พระราชบัญญัติ
คุ้มครองแบบผังภูมิของวงจรรวม
พ.ศ. 2543
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2543
เป็นปีที่ 55 ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้
ประกาศว่า
        โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแบบผังภูมิของวงจรรวม
        พระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล
ซึ่งมาตรา 29  ประกอบกับมาตรา 48  และมาตรา 50   ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย   บัญญัติ
ให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
        จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา
ดังต่อไปนี้
        มาตรา 1  พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า  ?พระราชบัญญัติคุ้มครองแบบผังภูมิของวงจรรวม
  พ.ศ. 2543?
        มาตรา 2  พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป
        หมวด 1 บททั่วไป
        มาตรา 3  ในพระราชบัญญัตินี้
        ?วงจรรวม?  หมายความว่า  ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปหรือกึ่งสำเร็จรูปที่ทำหน้าที่ทางอิเล็กทรอนิกส์
อันประกอบด้วยชิ้นส่วนที่สามารถกระตุ้นให้เกิดการปฏิบัติการทางอิเล็กทรอนิกส์รวมอยู่ด้วยและส่วนเชื่อมต่อ
ที่เชื่อมชิ้นส่วนเหล่านั้นทั้งหมด  หรือบางส่วนเข้าด้วยกัน  ซึ่งได้จัดวางเป็นชั้นในลักษณะที่ผสานรวมกัน
อยู่บนหรือในวัตถุกึ่งตัวนำชิ้นเดียวกัน
        ?แบบผังภูมิ?  หมายความว่า  แบบ  แผนผัง  หรือภาพที่ทำขึ้นไม่ว่าจะปรากฏในรูปแบบหรือวิธีใด
เพื่อให้เห็นถึงการจัดวางให้เป็นวงจรรวม

        ?หนังสือสำคัญแบบผังภูมิ? หมายความว่า หนังสือสำคัญที่ออกให้เพื่อคุ้มครองแบบผังภูมิตาม
พระราชบัญญัตินี้
        ?การหาประโยชน์ในเชิงพาณิชย์?  หมายความว่า  การแสวงหาประโยชน์โดยการขาย  ให้เช่า
หรือโดยการกระทำอื่นใดเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าตอบแทนหรือประโยชน์อื่นใด  และให้หมายความรวมถึง
การนำเสนอเพื่อการแสวงหาประโยชน์ด้วย
        ?ผู้ทรงสิทธิ?  หมายความว่า  ผู้ซึ่งได้รับหนังสือสำคัญแบบผังภูมิและให้หมายความรวมถึงผู้รับโอนด้วย
        ?คณะกรรมการ?  หมายความว่า  คณะกรรมการแบบผังภูมิ
        ?พนักงานเจ้าหน้าที่? หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
        ?อธิบดี?  หมายความว่า  อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา
        ?รัฐมนตรี?  หมายความว่า  รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
        มาตรา 4  ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้  และให้มีอำนาจ
แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่  ออกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้
ลดหรือยกเว้นค่าธรรมเนียม  และกำหนดค่ากิจการอื่นเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
        กฎกระทรวงนั้น  เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
        มาตรา 5  การคุ้มครองแบบผังภูมิของวงจรรวมให้เป็นไปตามที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้
และไม่อยู่ในบังคับกฎหมายว่าด้วยสิทธิบัตร
        หมวด 2 การคุ้มครองแบบผังภูมิ
        ส่วนที่ 1 การขอรับความคุ้มครองแบบผังภูมิ

        มาตรา 6  แบบผังภูมิที่สามารถขอรับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัตินี้ได้แก่
        (1) แบบผังภูมิที่ผู้ออกแบบได้สร้างสรรค์ขึ้นเองและไม่นับเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปในอุตสาหกรรมวงจรรวม
        (2) แบบผังภูมิที่ผู้ออกแบบได้สร้างสรรค์ขึ้นใหม่โดยนำเอาชิ้นส่วน  ส่วนเชื่อมต่อแบบผังภูมิ
หรือวงจรรวมอันเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปในอุตสาหกรรมวงจรรวมมาจัดวางใหม่ในลักษณะที่ทำให้เกิดเป็น
แบบผังภูมิที่ไม่เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปในอุตสาหกรรมวงจรรวม
        มาตรา 7  ผู้ออกแบบแบบผังภูมิเป็นผู้มีสิทธิขอรับความคุ้มครองแบบผังภูมิตามพระราชบัญญัตินี้
        มาตรา 8  สิทธิขอรับความคุ้มครองแบบผังภูมิที่ผู้ออกแบบได้สร้างสรรค์ขึ้นในฐานะพนักงาน
หรือลูกจ้างให้ตกเป็นของพนักงานหรือลูกจ้างนั้น  เว้นแต่จะมีหนังสือตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น
        ในกรณีที่ผู้ออกแบบได้สร้างสรรค์แบบผังภูมิขึ้นโดยการรับจ้างบุคคลอื่น ให้ผู้ว่าจ้างเป็นผู้มีสิทธิ
ขอรับความคุ้มครองในแบบผังภูมินั้น เว้นแต่จะมีหนังสือตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น
        มาตรา 9  ส่วนราชการ  หน่วยงานของรัฐ  รัฐวิสาหกิจ  ราชการส่วนท้องถิ่น  หรือองค์กรอื่น
ของรัฐที่เป็นนิติบุคคลย่อมมีสิทธิขอรับความคุ้มครองในแบบผังภูมิที่ได้สร้างสรรค์ขึ้น  โดยการจ้างหรือ
ตามคำสั่งหรือในความควบคุมขององค์กรนั้น  เว้นแต่จะมีหนังสือตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น
        มาตรา 10  สิทธิขอรับความคุ้มครองแบบผังภูมิย่อมโอนและรับมรดกกันได้  การโอนสิทธิขอรับ
ความคุ้มครองตามพระราชบัญญัตินี้  ต้องทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้โอนและผู้รับโอน
        มาตรา 11  ถ้ามีบุคคลหลายคนสร้างสรรค์แบบผังภูมิร่วมกัน  บุคคลเหล่านั้นมีสิทธิขอรับ
ความคุ้มครองในแบบผังภูมินั้นร่วมกัน
        ในกรณีที่ผู้ออกแบบผังภูมิร่วมคนใดไม่ยอมร่วมขอรับความคุ้มครองแบบผังภูมิหรือติดต่อ
ไม่ได้  หรือไม่มีสิทธิขอรับความคุ้มครองในแบบผังภูมิ  ผู้ออกแบบแบบผังภูมิคนอื่นจะขอรับความคุ้มครอง
สำหรับแบบผังภูมิที่ได้สร้างสรรค์ร่วมกันนั้นในนามของตนเองก็ได้

