินกิจการของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ไม่อาจดำเนิน ต่อไปได้ไม่ว่าเพราะเหตุใด ๆ เมื่อนายทะเบียนสั่งให้เลิกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ใด ให้แจ้งคำสั่งเป็นหนังสือพร้อมด้วยเหตุผล ไปยังสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์นั้นภายในสามสิบวัน
มาตรา 53 ในกรณีที่นายทะเบียนสั่งเลิกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ตามมาตรา 52 กรรมการ จำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดของสมาคมฌาปณกิจสงเคราะห์นั้นมีสิทธิอุทธรณ์ ต่อปลัดกระทรวงโดยทำเป็นหนังสือยื่นต่อนายทะเบียนภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำสั่ง และให้ นายทะเบียนส่งคำอุทธรณ์ต่อไปยังปลัดกระทรวงโดยมิชักช้า ให้ปลัดกระทรวงวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันยื่นอุทธรณ์คำวินิจฉัยของปลัด กระทรวงให้เป็นที่สุด
มาตรา 54 ในกรณีที่นายทะเบียนเพิกเฉยหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 52 เมื่อผู้มีส่วนได้เสีย ร้องขอ ศาลอาจสั่งให้เลิกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์นั้นได้
หมวด 7 การชำระบัญชี
มาตรา 55 เมื่อสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ใดต้องเลิกไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ให้มีการชำระบัญชี สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์นั้น และให้นำความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์อันว่าด้วยการชำระ บัญชีห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัดและบริษัทจำกัด มาใช้บังคับโดยอนุโลม เว้นแต่พระราช บัญญัตินี้จะกำหนดไว้เป็นอย่าง
มาตรา 56 ในการตั้งผู้ชำระบัญชีของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ที่ต้องเลิก ให้ที่ประชุมใหญ่ ตั้งผู้ชำระบัญชีโดยได้รับความเห็นชอบจากนายทะเบียนภายในสามสิบวันนับแต่วันที่เลิกสมาคมฌาปนกิจ สงเคราะห์หรือนับแต่วันที่ปลัดกระทรวงมีคำสั่งให้ยกอุทธรณ์ แล้วแต่กรณี เพื่อทำการชำระบัญชีของ สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ในกรณที่ที่ประชุมใหญ่ไม่อาจตั้งผู้ชำระบัญชีภายในกำหนดเวลาตามวรรคหนึ่ง หรือนายทะเบียน ไม่ให้ความเห็นชอบในการตั้งผู้ชำระบัญชี ให้นายทะเบียนแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีขึ้นทำการชำระบัญชี สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ได้ เมื่อนายทะเบียนเห็นสมควรหรือเมื่อสมาชิกมีจำนวนไม่น้อยกว่าสองในสามของสมาชิกทั้งหมด ร้องขอต่อนายทะเบียน นายทะเบียนจะแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีคนใหม่แทนผู้ชำระบัญชีที่ตั้งไว้ก็ได้ ให้นายทะเบียนจดทะเบียนผู้ชำระบัญชีที่นายทะเบียนให้ความเห็นชอบตามวรรคหนึ่งหรือผู้ชำระ บัญชีที่ได้รับแต่งตั้งตามวรรคสองหรือวรรคสาม และให้ปิดประกาศชื่อผู้ชำระบัญชีไว้ที่สำนักงานและ ที่ว่าการอำเภอแห่งท้องที่ที่สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์นั้นตั้งอยู่ภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่จดทะเบียน ผู้ชำระบัญชี ผู้ชำระบัญชีอาจได้รับค่าตอบแทนตามที่นายทะเบียนกำหนด
มาตรา 57 ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่นายทะเบียนจดทะเบียนผู้ชำระบัญชี ให้ผู้ชำระบัญชี ปิดประกาศไว้ที่สำนักงานและที่ว่าการอำเภอแห่งท้องที่ที่สมาคมฌปนกิจสงเคราะห์นั้นตั้งอยู่ และประกาศ โฆษณาในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่หรือโฆษณาทางวิทยุประจำท้องที่ว่าสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ได้เลิก และแจ้งเป็นหนังสือไปยังเจ้าหนี้ทุกคนซึ่งมีชื่อปรากฏในสมุดบัญชีหรือเอกสารของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ หรือปรากฎจากทางอื่น เพื่อให้ทราบว่าสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์นั้นเลิกและให้เจ้าหนี้ยื่นคำทวงหนี้ แก่ผู้ชำระบัญชี
