พระราชบัญญัติ
แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน  ( ฉบับที่ 9 )
พ.ศ. 2543
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้  ณ  วันที่  21  มีนาคม  พ.ศ. 2543
เป็นปีที่  55  ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ  ให้
ประกาศว่า
        โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน
        พระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29
ประกอบกับมาตรา 48  ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย  บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตาม
บทบัญญัติแห่งกฎหมาย
        จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ  ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา
ดังต่อไปนี้

        มาตรา 1  พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า  "พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน
( ฉบับที่ 9 )  พ.ศ. 2543"
        มาตรา 2  พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป

        มาตรา 3  ให้ยกเลิกความในมาตรา 61  แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน  ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน ( ฉบับที่ 4 )  พ.ศ. 2528  และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
        "มาตรา 61  เมื่อความปรากฏว่าได้ออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์  หรือได้
จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์  หรือจดแจ้งเอกสารรายการจดทะเบียนอสังหาริมทรัพย์
ให้แก่ผู้ใดโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย  ให้อธิบดีหรือรองอธิบดีซึ่งอธิบดีมอบหมายมีอำนาจ
หน้าที่สั่งเพิกถอนหรือแก้ไขได้
        ก่อนที่จะดำเนินการตามวรรคหนึ่ง  ให้อธิบดีหรือรองอธิบดีซึ่งอธิบดีมอบหมายตั้งคณะกรรมการ
สอบสวนขึ้นคณะหนึ่ง  โดยมีอำนาจเรียกโฉนดที่ดิน  หนังสือรับรองการทำประโยชน์  เอกสารที่ได้จด
ทะเบียนสิทธิและนิติกรรม  เอกสารที่ได้จดแจ้งรายการทะเบียนอสังหาริมทรัพย์  หรือเอกสารอื่นที่
เกี่ยวข้องมาพิจารณา  พร้อมทั้งแจ้งให้ผู้มีส่วนได้เสียทราบเพื่อให้โอกาสคัดค้าน  ถ้าไม่คัดค้านภายใน
กำหนดสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง  ให้ถือว่าไม่มีการคัดค้าน

        คณะกรรมการสอบสวนการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ออกโดยคลาดเคลื่อน
หรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย  อย่างน้อยต้องมีเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองและตัวแทนคณะผู้บริหารท้องถิ่น
หรือผู้บริหารท้องถิ่นที่ที่ดินนั้นตั้งอยู่เป็นกรรมการ
        การสอบสวนตามวรรคสองต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จและส่งให้อธิบดีหรือรองอธิบดีซึ่งอธิบดี
มอบหมายภายในกำหนดหกสิบวันนับแต่วันที่ได้มีคำสั่งให้ทำการสอบสวนในกรณีที่คณะกรรมการสวบสวน
ไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลาดังกล่าว  ให้คณะกรรมการสอบสวนรายงานเหตุ
ที่ทำให้การสอบสวนไม่แล้วเสร็จต่ออธิบดีหรือรองอธิบดีซึ่งอธิบดีมอบหมายเพื่อขอขยายระยะเวลาการ
สอบสวน  โดยให้อธิบดีหรือรองอธิบดีซึ่งอธิบดีมอบหมายสั่งขยายระยะเวลาดำเนินการได้ตามความ
จำเป็นแต่ไม่เกินหกสิบวัน
        ให้อธิบดีหรือรองอธิบดีซึ่งอธิบดีมอบหมายพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวันนับแต่ได้รับ
รายงานการสอบสวนจากคณะกรรมการสอบสวนตามวรรคสี่  เมื่ออธิบดีหรือรองอธิบดีซึ่งอธิบดีมอบหมาย
พิจารณาประการใดแล้ว  ก็ให้ดำเนินการไปตามนั้น

        การดำเนินการเพิกถอนแก้ไขตามความในมาตรานี้  ถ้าไม่ได้โฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำ
ประโยชน์มาให้ถือว่าโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์นั้นสูญหาย  ให้เจ้าพนักงานที่ดิน
ออกใบแทนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินเพื่อดำเนินการต่อไป
        ถ้ามีการคลาดเคลื่อนเนื่องจากเขียนหรือพิมพ์ข้อความผิดพลาดโดยมีหลักฐานชัดแจ้งและผู้มี
ส่วนได้เสียยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว  ให้เจ้าพนักงานที่ดินมีอำนาจหน้าที่แก้ไขให้ถูกต้องได้
        ในกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดให้เพิกถอนหรือแก้ไขอย่างใดแล้ว  ให้เจ้าพนักงานที่ดิน
ดำเนินการตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นตามวิธีการที่อธิบดีกำหนด
        การตั้งคณะกรรมการสอบสวน  การสอบสวน  การแจ้งผู้มีส่วนได้เสียเพื่อให้โอกาสคัดค้าน  และ
การพิจารณาเพิกถอนแก้ไข  ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง"

        มาตรา 4  ให้ยกเลิกความในมาตรา 81  แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน  ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน  ( ฉบับที่ 4 )  พ.ศ. 2528  และให้ใช้ความ
ต่อไปนี้แทน
        "มาตรา 81  การขอจดทะเบียนสิทธิเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ซึ่งได้มาโดยทางมรดก  ให้ผู้ได้รับ
มรดกนำหลักฐานสำหรับที่ดินหรือหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินพร้อมด้วยหลักฐานในการได้รับมรดกมายื่น
คำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 71  ถ้าหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินอยู่กับบุคคลอื่นให้พนักงาน
เจ้าหน้าที่มีอำนาจเรียกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินดังกล่าวนั้นได้
        เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่สอบสวนพยานหลักฐานและเชื่อได้ว่าผู้ขอเป็นทายาทแล้ว  ให้ประกาศ
โดยทำเป็นหนังสือปิดไว้ในที่เปิดเผยมีกำหนดสามสิบวัน  ณ  สำนักงานที่ดิน  เขตหรือที่ว่าการอำเภอ
หรือกิ่งอำเภอ  สำนักงานเทศบาล  ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล  ที่ทำการแขวงหรือที่ทำการกำนันท้องที่
ซึ่งที่ดินตั้งอยู่  และบริเวณที่ดินนั้นแห่งละหนึ่งฉบับ  และให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีหนังสือส่งประกาศดังกล่าว
ให้บุคคลที่ผู้ขอแจ้งว่าเป็นทายาททุกคนทราบเท่าที่จะทำได้  หากไม่มีทายาทซึ่งมีสิทธิได้รับมรดกโต้แย้ง
ภายในกำหนดเวลาที่ประกาศและมีหลักฐานเป็นที่เชื่อได้ว่าผู้ขอมีสิทธิได้รับมรดกแล้ว  ให้พนักงาน
เจ้าหน้าที่ดำเนินการจดทะเบียนให้ตามที่ผู้ขอแสดงหลักฐานการมีสิทธิตามกฎหมาย  ทั้งนี้  ให้เป็นไปตาม
หลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง

        ในกรณีที่มีทายาทซึ่งมีสิทธิได้รับมรดกโต้แย้ง  ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจสอบสวนคู่กรณีและ
เรียกบุคคลใด ๆ  มาให้ถ้อยคำ  หรือสั่งให้ส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องได้ตามความจำเป็น  และให้พนักงานเจ้าหน้าที่
เปรียบเทียบ  ถ้าเปรียบเทียบไม่ตกลง  ให้พนักงานเจ้าหน้าที่สั่งการไปตามที่เห็นสมควร
        เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่สั่งประการใดแล้ว  ให้แจ้งให้คู่กรณีทราบ  และให้ฝ่ายที่ไม่พอใจไปดำเนินการ
ฟ้องต่อศาลภายในกำหนดหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง  หากผู้นั้นมิได้ฟ้องต่อศาลและนำหลักฐานการยื่นฟ้อง
พร้อมสำเนาคำฟ้องเกี่ยวกับสิทธิในการได้รับมรดกมาแสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในกำหนดเวลาดังกล่าว
ก็ให้ดำเนินการไปตามที่พนักงานเจ้าหน้าที่สั่ง
        ในกรณีที่ทายาทได้ยื่นฟ้องต่อศาลภายในกำหนดเวลาตามความในวรรคสี่  หรือทายาทอื่นซึ่งมีสิทธิ
ได้รับมรดกได้ฟ้องคดีเกี่ยวกับสิทธิในการได้รับมรดกต่อศาลก่อนที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้จดทะเบียนสิทธิ
และนิติกรรมการได้มาโดยทางมรดก  เมื่อผู้นั้นนำหลักฐานการยื่นฟ้องพร้อมสำเนาคำฟ้องแสดงต่อพนักงาน
เจ้าหน้าที่  ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ระงับการจดทะเบียนไว้  เมื่อศาลได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดประการใด
ก็ให้ดำเนินการไปตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น"

        มาตรา 5  ให้ยกเลิกความในมาตรา 83  แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน  ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน ( ฉบับที่ 4 )  พ.ศ. 2528  และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
        "มาตรา 83  ผู้ใดมีส่วนได้เสียในที่ดินใดอันอาจจะฟ้องบังคับให้มีการจดทะเบียน  หรือให้มี
การเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนได้  มีความประสงค์จะขออายัดที่ดิน  ให้ยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม
มาตรา 71
        เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่สอบสวนเอกสารหลักฐานที่ผู้ขอได้นำมาแสดงตัว  ถ้าเห็นสมควรเชื่อถือ
ก็ให้รับอายัดไว้มีกำหนดสามสิบวันนับแต่วันที่สั่งรับอายัด  เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าว  ให้ถือว่า
การอายัดสิ้นสุดลงและผู้นั้นจะขออายัดซ้ำในกรณีเดียวกันอีกไม่ได้
        ถ้าผู้มีส่วนได้เสียคัดค้านว่าการอายัดนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย  ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจสอบสวน
พยานหลักฐานเท่าที่จำเป็น  เมื่อเป็นที่เชื่อได้ว่าได้รับอายัดไว้โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย  ให้พนักงานเจ้าหน้าที่
มีอำนาจสั่งยกเลิกการอายัดนั้น  และแจ้งให้ผู้ขออายัดทราบ"