        ผู้ออกแบบแบบผังภูมิร่วมซึ่งไม่ได้ร่วมขอรับความคุ้มครองแบบผังภูมิจะยื่นคำขอเข้าเป็นผู้ร่วม
ขอรับความคุ้มครองแบบผังภูมิเมื่อใดก็ได้ก่อนมีการออกหนังสือสำคัญแบบผังภูมิให้แก่ผู้ออกแบบร่วม
ซึ่งได้ยื่นคำขอรับความคุ้มครองไว้ก่อนแล้ว  โดยยื่นคำขอพร้อมด้วยพยานหลักฐานที่แสดงว่าผู้ขอเป็น
ผู้ออกแบบร่วมจริง  และให้พนักงานเจ้าหน้าที่สอบสวนว่าผู้ขอเป็นผู้ออกแบบร่วมกันหรือไม่และ
รายงานให้อธิบดีทราบเพื่อมีคำวินิจฉัย  ในการนี้  ให้แจ้งกำหนดวันสอบสวนและส่งสำเนาคำขอไปยังผู้ขอรับ
ความคุ้มครองและผู้ร่วมขอรับความคุ้มครองแบบผังภูมิคนอื่นด้วย
        ผู้ออกแบบแบบผังภูมิร่วมมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งของอธิบดีต่อคณะกรรมการได้ภายในเก้าสิบวัน
นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งนั้น  การอุทธรณ์ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
        เมื่อคณะกรรมการมีคำวินิจฉัยแล้ว  ถ้าผู้ออกแบบแบบผังภูมิร่วมไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัย
ของคณะกรรมการ  ให้มีสิทธินำคดีไปสู่ศาลได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยนั้น
ถ้าไม่ดำเนินคดีภายในกำหนดเวลาดังกล่าว  ให้ถือว่าคำวินิจฉัยของคณะกรรมการเป็นที่สุด
        การยื่นคำขอและการสอบสวนตามวรรคสาม  ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดใน
กฎกระทรวง
        มาตรา 12  ในกรณีที่บุคคลหลายคนต่างสร้างสรรค์แบบผังภูมิที่เหมือนกันโดยมิได้สร้างสรรค์
ร่วมกัน  ให้ผู้ยื่นคำขอรับความคุ้มครองก่อนเป็นผู้มีสิทธิได้รับความคุ้มครองแบบผังภูมิ  ในกรณีที่ยื่นคำขอรับ
ความคุ้มครองในวันเดียวกัน  ให้ผู้ขอรับความคุ้มครองทำความตกลงกันว่าจะให้บุคคลใดเป็นผู้มีสิทธิ
ได้รับความคุ้มครองแต่ผู้เดียวหรือมีสิทธิได้รับความคุ้มครองร่วมกัน  ถ้าตกลงกันไม่ได้ภายในระยะเวลา
ที่อธิบดีกำหนด  ให้ผู้ยื่นคำขอรับความคุ้มครองในลำดับก่อนในวันดังกล่าวเป็นผู้มีสิทธิได้รับความคุ้มครอง
        มาตรา 13  บุคคลซึ่งจะมีสิทธิขอรับความคุ้มครองแบบผังภูมิตามพระราชบัญญัตินี้  ต้องมีคุณสมบัติ
อย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้

        (1) มีสัญชาติไทย  หรือเป็นนิติบุคคลที่มีสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่ในประเทศไทย
        (2) มีสัญชาติของประเทศที่เป็นภาคีแห่งอนุสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศเกี่ยวกับ
การคุ้มครองแบบผังภูมิของวงจรรวมซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีอยู่ด้วย
        (3) มีภูมิลำเนาหรือสถานที่ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวกับการสร้างสรรค์แบบผังภูมิหรือการผลิต
วงจรรวมอย่างจริงจังในประเทศไทยหรือประเทศที่เป็นภาคีแห่งอนุสัญญาหรือความตกลงกันระหว่างประเทศ
เกี่ยวกับการคุ้มครองแบบผังภูมิของวงจรรวมซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีอยู่ด้วย
        ส่วนที่ 2  การจดทะเบียนแบบผังภูมิและระยะเวลาการคุ้มครอง
        มาตรา 14  บุคคลซึ่งมีสิทธิขอรับความคุ้มครองตามที่กำหนดในมาตรา 7  มาตรา 8
มาตรา 9  มาตรา 10  มาตรา 11  หรือมาตรา 12   ซึ่งมีคุณสมบัติตามมาตรา 13  มีสิทธิยื่น
ขอจดทะเบียนเพื่อคุ้มครองแบบผังภูมิได้
        ในกรณีที่ได้นำแบบผังภูมิออกหาประโยชน์ในเชิงพาณิชย์แล้ว  ไม่ว่าในหรือนอกราชอาณาจักร
การยื่นขอจดทะเบียนแบบผังภูมิดังกล่าวต้องกระทำภายในสองปีนับแต่วันที่ได้นำแบบแผนภูมินั้นออกหาประโยชน์
ในเชิงพาณิชย์เป็นครั้งแรก
        แบบผังภูมิที่ไม่มีการนำออกหาประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ภายในสิบห้าปีนับแต่วันที่สร้างสรรค์
แบบผังภูมินั้นเสร็จสิ้น  ไม่อาจขอจดทะเบียนได้
        มาตรา 15  การขอจดทะเบียนแบบผังภูมิเพื่อขอรับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัตินี้  ให้เป็นไป
ตามหลักเกณฑ์   วิธีการ  และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
        คำขอจดทะเบียนต้องมีรายการอย่างน้อยดังต่อไปนี้
        (1) ชื่อ  สัญชาติ  ภูมิลำเนา  และที่อยู่ของผู้ออกแบบ  รวมทั้งการโอนสิทธิขอรับความคุ้มครอง
หากมีการโอนสิทธิดังกล่าว

        (2) วันที่สร้างสรรค์แบบผังภูมิและวันที่ได้นำแบบผังภูมิออกหาประโยชน์ในเชิงพาณิชย์เป็นครั้งแรก
พร้อมทั้งรายละเอียดเกี่ยวกับการนำออกหาประโยชน์
        (3) ภาพวาด  หรือภาพถ่ายลายเส้นที่แสดงแบบผังภูมิ  หรือสิ่งอื่นที่ให้ผลในลักษณะเดียวกัน
รวมทั้งข้อมูลการทำงานทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ของวงจรรวมนั้น
        (4) ตัวอย่างของวงจรรวมที่มีแบบผังภูมิปรากฎในกรณีที่มีการนำออกหาประโยชน์ในเชิง
พาณิชย์แล้ว  และ
        (5) รายการอื่นที่กำหนดในกฎกระทรวง
        มาตรา 16 ในการจดทะเบียนแบบผังภูมิ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบคำขอจดทะเบียน
ให้ถูกต้องตามมาตรา 14 และมาตรา 15 และทำรายงานการตรวจสอบเสนอต่ออธิบดี
        มาตรา 17 ในกรณีที่คำขอจดทะเบียนแบบผังภูมิเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในมาตรา 14
และมาตรา 15 ให้อธิบดีมีคำสั่งรับจดทะเบียน ออกหนังสือสำคัญแบบผังภูมิให้แก่ผู้ขอจดทะเบียน
ประกาศโฆษณาการรับจดทะเบียน และมีหนังสือแจ้งให้ผู้ขอทะเบียนชำระค่าธรรมเนียมการออก
หนังสือสำคัญแบบผังภูมิและค่าธรรมเนียมการประกาศโฆษณา ทั้งนี้ ตามวิธีการและระยะเวลาที่กำหนด
ในกฎกระทรวง
        หากผู้ขอจดทะเบียนแบบผังภูมิไม่ชำระค่าธรรมเนียมตามวรรคหนึ่ง  ให้ถือว่าผู้ขอจดทะเบียน
ละทิ้งคำขอจดทะเบียน
        หนังสือสำคัญแบบผังภูมิให้เป็นไปตามแบบที่กำหนดในกฎกระทรวง
        ในกรณีที่หนังสือสำคัญแบบผังภูมิสูญหาย  หรือชำรุดในสาระสำคัญ  ให้ผู้ทรงสิทธิขอรับใบแทน
หนังสือสำคัญแบบผังภูมิได้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
        มาตรา 18  ในกรณีที่คำขอจดทะเบียนแบบผังภูมิไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในมาตรา 14
หรือมาตรา 15  ให้อธิบดีมีคำสั่งยกคำขอจดทะเบียนและให้มีหนังสือแจ้งคำสั่งพร้อมด้วยเหตุผลให้ผู้ขอ
จดทะเบียนทราบโดยไม่ชักช้า

        ผู้ขอจดทะเบียนมีสิทธอุทธรณ์คำสั่งของอธิบดีต่อคณะกรรมการได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่
ได้รับแจ้งคำสั่งนั้น  การอุทธรณ์ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
        เมื่อคณะกรรมการมีคำวินิจฉัยแล้ว  ถ้าผู้ขอจดทะเบียนไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของคณะกรรมการ
ให้มีสิทธินำคดีไปสู่ศาลได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยนั้น  ถ้าไม่ดำเนินคดีภายใน
กำหนดเวลาดังกล่าว  ให้ถือว่าคำวินิจฉัยของคณะกรรมการเป็นที่สุด
        มาตรา 19  สิทธิในแบบผังภูมิจะได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัตินี้  เมื่อได้รับจดทะเบียน
และออกหนังสือสำคัญให้แล้ว
        หนังสือสำคัญแบบผังภูมิให้มีอายุสิบปีนับแต่วันที่ยื่นขอจดทะเบียนตามพระราชบัญญัตินี้  หรือวันที่
นำแบบผังภูมิออกหาประโยชน์ในเชิงพาณิชย์เป็นครั้งแรกไม่ว่าในหรือนอกราชอาณาจักร  แล้วแต่วันใด
จะเกิดขึ้นก่อน  แต่ทั้งนี้ไม่เกินสิบห้าปีนับแต่วันที่สร้างสรรค์แบบแผนภูมินั้นเสร็จสิ้นแล้ว
        มาตรา 20  ผู้ทรงสิทธิต้องเสียค่าธรรมเนียมรายปีตามที่กำหนดในกฎกระทรวง  โดยเริ่มตั้งแต่
ปีที่สองของอายุการคุ้มครองแบบผังภูมิ  และต้องชำระภายในหกสิบวันนับแต่วันเริ่มต้นระยะเวลาของปี
ที่สองนั้นและของปีต่อไปทุกปี
        ถ้าผู้ทรงสิทธิไม่ชำระค่าธรรมเนียมรายปีตามวรรคหนึ่ง  ต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มร้อยละสามสิบ
ของเงินค่าธรรมเนียมรายปี
        ถ้าผู้ทรงสิทธิไม่ชำระค่าธรรมเนียมรายปีและค่าธรรมเนียมเพิ่มภายในหกเดือนนับแต่วันสิ้นกำหนด
ชำระค่าธรรมเนียมรายปีตามวรรคหนึ่ง  ให้ถือว่าสิทธิในแบบผังภูมินั้นสิ้นสุดลง  ในกรณีนี้  ให้พนักงานเจ้าหน้าที่
ประกาศให้ทราบถึงการสิ้นสุดการคุ้มครองของแบบผังภูมิดังกล่าว
        มาตรา 21  ผู้ทรงสิทธิจะขอชำระค่าธรรมเนียมรายปีล่วงหน้าโดยชำระทั้งหมดในคราวเดียว
แทนการชำระค่าธรรมเนียมรายปีก็ได้

        ในกรณีที่ผู้ทรงสิทธิได้ชำระค่าธรรมเนียมรายปีล่วงหน้าไปแล้ว  แต่ได้มีการแก้ไขอัตราค่าธรรมเนียมรายปี
หรือผู้ทรงสิทธิสละสิทธิในแบบผังภูมิ  หรือมีการเพิกถอนการจดทะเบียนแบบผังภูมินั้น  ผู้ทรงสิทธิไม่ต้อง
ชำระค่าธรรมเนียมรายปีเพิ่มเติม  หรือไม่มีสิทธิได้รับคืนธรรมเนียมรายปีที่ได้จ่ายล่วงหน้าไปแล้วนั้น
        มาตรา 22  ผู้ทรงสิทธิมีสิทธิแต่ผู้เดียวที่จะกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง  ดังต่อไปนี้
        (1) ทำซ้ำซึ่งแบบผังภูมิที่ตนได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัตินี้
        (2) นำเข้ามาในราชอาณาจักร  ขาย  หรือจำหน่ายโดยวิธีการใดเพื่อประโยชน์ในเชิงพาณิชย์
ซึ่งแบบผังภูมิที่ตนได้รับความคุ้มครอง  หรือวงจรรวมที่มีแบบผังภูมิที่ตนได้รับความคุ้มครองประกอบอยู่ด้วย
หรือผลิตภัณฑ์ที่มีวงจรรวมดังกล่าวประกอบอยู่ด้วย
        การกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งตามวรรคหนึ่งโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ทรงสิทธิให้ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิ
ของผู้ทรงสิทธิ
        ในกรณีที่มีการละเมิดสิทธิของผู้ทรงสิทธิโดยการกระทำการใดตาม  ( 2 )  ต่อวงจรรวม  หรือผลิตภัณฑ์
ที่มีแบบผังภูมิของผู้ทรงสิทธิประกอบอยู่ด้วย  หากผู้กระทำได้นำแบบผังภูมิของผู้ทรงสิทธิออกจากวงจรรวม
หรือผลิตภัณฑ์นั้น  หรือได้รับอนุญาตจากผู้ทรงสิทธิในภายหลังแล้ว  ให้กระทำการนั้นได้
        มาตรา 23  การกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ต่อแบบผังภูมิที่ได้รับความคุ้มครองตามพระราช
บัญญัตินี้  มิให้ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิของผู้ทรงสิทธิ
        (1) การทำซ้ำเพื่อใช้ในการประเมิน  การวิเคราะห์  การวิจัย  หรือการศึกษา
        (2) การนำแบบผังภูมิที่มีลักษณะตามมาตรา 6  ที่ได้สร้างสรรค์ขึ้นโดยผลของการกระทำ
ตาม ( 1 )  ไปประกอบในวงจรรวม  หรือการกระทำการตามมาตรา 22  ต่อแบบผังภูมิดังกล่าว
        (3) การทำซ้ำเพื่อประโยชน์ของตนเอง  อันมิใช่การกระทำเพื่อประโยชน์ในเชิงพาณิชย์
        (4) การกระทำตามมาตรา 22 ( 2 )  ต่อวงจรรวมที่มีแบบผังภูมิที่ผู้ทรงสิทธิได้รับ
ความคุ้มครองประกอบอยู่ด้วย  หรือต่อผลิตภัณฑ์ที่มีวงจรรวมดังกล่าวประกอบอยู่ด้วย  หากผู้กระทำ
มิได้รู้หรือมีเหตุอันควรรู้ในขณะที่ได้มาซึ่งวงจรรวมหรือผลิตภัณฑ์ดังกล่าวว่ามีแบบผังภูมิอันละเมิดสิทธิ
ของผู้ทรงสิทธิประกอบอยู่ด้วย  ในกรณีนี้  เมื่อผู้กระทำการดังกล่าวได้รับแจ้งว่าวงจรรวมหรือผลิตภัณฑ์นั้น
มีแบบผังภูมิอันละเมิดสิทธิของผู้ทรงสิทธิ  ก็ให้กระทำการตามมาตรา 22 ( 2 )  ต่อไปได้เฉพาะกับวงจรรวม
หรือผลิตภัณฑ์ที่ตนยังคงมีเหลืออยู่หรือที่ได้สั่งไว้เพื่อจำหน่ายก่อนรับแจ้ง  โดยให้จ่ายค่าใช้สิทธิแก่ผู้ทรงสิทธิ
เป็นจำนวนอันสมควรที่จะพึงใช้กันในทางการค้า

        (5) การกระทำตามมาตรา 22 ( 2 )  ต่อแบบผังภูมิ  หรือวงจรรวมที่ได้มาโดยชอบจาก
การนำออกหาประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ของผู้ทรงสิทธิ
        (6) การกระทำใดตามมาตรา 22  โดยบุคคลที่สร้างสรรค์แบบผังภูมิที่เหมือนกับแบบผังภูมิ
ที่ผู้ทรงสิทธิได้รับความคุ้มครองโดยบุคคลที่สร้างสรรค์ดังกล่าวได้สร้างสรรค์ด้วยตนเอง
        หมวด 3 การอนุญาตให้ใช้สิทธิและการโอนสิทธิในแบบผังภูมิ
        มาตรา 24  ผู้ทรงสิทธิจะอนุญาตให้บุคคลใดใช้สิทธิในแบบผังภูมิของตนตามมาตรา 22
หรือจะโอนสิทธินั้นให้แก่บุคคลอื่นก็ได้  การอนุญาตให้ใช้สิทธิและการโอนสิทธิดังกล่าวต้องทำเป็น
หนังสือและจดทะเบียนต่ออธิบดี
        ในกรณีที่มีผู้ทรงสิทธิร่วม  การอนุญาตให้ใช้สิทธิหรือการโอนสิทธิในแบบผังภูมิตามวรรคหนึ่ง
ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ทรงสิทธิร่วมทุกคน  ในกรณีที่อธิบดีมีคำสั่งให้รับจดทะเบียนสัญญาอนุญาต
ให้ใช้สิทธิหรือสัญญาโอนสิทธิให้อธิบดีมีคำสั่งประกาศโฆษณาการรับจดทะเบียนสัญญาดังกล่าว
        การขอจดทะเบียนสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิและสัญญาโอนสิทธิ  ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และ
วิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
        มาตรา 25  การอนุญาตให้ใช้สิทธิตามมาตรา 24  ผู้ทรงสิทธิจะกำหนดเงื่อนไข  ข้อจำกัดสิทธิ
หรือค่าตอบแทนในลักษณะที่เป็นการจำกัดหรือกีดกันการแข่งขันตามกฎหมายว่าด้วยการแข่งขันทางการค้าไม่ได้
        ในกรณีที่อธิบดีเห็นว่าข้อความใดในสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิขัดต่อบทบัญญัติวรรคหนึ่ง  ให้อธิบดี
เสนอให้คณะกรรมการวินิจฉัย  ถ้าคณะกรรมการเห็นว่าข้อสัญญานั้นขัดต่อบทบัญญัติวรรคหนึ่ง  ให้อธิบดีสั่ง
ไม่รับจดทะเบียนสัญญานั้น  เว้นแต่คู่สัญญาจะมีเจตนาให้ส่วนที่สมบูรณ์แห่งสัญญานั้นแยกจากส่วนที่
ไม่สมบูรณ์ได้  ในกรณีนี้  อธิบดีจะสั่งรับจดทะเบียนสัญญาบางส่วนก็ได้

        เมื่อคณะกรรมการได้วินิจฉัยตามวรรคสองแล้ว  ถ้าผู้มีส่วนได้เสียไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของ
คณะกรรมการ  ให้มีสิทธินำคดีไปสู่ศาลได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยนั้น  ถ้าไม่ดำเนินคดี
ภายในกำหนดเวลาดังกล่าว  ให้ถือว่าคำวินิจฉัยของคณะกรรมการเป็นที่สุด
        มาตรา 26  ในกรณีที่ผู้ทรงสิทธิอนุญาตให้บุคคลอื่นใช้สิทธิในแบบผังภูมิโดยไม่ปฏิบัติตาม
มาตรา 24  วรรคหนึ่ง   อธิบดีอาจขอให้คณะกรรมการสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนแบบผังภูมินั้นได้
ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
        มาตรา 27  การขอจดทะเบียนการรับโอนสิทธิในแบบผังภูมิโดยทางมรดกให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์
วิธีการ  และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
        ในกรณีที่ผู้ทรงสิทธิไม่มีทายาท  การคุ้มครองตามหนังสือสำคัญแบบผังภูมิเป็นอันสิ้นสุดลง
        หมวด 4 การเพิกถอนการจดทะเบียนและการสิ้นสุดการคุ้มครองแบบผังภูมิ
        มาตรา 28  ภายในหนึ่งปีนับแต่วันประกาศโฆษณาการจดทะเบียนแบบผังภูมิ  บุคคลผู้มีส่วนได้เสีย
อาจขอให้อธิบดีสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนแบบผังภูมิที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในมาตรา 14
หรือมาตรา 15 ได้
        เมื่ออธิบดีได้พิจารณารายงานการตรวจสอบและมีคำสั่งยกคำขอเพิกถอนการจดทะเบียนหรือ
คำสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนแบบผังภูมิแล้ว  ให้แจ้งคำสั่งพร้อมด้วยเหตุผลให้ผู้ขอเพิกถอนและผู้ทรงสิทธิ
ทราบโดยไม่ชักช้า
        ผู้ขอเพิกถอนหรือผู้ทรงสิทธิอาจอุทธรณ์คำสั่งของอธิบดีต่อคณะกรรมการภายในเก้าสิบวันนับแต่
วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งนั้น
        การขอเพิกถอนการจดทะเบียนตามวรรคหนึ่งและการอุทธรณ์คำสั่งของอธิบดีตามวรรคสาม
ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง

        มาตรา 29  เมื่อคณะกรรมการได้มีคำวินิจฉัยการอุทธรณ์ตามมาตรา 28  แล้ว  ให้แจ้ง
คำวินิจฉัยพร้อมด้วยเหตุผลให้ผู้ขอเพิกถอนและผู้ทรงสิทธิทราบโดยไม่ชักช้า
        ถ้าผู้ขอเพิกถอนหรือผู้ทรงสิทธิไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของคณะกรรมการ  ให้มีสิทธินำคดีไปสู่
ศาลได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยนั้น  ถ้าไม่ดำเนินคดีภายในกำหนดเวลาดังกล่าว
ให้ถือว่าคำวินิจฉัยของคณะกรรมการเป็นที่สุด
        มาตรา 30  ในกรณีที่มีการจดทะเบียนแบบผังภูมิที่ไม่มีลักษณะตามมาตรา 6  ให้ถือว่าการ
จดทะเบียนแบบผังภูมินั้นไม่สมบูรณ์
        ในกรณีที่อธิบดีเห็นว่าแบบผังภูมิใดที่ได้รับจดทะเบียนไม่มีลักษณะตามมาตรา 6  ให้อธิบดี
สั่งสอบสวนข้อเท็จจริงและรายงานให้คณะกรรมการทราบเพื่อให้คณะกรรมการสั่งเพิกถอนการจดทะเบียน
แบบผังภูมินั้น  ในการสอบสวนดังกล่าว  ให้ผู้ทรงสิทธิให้ถ้อยคำชี้แจงหรือแสดงหลักฐานได้  และอธิบดี
จะเรียกบุคคลใดมาให้ถ้อยคำ  ชี้แจง  หรือส่งหลักฐานเพิ่มเติมก็ได้
        ถ้าผู้ทรงสิทธิไม่เห็นด้วยกับคำสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนของคณะกรรมการให้มีสิทธินำคดีไปสู่
ศาลได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งนั้น  ถ้าไม่ดำเนินคดีภายในกำหนดเวลาดังกล่าว  ให้ถือว่า
คำสั่งเพิกถอนของคณะกรรมการเป็นที่สุด
        มาตรา 31  สิทธิในแบบผังภูมิของผู้ทรงสิทธิสิ้นสุดลงเมื่อ
        (1) ผู้ทรงสิทธิสละสิทธิในแบบผังภูมิโดยขอคืนหนังสือสำคัญแบบผังภูมิ
        (2) แบบผังภูมิสิ้นระยะเวลาการคุ้มครองตามมาตรา 19  หรือการคุ้มครองสิทธิสิ้นสุดลง
ตามมาตรา 20  วรรคสาม
        (3) ผู้ทรงสิทธิตายและไม่มีทายาท  หรือ
        (4) อธิบดีหรือคณะกรรมการมีคำสั่งหรือคำวินิจฉัย  หรือศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้เพิกถอน
การจดทะเบียนแบบผังภูมิ

        หมวด 5 การบังคับใช้สิทธิในแบบผังภูมิ
        มาตรา 32  เมื่อพ้นกำหนดสามปีนับแต่วันรับจดทะเบียนและออกหนังสือสำคัญแบบผังภูมิ
บุคคลอื่นจะยื่นคำขอใช้สิทธิในแบบผังภูมิของผู้ทรงสิทธิตามมาตรา 22  ต่ออธิบดีก็ได้  ถ้าปรากฏว่า
ผู้ทรงสิทธิใช้สิทธิในลักษณะที่เป็นการจำกัดหรือกีดกันการแข่งขันตามกฎหมายว่าด้วยการแข่งขันทางการค้า
        ในการขอใช้สิทธิตามวรรคหนึ่ง  ผู้ขอใช้สิทธิต้องแสดงว่าผู้ขอได้พยายามดำเนินการขออนุญาต
ใช้สิทธิในแบบผังภูมิจากผู้ทรงสิทธิโดยได้เสนอเงื่อนไขและค่าตอบแทนที่เพียงพอตามพฤติการณ์แห่งกรณีแล้ว
แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ภายในระยะเวลาอันสมควร  ทั้งนี้  ตามหลักเกณฑ์  วิธีการ  และเงื่อนไข
ที่กำหนดในกฎกระทรวง
        มาตรา 33  เมื่ออธิบดีมีคำสั่งเกี่ยวกับคำขอใช้สิทธิที่ยื่นตามมาตรา 32  แล้ว  ผู้ขอใช้สิทธิ
ผู้ทรงสิทธิ  หรือผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิอาจอุทธรณ์คำสั่งต่อคณะกรรมการได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่
ได้รับแจ้งคำสั่งนั้น  การอุทธรณ์ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
        เมื่อคณะกรรมการมีคำวินิจฉัยอุทธรณ์ตามวรรคหนึ่งแล้ว  ให้แจ้งคำวินิจฉัยพร้อมด้วยเหตุผล
ให้คู่กรณีทราบโดยไม่ชักช้า
        ถ้าผู้ขอใช้สิทธิ  ผู้ทรงสิทธิ  หรือผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของคณะกรรมการ
ให้มีสิทธินำคดีไปสู่ศาลได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยนั้นถ้าไม่ดำเนินคดีภายในกำหนด
เวลาดังกล่าว  ให้ถือว่าคำวินิจฉัยของคณะกรรมการเป็นที่สุด
        มาตรา 34  เพื่อการอันจำเป็นในการป้องกันประเทศ  การรักษาความมั่นคงแห่งชาติ
การรักษาความปลอดภัย  สุขภาพอนามัย  หรือสิ่งแวดล้อม  หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะอย่างอื่นที่มิได้
มีวัตถุประสงค์เพื่อการค้า  ส่วนราชการ  หน่วยงานของรัฐ  รัฐวิสาหกิจ  ราชการส่วนท้องถิ่น  หรือ
องค์กรอื่นของรัฐที่เป็นนิติบุคคล  อาจขอใช้สิทธิในแบบผังภูมิอย่างใดอย่างหนึ่งตามมาตรา 22 ได้
โดยกระทำการนั้นเองหรือให้บุคคลอื่นกระทำแทน

        ในการใช้สิทธิตามวรรคหนึ่ง  หน่วยงานที่ขอใช้สิทธิจะต้องเสียค่าตอบแทนที่เป็นธรรมตามสมควร
แก่ผู้ทรงสิทธิหรือผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิตามมาตรา 24  และให้อธิบดีแจ้งให้ผู้ทรงสิทธิหรือผู้ได้รับ
อนุญาตให้ใช้สิทธิทราบเป็นหนังสือโดยไม่ชักช้า
        ในการขอใช้สิทธิตามวรรคหนึ่ง  ให้หน่วยงานที่ขอใช้สิทธิยื่นคำขอเสนอค่าตอบแทนและเงื่อนไข
ในการใช้สิทธิต่ออธิบดี  ถ้าผู้ทรงสิทธิหรือผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิไม่เห็นด้วยกับจำนวนค่าตอบแทน
ผู้ทรงสิทธิหรือผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิมีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่
ได้รับคำแจ้งคำเสนอค่าตอบแทนนั้น  การอุทธรณ์ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดใน
กฎกระทรวง
        เมื่อคณะกรรมการมีคำวินิจฉัยแล้วให้ถือว่าคำวินิจฉัยของคณะกรรมการเป็นที่สุด
        มาตรา 35  ในภาวะสงครามหรือในภาวะฉุกเฉินเพื่อการอันจำเป็นในการป้องกันประเทศ
และรักษาความมั่นคงแห่งชาติ  นายกรัฐมนตรีโดยอนุมัติคณะรัฐมนตรีมีอำนาจออกคำสั่งใช้สิทธิในแบบ
ผังภูมิใดก็ได้โดยเสียค่าตอบแทนที่เป็นธรรมดาตามสมควรแก่ผู้ทรงสิทธิหรือผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิ และ
ต้องแจ้งให้ผู้ทรงสิทธิหรือผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิทราบเป็นหนังสือโดยไม่ชักช้า
        ถ้าผู้ทรงสิทธิหรือผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิไม่เห็นด้วยกับจำนวนค่าตอบแทนผู้ทรงสิทธิหรือ
ผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิมีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งนั้น
การอุทธรณ์ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
        เมื่อคณะกรรมการมีคำวินิจฉัยแล้วให้ถือว่าคำวินิจฉัยของคณะกรรมการเป็นที่สุด
        มาตรา 36  การอนุญาตให้ใช้สิทธิตามหมวดนี้ไม่เป็นการตัดสิทธิผู้ทรงสิทธิในการใช้สิทธิของตน
หรือในการอนุญาตให้บุคคลอื่นใช้สิทธิดังกล่าว  และผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิจะอนุญาตให้บุคคลอื่นใช้สิทธิ
ที่ได้รับอนุญาตไม่ได้

