พระราชบัญญัติ
มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด  (ฉบับที่ 2)
พ.ศ. 2543
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2543
เป็นปีที่ 55 ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้
ประกาศว่า
        โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิด
เกี่ยวกับยาเสพติด
        พระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล  ซึ่ง
มาตรา 29  ประกอบกับมาตรา 48   ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย   บัญญัติให้กระทำได้
โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
        จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา
ดังต่อไปนี้
        มาตรา 1  พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า  ?พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิด
 เกี่ยวกับยาเสพติด  (ฉบับที่ 2)  พ.ศ. 2543 ?
        มาตรา 2  พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป
        มาตรา 3  ให้ยกเลิกความในมาตรา 15  แห่งพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำ
ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด  พ.ศ.  2534  และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
        ?มาตรา 15  ให้มีคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินคณะหนึ่งประกอบด้วย  ปลัดกระทรวง
ยุติธรรมเป็นกรรมการ  อัยการสูงสุดเป็นรองประธานกรรมการ  ผู้บัญชาการตำรวจ แห่งชาติ
อธิบดีกรมที่ดิน  อธิบดีกรมบังคับคดี  อธิบดีกรมศุลกากร  อธิบดีกรมสรรพากร  และผู้ว่าการธนาคาร
แห่งประเทศไทยเป็นกรรมการ  และเลขาธิการเป็นกรรมการและเลขานุการ
        คณะกรรมการจะแต่งตั้งข้าราชการคนใดคนหนึ่งในสำนักงานเป็นผู้ช่วยเลขานุการก็ได้

        ในกรณีที่กรรมการตามวรรคหนึ่งนอกจากประธานกรรมการไม่อาจมาประชุมได้  อาจมอบหมาย
ให้ผู้ดำรงตำแหน่งรองหรือเทียบเท่าหรือผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ในคณะกรรมการ
มาประชุมแทนเฉพาะครั้งนั้นก็ได้?
        มาตรา 4  ให้ยกเลิกความในมาตรา 27  และมาตรา 28    แห่งพระราชบัญญัติมาตรการ
ในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด  พ.ศ.  2534  และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
        ?มาตรา 27  เมื่อพนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้อง  และทรัพย์สินที่คณะกรรมการมีคำสั่งให้ยึด
หรืออายัดตามมาตรา 22  เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด  ก็ให้
พนักงานอัยการยื่นคำร้องเพื่อขอให้ศาลสั่งริบทรัพย์สินนั้น  โดยจะยื่นคำร้องไปพร้อมกับคำฟ้องหรือ
ในเวลาใด  ๆ  ก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาก็ได้  แต่ถ้ามีเหตุอันสมควรแสดงได้ว่าไม่สามารถยื่นคำร้องก่อน
ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา  จะยื่นคำร้องภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา  เว้นแต่มี
คำพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้อง
        ในกรณีที่พบว่ามีทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพิ่มขึ้นอีก  ให้ยื่น
คำร้องเพื่อขอให้ศาลสั่งริบทรัพย์สินนั้นภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา  เว้นแต่มี
คำพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้อง
        มาตรา 28  เมื่อศาลสั่งรับคำร้องของพนักงานอัยการตามมาตรา 27  แล้ว  ให้ศาลสั่งให้
ประกาศในหนังสือพิมพ์ที่มีจำหน่ายแพร่หลายในท้องถิ่นสองวันติดต่อกัน  เพื่อให้ผู้ซึ่งอาจอ้างเป็นเจ้าของ
ทรัพย์สินมายื่นคำร้องขอเข้ามาในคดีก่อนคดีถึงที่สุด  ในกรณีที่มีหลักฐานแสดงว่าผู้ใดอาจอ้างเป็นเจ้าของ
ทรัพย์สินได้  ก็ให้เลขาธิการมีหนังสือแจ้งให้ผู้นั้นทราบเพื่อใช้สิทธิดังกล่าวด้วย  โดยแจ้งทางไปรษณีย์
ลงทะเบียนตอบรับตามที่อยู่ครั้งหลังสุดของผู้นั้นเท่าที่ปรากฎหลักฐานในสำนวนการสอบสวน
        ค่าใช้จ่ายในการประกาศและในการแจ้ง  ให้จ่ายจากเงินของกองทุน?

        มาตรา 5  ให้ยกเลิกความในมาตรา 30  แห่งพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปราม
ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพย์ติด  พ.ศ. 2534  และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
        ?มาตรา 30  บรรดาเครื่องมือ  เครื่องใช้  ยานพาหนะ  เครื่องจักรกล  หรือทรัพย์สินอื่นใด
ที่ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด  หรือใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดเกี่ยวกับ
ยาเสพติด  หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด  ให้ริบเสียทั้งสิ้นไม่ว่าจะมีผู้ถูกลงโทษ
ตามคำพิพากษาหรือไม่ก็ตาม
        ให้พนักงานอัยการยื่นคำร้องต่อศาลที่พิจารณาคดีนั้น  เพื่อขอให้ศาลสั่งริบทรัพย์สินตามวรรคหนึ่ง
และเมื่อศาลสั่งรับคำร้องแล้วให้ศาลสั่งให้ประกาศในหนังสือพิมพ์ที่มีจำหน่ายแพร่หลายในท้องถิ่นสองวัน
ติดต่อกัน  เพื่อให้บุคคลซึ่งอาจอ้างว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สินมายื่นคำร้องขอเข้ามาในคดีก่อนศาลชั้นต้น
มีคำพิพากษาหรือคำสั่ง  ทั้งนี้  ไม่ว่าในคดีดังกล่าวจะปรากฎตัวบุคคลซึ่งอาจเชื่อได้ว่าเป็นเจ้าของหรือไม่ก็ตาม
        ค่าใช้จ่ายในการประกาศ  ให้จ่ายจากเงินของกองทุน
        ในกรณีที่ไม่มีผู้ใดอ้างตัวเป็นเจ้าของก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาหรือคำสั่งในกรณีที่ปรากฏ
เจ้าของ  แต่เจ้าของไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าตนไม่มีโอกาสทราบ  หรือไม่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะมีการกระทำ
ความผิดและจะมีการนำทรัพย์สินดังกล่าวไปใช้ในการกระทำความผิด  หรือได้ใช้อุปกรณ์ให้ได้รับผล
ในการกระทำความผิด  หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด  ให้ศาลสั่งริบทรัพย์สินดังกล่าวได้เมื่อพ้นกำหนด
สามสิบวันนับแต่วันที่เริ่มประกาศในหนังสือพิมพ์รายวันตามวรรคสอง  และในกรณีนี้มิให้นำมาตรา 36
แห่งประมวลกฎหมายอาญามาใช้บังคับ?
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ชวน  หลีกภัย
นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ  เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปราม
ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 บัญญัติให้ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและ
ประพฤติมิชอบในวงราชการเป็นประธานกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ต่อมา
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้บัญญัติให้มีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มีอำนาจ
หน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
และเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ และได้มีกฎหมายยุบเลิกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ
ในวงราชการประกอบกับในการตรวจสอบทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จำเป็นต้องมีการประสานงาน
ระหว่างหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหน่วยราชการที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการตรวจสอบภาษี สมควร
ปรับปรุงตำแหน่งประธานกรรมการและกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินให้เหมาะสม นอกจากนั้น ระยะเวลาในการยื่น
คำร้องขอให้ศาลสั่งริบทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ตลอดจนการประกาศคำร้องขอ
ให้ศาลสั่งริบทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่อง หรือที่ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ หรือใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิด
เกี่ยวกับยาเสพติดยังไม่เอื้อประโยชน์ต่อการปฎิบัติราชการให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สมควรปรับปรุงระยะเวลา
ในการยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งริบทรัพย์สิน และการประกาศและการกำหนดค่าใช้จ่ายในการประกาศคำร้องขอให้ศาลสั่ง
ริบทรัพย์สินดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
( รจ. เล่ม 117 ตอนที่ 37ก หน้า 14   28 เมษายน 2543 )