        มาตรา 6  ให้ยกเลิกความในมาตรา 104  แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน  ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน ( ฉบับที่ 5 )  พ.ศ. 2534  และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
        "มาตรา 104  ในกรณีการขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครอง
ในที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์  ให้ผู้ขอจดทะเบียนเสียค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมโดยคำนวณ
ตามราคาประเมินทุนทรัพย์ตามมาตรา 105 เบญจ
        การขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ในกรณีอื่นนอกจากที่กำหนดไว้ใน
วรรคหนึ่ง  ให้ผู้ขอจดทะเบียนเสียค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม  โดยคำนวณตามจำนวนทุนทรัพย์
ที่ผู้ขอจดทะเบียนแสดงตามความเป็นจริง"

        มาตรา 7  ให้ยกเลิกความใน 7. แห่งบัญชีอัตราค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายท้ายประมวลกฎหมาย
ที่ดิน   ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน  ( ฉบับที่ 5 )
พ.ศ. 2534  และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
        "7.  ค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม
        (1)  มีทุนทรัพย์ให้เรียกเก็บร้อยละ 2 ของราคาประเมินทุนทรัพย์สำหรับ
        การขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครอง
        ในที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์  ส่วนกรณีอื่นให้เรียกเก็บร้อยละ 2
        ของจำนวนทุนทรัพย์ที่ผู้ขอจดทะเบียนแสดงตามความเป็นจริง
        เศษของร้อยให้คิดเป็นหนึ่งร้อย
        (2)  ไม่มีทุนทรัพย์  แปลงละ                                     1,000   บาท"

        มาตรา 8  ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น  ( 10 )  และ  ( 11 )  ของ  10.  แห่งบัญชีอัตราค่าธรรมเนียม
และค่าใช้จ่ายท้ายประมวลกฎหมายที่ดิน  ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมาย
ที่ดิน  ( ฉบับที่ 2 )  พ.ศ. 2521
        "(10)  ค่าตรวจสอบข้อมูลด้านงานรังวัด  ด้านทะเบียนที่ดิน
                  ด้านประเมินราคาหรือข้อมูลอื่นครั้งละ                                  100     บาท
        (11)  ค่าสำเนาจากสื่อบันทึกข้อมูลทางคอมพิวเตอร์
        หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์อื่นหรือสำเนาข้อมูลอื่น                   แผ่นละ   50     บาท"

        มาตรา 9  ให้การสอบสวนเกี่ยวกับการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์
หรือการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์  หรือการจดแจ้งเอกสาร  รายการจดทะเบียน
อสังหาริมทรัพย์  ตามมาตรา 61 วรรคสอง   แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน  ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราช
บัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน  ( ฉบับที่ 4 )  พ.ศ. 2528  ที่ได้ดำเนินการมาก่อนวันที่
พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ  เป็นการสอบสวนตามมาตรา 61  แห่งประมวลกฎหมายที่ดินซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม
โดยพระราชบัญญัตินี้
        การสอบสวนตามความในวรรคหนึ่งที่อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของผู้ว่าราชการจังหวัด  ให้ผู้ว่าราชการ
จังหวัดส่งสำนวนการสอบสวนให้อธิบดีภายในสามสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

        มาตรา 10  ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
     ชวน  หลีกภัย
     นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ :-  เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้  คือ  โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมผู้มีอำนาจหน้าที่
ในการสั่งเพิกถอนหรือแก้ไขโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์โดยให้อธิบดีกรมที่ดินหรือรองอธิบดี
ซึ่งอธิบดีมอบหมายเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ในการสั่งเพิกถอนหรือแก้ไขโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์แต่เพียง
ฝ่ายเดียวเพื่อให้ดำเนินการสั่งเพิกถอนหรือแก้ไข  ในกรณีดังกล่าวเป็นไปด้วยความรวดเร็ว  นอกจากนี้  เห็นสมควร
แก้ไขบทบัญญัติเกี่ยวกับการจดทะเบียนเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ซึ่งได้มาโดยทางมรดก  การอายัดที่ดิน  การเรียกเก็บ
ค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม  ตลอดจนบัญชีอัตราค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายท้ายประมวลกฎหมายที่ดิน
ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น  จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
( รจ. เล่ม 117  ตอนที่ 29 ก  หน้า 1   1 เมษายน 2543 )