พระราชบัญญัติ
วัตถุอันตราย ( ฉบับที่ 2 )
พ.ศ. 2544
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2544
เป็นปีที่ 56 ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้
ประกาศว่า
        โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตราย
        พระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดมิทธิและเสรีภาพของบุคคล
ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 31 และมาตรา 50 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้
กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
        จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัตินี้ขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา
ดังต่อไปนี้
        มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า ?พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย ( ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2544 ?
        มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วัดถัดจากการประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป
        มาตรา 3 ให้เพิ่มบทนิยามคำว่า ?อนุสัญญาห้ามอาวุธเคมี? ระหว่างบทนิยามคำว่า ?ฉลาก?
และคำว่า ?คณะกรรมการ? ในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ดังต่อไปนี้
        ??อนุสัญญาห้ามอาวุธเคมี? หมาความว่า อนุสัญญาว่าด้วยการห้ามพัฒนา ผลิต สะสม
และใช้อาวุธเคมี และว่าด้วนการทำลายอาวุธเหล่านั้น ซึ่งทำขึ้นเมื่อวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2536 ?
        มาตรา 4 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 15/1 แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535
        ?มาตรา 15/1 ในกรณีมีมติหรือให้ความเห็นของคณะกรรมการ การให้ความเห็นชอบ
ของรัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมายอื่น และการออกประกาศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
หรือรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบ เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ ให้คำนึงถึงอนุสัญญา
ห้ามอาวุธเคมีและสนธิสัญญาและข้อผูกพันระหว่างประเทศอื่นประกอบด้วย?

        มาตรา 5 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 74/1 มาตรา 74/2 แห่งพระราชบัญญัติ
วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535
        ?มาตรา 74/1 ผู้ใช้หรือผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดซึ่งมีโทษตามมาตรา 73 หรือ
มาตรา 74 ในส่วนที่เกี่ยวกับวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 หรือชนิดที่ 4 ซึ่งเป็นสารเคมีพิษหรือสารที่ใช้
ผลิตสารเคมีพิษที่ระบุในอนุสัญญาห้ามอาวุธเคมีตามประกาศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
ตามมาตรา 18 ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับตัวการในความผิดนั้น
        มาตรา 74/2 การกระทำความผิดตามมาตรา 73 หรือมาตรา 74 ในส่วนที่เกี่ยวกับ
วัตถุอันตรายชนิดที่ 3 หรือชนิดที่ 4 ซึ่งเป็นสารเคมีพิษหรือสารที่ใช้ผลิตสารเคมีพิษที่ระบุในอนุสัญญา
ห้ามอาวุธเคมีตามประกาศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมตามมาตรา 18 หากผู้กระทำ
มีสัญชาติไทย แม้จะกระทำนอกราชอาณาจักร จะต้องรับโทษในราชอาณาจักร
        ห้ามมิให้ลงโทษผู้นั้นในราชอาณาจักรเพราะการกระทำนั้นอีก ถ้า
        ( 1 ) ได้มีคำพิพากษาของศาลในต่างประเทศอันถึงที่สุดให้ปล่อยตังผู้นั้น หรือ
        ( 2 ) ศาลในต่างประเทศพิพากษาให้ลงโทษและผู้นั้นได้พ้นโทษแล้ว
        ถ้าผู้ต้องคำพิพากษาได้รับโทษสำรับการกระทำนั้นตามคำพิพากษาของศาลในต่างประเทศมาแล้ว
แต่ยังไม่พ้นโทษ ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้ หรือจะไม่
ลงโทษเลยก็ได้ ทั้งนี้ โดยคำนึงถึงโทษที่ผู้นั้นได้รับมาแล้ว?
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร
        นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ : เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ประเทศไทยจะเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการ
ห้ามพัฒนา ผลิต สะสม และใช้อาวุธเคมี และว่าด้วยการทำลายอาวุธเหล่านี้ ซึ่งทำขึ้นเมื่อวันที่ 13 มกราคม
พ.ศ. 2536 ซึ่งอนุสัญญาดังกล่าวกำหนดมาตราการควบคุมเกี่ยวกับการผลิต ได้มา จัดเก็บ ใช้ และโยกย้ายสารเคมีพิษ
และสารที่ใช้ผลิตสารเคมีพิษที่ระบุอนุสัญญาห้ามอาวุธเคมีในอาณาเขตของบรรดารัฐภาคีและรัฐนอกภาคี รวมทั้ง
กำหนดให้รัฐภาคีออกกฎหมายที่มีโทษทางอาญาเพื่อใช้บังคับกับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลที่อยู่ในอาณาเขตหรือ
เขตอำนาจของรัฐภาคีที่กระทำการละเมิดมาตราการดังกล่าว และให้ขยายของเขตการบังคับใช้กฎหมายให้ครอบคลุม
ถึงการกระทำที่ต้องห้ามตามอนุสัญญาห้ามอาวุธเคมีของบุคคลธรรมดาที่มีสัญชาติของรัฐภาคี ซึ่งกระทำนอกอาณาเขต
ของรัฐภาคีด้วย สมควรแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ในเรื่องมาตราการในการควบคุม
การกระทำใด ๆเกี่ยวกับวัตถุอันตรายที่เป็นสารเคมีพิษหรือสารที่ใช้ผลิตสารเคมีพิษที่ระบุในอนุสัญญาห้ามอาวุธเคมี
และบทกำหนดโทษให้สอดคล้องกับพันธกรณีตามอนุสัญญาห้ามอาวุธเคมี จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
( รจ. เล่ม 118 ตอนที่ 106ก หน้า 5 16 พฤศจิกายน 2544 )