พระราชบัญญัติ จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน ( ฉบับที่ 3 ) พ.ศ. 2544 |
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2544 เป็นปีที่ 56 ในรัชกาลปัจจุบัน |
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัตินี้ขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา ดังต่อไปนี้ มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า ?พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน ( ฉบับที่ 3 ) พ.ศ. 2544 ? มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วัดถัดจากการประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป มาตรา 3 ให้ยกเลิกความในมาตรา 48 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครอง คนหางาน พ.ศ. 2528 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน ( ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2537 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน ?มาตรา 48/1 คนหางานซึ่งตนเองหรือนายจ้างหรือผู้รับอนุญาตจัดหางานเพื่อไปทำงาน ในต่างประเทศได้ส่งเงินเข้ากองทุนตามมาตรา 37 หรือคนงานซึ่งเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ ด้วนตนเองตามมาตรา 48 ที่สมัครใจส่งเงินเข้ากองทุนตามอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวงตาม มาตรา 37 ก่อนเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ให้ได้รับสิทธิประโยชน์จากกองทุนตามระเบียบ ที่รัฐมนตรีกำหนดตามมาตรา 53 เป็นระยะเวลาตามสัญญาจ้างที่คนงานนั้นมีอยู่ คนหางานซึ่งยังอยู่หรือยังทำงานอยู่ในต่างประเทศให้ได้รับสิทธิประโยชน์จากกองทุนตาม มาตรา 53 เป็นระยะเวลาห้าปีนับแต่วันครบกำหนดตามสัญญาจ้าง หรือวันที่สัญญาจ้างสิ้นสุดลง คนหางานที่ได้รับสิทธิประโยชน์จากกองทุนตามวรรคสอง หากไปทำสัญญาจ้างกับนายจ้างใหม่ หรือนายจ้างเดิม และประสงค์จะได้รับสิทธิประโยชน์จากกองทุนตามวรรคสองต่อไป ให้คนหางาน หรือนายจ้างส่งเงินเข้ากองทุนภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ครบกำหนดตามวรรคสอง? ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี |
( รจ. เล่ม 118 ตอนที่ 106ก หน้า 1 16 พฤศจิกายน 2544 ) หมายเหตุ เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่หลักเกณฑ์การจ่ายเงินจากกองทุนเพื่อช่วยเหลือ คนหางานซึ่งไปทำงานในต่างประเทศตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 48 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครอง คนหางาน พ.ศ. 2528 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้ครองคนหางาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2537 ยังไม่อาจให้ความช่วยเหลือคนหางานที่คงทำงานอยู่ในต่างประเทศ หลังจากครบกำหนดเวลาตาม สัญญาจ้าง สมควรขยายระยะเวลาในการให้ความช่วยเหลือคนหางานที่ได้รับสิทธิประโยชน์จากกองทุนอยู่ก่อนแล้ว และยังคงทำงานในต่างประเทศให้ได้รับความช่วยเหลือต่อไปเป็นระยะเวลาห้าปีนับแต่วันครบกำหนดตามสัญญาจ้าง จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ |