พระราชบัญญัติ
การขุดดินและถมดิน
พ.ศ. 2543
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้  ณ  วันที่  25  กุมภาพันธ์  พ.ศ. 2543
เป็นปีที่  55  ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ  ให้
ประกาศว่า
        โดยที่เป็นการสมควรให้มีกฎหมายว่าด้วยการขุดดินและถมดิน
        พระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล  ซึ่ง
มาตรา 29  ประกอบกับมาตรา 35  มาตรา 48  และมาตรา 50  ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
        จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ  ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา
ดังต่อไปนี้
        มาตรา 1  พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า  ?พระราชบัญญัติการขุดดินและถมดิน  พ.ศ. 2543?
        มาตรา 2  พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจา
นุเบกษาเป็นต้นไป
        มาตรา 3  พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับในท้องที่ดังต่อไปนี้
        (1) เทศบาล
        (2) กรุงเทพมหานคร
        (3) เมืองพัทยา
        (4) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นตามที่มีกฎหมายโดยเฉพาะจัดตั้งขึ้น  ซึ่งรัฐมนตรีประกาศ
กำหนดในราชกิจจานุเบกษา
        (5) บริเวณที่มีพระราชกฤษฎีกาให้ใช้บังคับกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร
        (6) เขตผังเมืองรวมตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
เพื่อประโยชน์ในการป้องกันอันตรายที่จะเกิดจากการขุดดินหรือถมดิน  ถ้าการขุดดินหรือถมดิน
อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคล  หรืออาจก่อให้เกิดอันตรายต่อประชาชน  รัฐมนตรี
จะประกาศกำหนดให้ใช้บังคับพระราชบัญญัตินี้ในท้องที่อื่นนอกจากท้องที่ตามวรรคหนึ่งตามที่เห็นว่า
จำเป็นก็ได้

        ประกาศตามวรรคสอง  ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นประกาศประกาศไว้โดยเปิดเผยก่อนวันใช้บังคับไม่น้อยกว่า
เจ็ดวัน  ประกาศดังกล่าวให้ปิดไว้  ณ  ศาลากลางจังหวัด  ที่ว่าการอำเภอหรือกิ่งอำเภอ  ที่ทำการองค์การ
บริหารส่วนตำบล  ที่ทำการกำนัน  และที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน  แห่งท้องที่ที่กำหนดไว้ในประกาศ
        มาตรา 4  ในพระราชบัญญัตินี้
        ?ดิน?  หมายความรวมถึง  หิน  กรวด  หรือทราย  และอินทรีย์วัตถุต่าง ๆ  ที่เจือปนกับดิน
        ?พื้นดิน?  หมายความว่า  พื้นผิวของที่ดินที่เป็นอยู่ตามสภาพธรรมชาติ
        ?ขุดดิน?  หมายความว่า  กระทำแก่พื้นดินเพื่อนำดินขึ้นจากพื้นดิน  หรือทำให้พื้นดินเป็นบ่อดิน
        ?บ่อดิน?  หมายความว่า  แอ่ง  บ่อ  สระ  หรือช่องว่างใต้พื้นดิน  ที่เกิดจากการขุดดิน
        ?ถมดิน?  หมายความว่า  การกระทำใด ๆ  ต่อดินหรือพื้นดินเพื่อให้ระดับดินสูงขึ้นกว่าเดิม
        ?เนินดิน?  หมายความว่า  ดินที่สูงขึ้นกว่าระดับพื้นดินโดยการถมดิน
        ?แผนผังบริเวณ?  หมายความว่า  แผนที่แสดงสภาพของที่ดิน  ที่ตั้ง  และขอบเขตของที่ดินที่จะขุดดิน
หรือถมดิน  รวมทั้งที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ข้างเคียง
        ?รายการ?  หมายความว่า  ข้อความชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับชนิดของดิน  ความลึกของบ่อดิน
ที่จะขุดดิน  หรือความสูงของเนินดินที่จะถมดิน  ความลาดเอียงของบ่อดินหรือเนินดิน  ระยะห่างจาก
ขอบบ่อดินหรือเนินดินถึงที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างของบุคคลอื่น  วิธีการป้องกันการพังทลายของดินหรือ
สิ่งปลูกสร้าง  และวิธีการในการขุดดินหรือถมดิน
        ?เจ้าพนักงานท้องถิ่น?  หมายความว่า
        (1) นายกเทศมนตรี  สำหรับในเขตเทศบาล
        (2) ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร  สำหรับในเขตกรุงเทพมหานคร
        (3) นายกเมืองพัทยา  สำหรับในเขตเมืองพัทยา

        (4) ประธานกรรมการบริหารองค์การบริหารส่วนตำบล  สำหรับในเขตองค์การบริหารส่วนตำบล
        (5) หัวหน้าผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นที่มีกฎหมายโดยเฉพาะจัดตั้งขึ้น
กำหนดให้เป็นราชการส่วนท้องถิ่น  สำหรับในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น
        (6) นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด  สำหรับในเขตท้องที่อื่น  นอกจาก (1)  ถึง  (5)
        ?คณะกรรมการ?  หมายความว่า  คณะกรรมการการขุดดินและถมดิน
        ?พนักงานเจ้าหน้าที่?  หมายความว่า  ผู้ซึ่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราช
บัญญัตินี้
        ?รัