พระราชบัญญัติ
ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด  (ฉบับที่ 3)
พ.ศ. 2543
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2543
เป็นปีที่ 55 ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้
ประกาศว่า
        โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
        พระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล  ซึ่ง
มาตรา 29  ประกอบกับมาตรา 31  มาตรา 35  มาตรา 48  และมาตรา 50   ของรัฐธรรมนูญแห่ง
ราชอาณาจักรไทย   บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
        จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา
ดังต่อไปนี้
        มาตรา 1  พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า  ?พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด  (ฉบับที่ 3)
พ.ศ. 2543 ?
        มาตรา 2  พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจา
นุเบกษาเป็นต้นไป
        มาตรา 3  ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น  ( 8 )  และ  ( 9 )  ของมาตรา 13  แห่งพระราชบัญญัติ
ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2519
        ?(8)  เสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระ
ทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานประกอบการและกำหนดให้สถานที่ซึ่งใช้ในการประกอบธุรกิจใด ๆ
เป็นสถานประกอบการที่อยู่ภายใต้บังคับของมาตราการดังกล่าว
         (9)  ปฏิบัติการอื่นใดตามที่พระราชบัญญัตินี้บัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ?
        มาตรา 4  ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 13   ทวิ  และมาตรา 13  ตรี    แห่งพระราชบัญญัติ
ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด  พ.ศ.  2519

        ?มาตรา 13  ทวิ  ให้นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี  มีอำนาจออกประกาศ
กำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานประกอบการและ
ประกาศกำหนดให้สถานที่ซึ่งใช้ในการประกอบธุรกิจใด ๆ  เป็นสถานประกอบการที่อยู่ภายใต้บังคับของ
มาตราการดังกล่าว  ทั้งนี้  โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
        มาตรา 13  ตรี  ในกรณีที่เจ้าพนักงานตรวจพบว่ามีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
ในสถานประกอบการตามมาตรา 13  ทวิ  หากเจ้าของหรือผู้ดำเนินกิจการสถานประกอบการดังกล่าว
ไม่สามาถชี้แจ้งหรือพิสูจน์ให้คณะกรรมการเชื่อได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแต่กรณีแล้ว
ให้คณะกรรมการมีอำนาจสั่งปิดสถานประกอบการแห่งนั้นชั่วคราว  หรือสั่งพักใช้ใบอนุญาตประกอบการ
สำหรับการประกอบธุรกิจนั้น  แล้วแต่กรณี  แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินครั้งละสิบห้าวันนับแต่วันที่เจ้าของ
หรือผู้ดำเนินกิจการสถานประกอบการนั้นทราบคำสั่ง
        ในกรณีที่สถานประกอบการซึ่งถูกสั่งปิดชั่วคราวหรือถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตประกอบการตามวรรคหนึ่ง
เป็นสถานประกอบการซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมการประกอบธุรกิจตามกฎหมายอื่น  ให้เลขาธิการแจ้งให้
หน่วยงานซึ่งควบคุมการประกอบธุรกิจนั้นทราบ  และให้หน่วยงานดังกล่าวถือปฏิบัติตามนั้น
        การสั่งปิดชั่วคราวหรือการสั่งพักใช้ใบอนุญาตประกอบการ  และการแจ้งให้เจ้าของหรือผู้ดำเนิน
กิจการสถานประกอบการทราบตามวรรคหนึ่ง  และการแจ้งให้หน่วยงานทราบตามวรรคสอง  ให้เป็นไปตาม
หลักเกณฑ์  วิธีการ  และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด?
        มาตรา 5  ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 14  ทวิ  แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปราม
ยาเสพติด  พ.ศ. 2519
        ?มาตรา 14  ทวิ  ในกรณีจำเป็นและมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดเสพยาเสพติด
ในเคหสถาน  สถานที่ใด ๆ  หรือยานพาหนะ  ให้กรรมการ  เลขาธิการ  รองเลขาธิการ  และเจ้าพนักงาน
มีอำนาจตรวจหรือทดสอบหรือสั่งให้รับการตรวจหรือทดสอบว่าบุคคลหรือกลุ่มบุคคลนั้นมีสารเสพติด
อยู่ในร่างกายหรือไม่

        วิธีการตรวจหรือทดสอบตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์  วิธีการ  และเงื่อนไขที่คณะกรรมการ
กำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
        มาตรา 6  ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 15  ทวิ   แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปราม
ยาเสพติด  พ.ศ.  2519
        ?มาตรา  15  ทวิ   เจ้าของหรือผู้ดำเนินกิจการสถานประกอบการผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติ
ตามประกาศตามมาตรา 13  ทวิ  ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงห้าหมื่นบาท?
        มาตรา 7  ให้ยกเลิกความต่อในมาตรา 16  แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
พ.ศ.  2519  และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
        ?มาตรา 16  ผู้ใดไม่ให้ความสะดวก  หรือไม่ให้ถ้อยคำ  หรือไม่ส่งบัญชีเอกสาร  หรือวัตถุใด ๆ
แก่กรรมการ  เลขาธิการ  รองเลขาธิการ  หรือเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติตามมาตรา 14  หรือไม่ยินยอม
ให้ตรวจหรือทดสอบตามมาตรา 14  ทวิ  ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท?
        มาตรา 6  ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 17  ทวิ   แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปราม
ยาเสพติด  พ.ศ.  2519
        ?มาตรา 17  ทวิ  บรรดาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ที่มีโทษปรับสถานเดียว  ให้คณะกรรมการ
หรือผู้ซึ่งคณะกรรมการมอบหมายมีอำนาจเปรียบเทียบปรับได้?
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ชวน  หลีกภัย
นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ:-  เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ในปัจจุบันมีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
ทั้งการค้าและการเสพยาเสพติดในสถานที่ซึ่งใช้ในการประกอบธุรกิจ สถานบริการเป็นจำนวนมาก จึงสมควรให้
นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีมีอำนาจกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดใน
สถานประกอบการได้เป็นการเฉพาะและให้มีอำนาจกำหนดว่าสถานประกอบการประเภทใดจะอยู่ภายใต้บังคับของ
มาตรการดังกล่าว  หากพบว่ามีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานประกอบการแห่งใด  สมควรให้คณะกรรมการ
ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดมีอำนาจสั่งปิดสถานประกอบการหรือสั่งพักใช้ใบอนุญาตประกอบการของสถาน
ประกอบการแห่งนั้นได้ชั่วคราว  นอกจากนั้น  เพื่อให้การป้องกันและปราบปรามยาเสพติดมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
สมควรให้อำนาจกรรมการ  เลขาธิการ  รองเลขาธิการ  และเจ้าพนักงานในการตรวจหรือทดสอบหรือสั่งให้รับการตรวจ
หรือทดสอบว่าบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใด  ๆ  มีสารเสพติดอยู่ในร่างกายหรือไม่ด้วย  จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
 ( รจ. เล่ม 117  ตอนที่ 37ก  หน้า 18   28 เมษายน 2543 )