        มาตรา 37  ในกรณีที่พฤติการณ์เปลี่ยนแปลงไปจากเวลาที่ได้มีการอนุญาตให้ใช้สิทธิตามหมวดนี้
ผู้ทรงสิทธิหรือผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิตามมาตรา 24  อาจมีคำขอต่ออธิบดี  เพื่อให้เปลี่ยนแปลง
เงื่อนไขที่กำหนดให้ผู้ได้รับอนุญาตปฏิบัติได้
        ในกรณีที่ปรากฏว่าเหตุแห่งการอนุญาตให้ใช้สิทธิตามหมวดนี้ได้หมดสิ้นไปแล้ว  และไม่น่า
จะเกิดขึ้นได้อีก  และการยกเลิกการอนุญาตให้ใช้สิทธิจะไม่กระทบกระเทือนสิทธิหรือประโยชน์ของ
ผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิเกินสมควร  หรือในกรณีที่ปราฏว่าผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้สทิธิไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข
ที่กำหนด  ผู้ทรงสิทธิหรือผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิตามมาตรา 24  อาจมีคำขอต่ออธิบดีเพื่อให้ยกเลิก
การอนุญาตได้
        การขอให้เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขตามวรรคหนึ่งหรือยกเลิกการอนุญาตให้ใช้สิทธิตามวรรคสอง
ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
        มาตรา 38  ผู้ทรงสิทธิหรือผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิอาจอุทธรณ์คำสั่งของอธิบดีตามมาตรา 37
ต่อคณะกรรมการภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งนั้น  การอุทธรณ์ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์
และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
        ถ้าผู้ทรงสิทธิหรือผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของคณะกรมการให้มีสิทธิ
นำคดีไปสู่ศาลได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยนั้น  ถ้าไม่ดำเนินคดีภายในกำหนดเวลาดังกล่าว
ให้ถือว่าคำวินิจฉัยของคณะกรรมการเป็นที่สุด
        หมวด 6 คณะกรรมการแบบผังภูมิ
        มาตรา 39  ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า  ?คณะกรรมการแบบผังภูมิ?  ประกอบด้วย
ปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธานกรรมการ  และผู้ทรงคุณวุฒิทั้งในสาขาวิทยาศาสตร์  วิศวกรรมศาสตร์
อุตสาหกรรม  และนิติศาสตร์  ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งอีกไม่เกินสิบสองคน  เป็นกรรมการ  โดยให้แต่งตั้ง
จากผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชนไม่เกินหกคน

        ให้คณะกรรมการแต่งตั้งข้าราชการในกรมทรัพย์สินทางปัญญาเป็นเลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการ
        มาตรา 40  ให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่  ดังต่อไปนี้
        (1) ให้คำแนะนำหรือคำปรึกษาแก่รัฐมนตรีในการออกกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัตินี้
        (2) พิจารณาวินิจฉัยคำอุทธรณ์คำสั่งของอธิบดีตามพระราชบัญญัตินี้
        (3) พิจารณาเรื่องอื่นๆ  ที่เกี่ยวข้องกับแบบผังภูมิตามที่รัฐมนตรีมอบหมาย
        (4) ปฏิบัติการอื่นตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้
        มาตรา 41  กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสองปี  กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ซึ่งพ้นจากตำแหน่งอาจได้รับการแต่งตั้งอีกได้แต่ไม่เกินสองวาระติดต่อกัน
        มาตรา 42  นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ  กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
        (1) ตาย
        (2) ลาออก
        (3) คณะรัฐมนตรีให้ออก
        (4) เป็นบุคคลล้มละลาย
        (5) เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ  หรือ
        (6) ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก  เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำ
โดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
        มาตรา 43  ในกรณีที่มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิแทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ  ซึ่งพ้น
จากตำแหน่งก่อนวาระ  หรือในกรณีที่มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพิ่มขึ้นในระหว่างที่กรรมการ
ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งแต่งตั้งไว้แล้วยังมีวาระอยู่ในตำแหน่ง  ให้ผู้ได้รับแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่
ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งแต่งตั้งไว้แล้วนั้น

        มาตรา 44  ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิดำรงตำแหน่งครบวาระแล้วแต่ยังมิได้มีการแต่งตั้ง
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นใหม่  ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระปฏิบัติหน้าที่
ไปพลางก่อนจนกว่าจะได้มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นใหม่
        มาตรา 45  การประชุมของคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของ
จำนวนกรรมการทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม  ถ้าประธานกรรมการไม่อยู่ในที่ประชุมหรือไม่สามารถ
ปฏิบัติหน้าที่ได้  ให้กรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งขึ้นทำหน้าที่แทน
        การวินิจฉัยชี้ขาดที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก  กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน
ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน  ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเสียงเป็นเสียงชี้ขาด
        มาตรา 46  ให้คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการ
อย่างใดอย่างหนึ่งตามที่คณะกรรมการมอบหมาย  และให้นำมาตรา 45  มาใช้บังคับแก่การประชุมของ
คณะอนุกรรมการโดยอนุโลม
        มาตรา 47  ในการปฏิบัติหน้าที่  ให้คณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการมีอำนาจออกคำสั่ง
เป็นหนังสือเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำหรือให้ส่งเอกสารหรือสิ่งใดมาเพื่อประกอบการพิจารณา
ได้ตามความจำเป็น  ทั้งนี้  ตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด
        หมวด 7 บทกำหนดโทษ
        มาตรา 48  ผู้ใดกระทำการตามมาตรา 22 ( 1 )  โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ทรงสิทธิ
ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ห้าหมื่นบาทถึงห้าแสนบาท
        มาตรา 49  ผู้ใดกระทำการตามมาตรา 22 ( 2 )  โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ทรงสิทธิ
ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท

        มาตรา 50  ผู้ใดยื่นคำขอหรือเอกสารอื่นใดเกี่ยวกับการจดทะเบียนหรือการเพิกถอนการจดทะเบียน
แบบผังภูมิหรือการโอนสิทธิหรือการอนุญาตให้ใช้สิทธิในแบบผังภูมิ  โดยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ
แก่พนักงานเจ้าหน้าที่หรือคณะกรรมการต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
        มาตรา 51  ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 47  ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท
        มาตรา 52  ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดซึ่งต้องรับโทษตามพระราชบัญญัตินี้  เป็นนิติบุคคล
กรรมการผู้จัดการ  ผู้จัดการ  หรือผู้แทนนิติบุคคลนั้น  ต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้  สำหรับความผิด
นั้น ๆ ด้วย  เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนมิได้รู้เห็นหรือยินยอมในการกระทำควมผิดของนิติบุคคลนั้น
        มาตรา 53  ในกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาว่าผู้กระทำความผิดได้กระทำความผิดตามมาตรา 48
หรือมาตรา 49  ให้ศาลมีคำสั่งริบแบบผังภูมิ  หรือวงจรรวม  หรือผลิตภัณฑ์ที่ละเมิดสิทธิของผู้ทรงสิทธิ
ที่อยู่ในความครอบครองของผู้กระทำความผิดเสียทั้งสิ้น  ในกรณีที่ศาลเห็นสมควร  ศาลอาจมีคำสั่งให้
ทำลายแบบผังภูมิ  หรือวงจรรวม  หรือผลิตภัณฑ์ดังกล่าว  หรือให้ดำเนินการอย่างอื่นเพื่อป้องกันมิให้
มีการนำเอาสินค้าดังกล่าวออกจำหน่ายอีกก็ได้
        ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดได้นำแบบผังภูมิหรือวงจรรวมของผู้ทรงสิทธิออกจากวงจรรวม
หรือผลิตภัณฑ์ที่ละเมิดสิทธิของผู้ทรงสิทธิแล้ว  ศาลจะสั่งริบหรือมีคำสั่งอื่นตามวรรคหนึ่งได้เฉพาะ
กับวงจรรวมหรือผลิตภัณฑ์ที่ยังละเมิดสิทธิของผู้ทรงสิทธิ
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ชวน  หลีกภัย
นายกรัฐมนตรี

บัญชีอัตราค่าธรรมเนียม
คำขอจดทะเบียนแบบผังภูมิ                                         ฉบับละ  1,000   บาท
การประกาศโฆษณาการรับจดทะเบียนแบบผังภูมิ                                            500  บาท
หนังสือสำคัญแบบผังภูมิ                                          ฉบับละ  1,000   บาท
คำขอเพิกถอนการจดทะเบียนแบบผังภูมิ                                       ฉบับละ     500  บาท
คำอุทธรณ์คำสั่งของอธิบดี                                                ฉบับละ  1,000   บาท
ค่าธรรมเนียมรายปี
                ปีที่   2                                                       2,000   บาท
                ปีที่   3                                                       4,000   บาท
                ปีที่   4                                                       6,000   บาท
                ปีที่   5                                                            20,000     บาท
                ปีที่   6                                                            30,000     บาท
                ปีที่   7                                                            40,000     บาท
                ปีที่   8                                                            50,000     บาท
                ปีที่   9                                                            60,000     บาท
                ปีที่  10                                                            70,000     บาท
หรือชำระในคราวเดียว                                                                        280,000      บาท
คำขอจดทะเบียนสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิในแบบผังภูมิ                 ฉบับละ             500  บาท
คำขอจดทะเบียนรับโอนสิทธิในแบบผังภูมิ                            ฉบับละ             500  บาท
คำขอใช้สิทธิในแบบผังภูมิ                                        ฉบับละ             500  บาท
ใบอนุญาตให้ใช้สิทธิในแบบผังภูมิ                                 ฉบับละ          1,000   บาท
ใบแทนหนังสือสำคัญแบบผังภูมิ                                     ฉบับละ             100  บาท
ใบแทนใบอนุญาตให้ใช้สิทธิในแบบผังภูมิ                            ฉบับละ             100  บาท
การคัดสำเนาเอกสาร                                               หน้าละ               10 บาท
การรับรองสำเนาเอกสาร  เอกสารเกิน  10  หน้า                              ฉบับละ             100  บาท
                            เอกสารไม่เกิน  10  หน้า             ฉบับละ              10  บาท
คำขออื่น ๆ                                              ฉบับละ            100   บาท
   หมายเหตุ:-  เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้  คือ  โดยที่ประเทศไทยมีนโยบายที่จะให้ความคุ้มครองแก่
ผู้ซึ่งสร้างสรรค์แบบผังภูมิของวงจรรวมโดยให้มีสิทธิแต่ผู้เดียวที่จะทำซ้ำ  นำเข้า  ขายหรือจำหน่าย  เพื่อวัตถุประสงค์
ในเชิงพาณิชย์  ซึ่งแบบผังภูมิของวงจรรวม  วงจรรวม  ตลอดจนผลิตภัณฑ์ที่มีแบบผังภูมิที่ได้รับความคุ้มครอง
ประกอบอยู่ด้วย  ทั้งนี้  เพื่อส่งเสริมให้มีการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยี  อันจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศ  ในขณะเดียวกัน
นโยบายดังกล่าวเป็นการอนุวัติการตามพันธกรณีที่ประเทศไทยมีตามข้อ 35 ถึงข้อ 38  แห่งความตกลงว่าด้วยสิทธิ
ในทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับการค้าในภาคผนวกท้ายความตกลงมาร์ราเกซจัดตั้งองค์การการค้าโลกด้วย  แต่กฎหมายไทย
ในปัจจุบันยังไม่เพียงพอที่จะรับรองนโยบายการให้ความคุ้มครองและรองรับพันธกรณีดังกล่าวได้  สมควรมีกฎหมาย
คุ้มครองแบบผังภูมิของวงจรรวม  จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
( รจ. เล่ม 117  ตอนที่ 41ก  หน้า 28   12  พฤษภาคม  2543 )