มาตรา 58 เมื่อสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์เลิก ให้คณะกรรมการและเจ้าหน้าที่ของสมาคม ฌาปนกิจสงเคราะห์มีหน้าที่จัดการรักษาทรัพย์สินทั้งหมดของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ไว้จนกว่าผู้ชำระ บัญชีจะเรียกให้ส่งมอบ ผู้ชำระบัญชีจะเรียกให้คณะกรรมการหรือเจ้าหน้าที่ของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ส่งมอบทรัพย์สิน ตามวรรคหนึ่ง พร้อมด้วยสมุดบัญชี เอกสารและสิ่งอื่นเมื่อใดก็ได้
มาตรา 59 ผู้ชำระบัญชีต้องทำงบดุลของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์โดยมิชักช้าส่งให้ผู้สอบบัญชี เพื่อตรวจรับรองว่าถูกต้อง และในกรณีจำเป็นอาจร้องขอให้นายทะเบียนตั้งผู้สอบบัญชีเพื่อตรวจสอบ งบดุลนั้นได้ เมื่อผู้สอบบัญชีรับรองงบดุลแล้ว ให้ผู้ชำระบัญชีเสนองบดุลต่อที่ประชุมใหญ่เพื่ออนุมัติแล้ว เสนองบดุลนั้นต่อนายทะเบียน
มาตรา 60 เมื่อได้ชำระบัญชีแล้ว ถ้ามีทรัพย์สินเหลืออยู่จะแบ่งให้แก่สมาชิกสมาคมฌาปนกิจ สงเคราะห์ไม่ได้ ทรัพย์สินนั้นจะต้องโอนไปให้แก่สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์อื่น หรือนิติบุคคลที่มี วัตถุประสงค์เกี่ยวกับการกุศลสาธารณะตามที่ได้ระบุไว้ในข้อบังคับของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์หรือ ตามมติของที่ประชุมใหญ่ ในกรณีที่มิได้ระบุไว้ในข้อบังคับหรือที่ประชุมใหญ่มิได้มีมติไว้ ให้ทรัพย์สินนั้น ตกเป็นของแผ่นดิน
หมวด 8 บทกำหนดโทษ
มาตรา 61 ผู้ใดดำเนินกิจการการฌาปนกิจสงเคราะห์โดยมิได้จดทะเบียนเป็นสมาคมฌาปนกิจ สงเคราะห์หรือขึ้นทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องระวามโทษจำคุกไม่เกิน สามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 62 ผู้ใดเป็นสมาชิกของการฌาปนกิจสงเคราะห์ โดยรู้ว่าการฌาปนกิจสงเคราะห์นั้น มิได้จดทะเบียนเป็นสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์หรือขึ้นทะเบียนการฌาปนกิจสงเคราะห์ตามพระราช บัญญัตินี้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท
มาตรา 63 ผู้ใดใช้คำแสดงชื่อในธุรกิจว่า "ฌาปนกิจสงเคราะห์" หรือคำอื่นใดที่มีความหมาย เช่นเดียวกันอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 5 ต้องระวางโทษไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท และปรับไม่เกิน วันละห้าร้อยบาทจนกว่าจะเลิกใช้
มาตรา 64 ในกรณีที่สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ไม่ปฏิบัติตามมาตรา 16 วรรคหนึ่ง มาตรา 17 มาตรา 20 มาตรา 36 มาตรา 37 มาตรา 38 หรือมาตรา 39 หรือฝ่าฝืนมาตรา 30 หรือ มาตรา 31 กรรมการทุกคนต้องระวางโทษประไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนมิได้มีส่วน ในการกระทำความผิดของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์นั้น
มาตรา 65 กรรมการผู้ใดรับเงิน หรือทรัพย์สิน หรือประโยชน์อย่างอื่นทำนองเดียวกันจาก สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ โดยไม่มีสิทธิที่จะได้รับตามมาตรา 32 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 66 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 33 หรือมาตรา 34 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับ ไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 67 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนายทะเบียนหรือผู้ซึ่งนายทะเบียนมอบหมายหรือพนักงาน เจ้าหน้าที่ หรือไม่อำนวยความสะดวกแก่นายทะเบียนหรือผู้ซึ่งนายทะเบียนมอบหมายหรือพนักงาน เจ้าหน้าที่ตามมาตรา 47 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท
มาตรา 68 กรรมการหรือเจ้าหน้าที่ของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ผู้ใดไม่จัดการรักษาทรัพย์สิน ของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ หรือไม่ส่งมอบทรัพย์สิน สมุดบัญชี เอกสารและสิ่งอื่นของสมาคม ฌาปนกิจสงเคราะห์ให้แก่ผู้ชำระบัญชีตามมาตรา 58 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกิน สี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 69 ผู้ใดแบ่งหรือโอนทรัพย์สินที่เหลืออยู่เมื่อได้ชำระบัญชีแล้วให้แก่บุคคลใดอันเป็น การฝ่าฝืนมาตรา 60 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ บทเฉพาะกาล
มาตรา 70 นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ถือว่าสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ที่จดทะเบียน ตามพระราชบัญญัติการฌาปนกิจสงเคราะห์ พ.ศ. 2517 เป็นสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ที่จดทะเบียน ตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา 71 นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ถือว่าการฌาปนกิจสงเคราะห์ของส่วน ราชการ องค์การของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจที่ขึ้นทะเบียนตามพระราชบัญญัติการฌาปนกิจสงเคราะห์ พ.ศ. 2517 เป็นการฌาปนกิจสงเคราะห์ของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจที่ขึ้นทะเบียน ตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา 72 เมื่อคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้เปลี่ยนทุนของรัฐวิสาหกิจใดเป็นหุ้นและจัดตั้งบริษัท และนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หรือนายทะเบียนตามกฎหมาย ว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัด แล้วแต่กรณี จดทะเบียนบริษัทนั้น ตามกฎหมายว่าด้วยทุนรัฐวิสาหกิจแล้ว ให้การฌาปนกิจสงเคราะห์ของรัฐวิสาหกิจที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ตามมาตรา 50 แห่งพระราชบัญญัตินี้ ยังคงดำเนินการได้ต่อไปจนกว่าจะมีการจดทะเบียนสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ตามพระราชบัญญัตินี้ และให้โอนบรรดาสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบของการฌาปนกิจสงเคราะห์ของรัฐวิสาหกิจนั้น ไปเป็นของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ที่จดทะเบียนแล้วนี้ แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินหกสิบวันนับแต่วันจดทะเบียน บริษัทตามกฎหมายว่าด้วยทุนรัฐวิสาหกิจดังกล่าว ในกรณีที่ไม่มีการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้ถือว่าเป็นการเลิกการฌาปนกิจสงเคราะห์นั้น
มาตรา 73 ให้บรรดากฎกระทรวง ระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่งที่ออกตามพระราชบัญญัติ การฌาปนกิจสงเคราะห์ พ.ศ. 2517 คงใช้บังคับได้ต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ จนกว่าจะมีกฎกระทรวง ระเบียบ ประกาศหรือคำสั่งออกมาใช้บังคับแทนภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อัตราค่าธรรมเนียม ( 1 ) คำขอจดทะเบียนสมาคมฌาปนกิจ สงเคราะห์ ฉบับละ 100 บาท ( 2 ) คำขอจดทะเบียนแก้ไขหรือเพิ่มเติม ข้อบังคับของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ฉบับละ 50 บาท ( 3 ) คำขอจดทะเบียนตั้งหรือเปลี่ยนตัว กรรมการของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ฉบับละ 50 บาท ( 4 ) คำขอตรวจหรือคัดเอกสารเกี่ยวกับ สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ฉบับละ 50 บาท ( 5 ) คำขอเกี่ยวกับสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ อย่างอื่น นอกจาก ( 1 ) ( 2 ) ( 3 ) และ ( 4 ) ฉบับละ 25 บาท ( 6 ) ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนสมาคม ฌาปนกิจสงเคราะห์ ฉบับละ 500บาท ( 7 ) ใบแทนใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ฉบับละ 100 บาท ( 8 ) การรับรองสำเนาเอกสารเกี่ยวกับ สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ฉบับละ 25 บาท |
หมายเหตุ : เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่การดำเนินการสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ทางด้าน การเงินตามที่พระราชบัญญัติการฌาปนกิจสงเคราะห์ พ.ศ. 2517 กำหนดไว้ไม่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและ สังคมปัจจุบันและวิธีการควบคุมสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติดังกล่าวยังไม่รัดกุมพอ ที่จะป้องกันการฉ้อโกงและการแสวงหาผลประโยชน์จากกิจการฌาปนกิจสงเคราะห์ของกรรมการและเจ้าหน้าที่ของ สมาคมได้ ทำให้สมาคมได้รับความเสียหาย สมควรปรับปรุงพระราชบัญญัติการฌาปนกิจสงเคราะห์ พ.ศ.2517 เพื่อให้การคุ้มครองและรักษาผผลประโยชน์ของประชาชนที่เป็นสมาชิกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารงานของคณะกรรมการสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ จึงจำเป็นต้องตราพระราช บัญญัตินี้ ราชกิจจานุเบกษาเล่ม 119 ตอนที่ 42ก หน้า 1-18 วันที่ 3 พฤษภาคม 2545 |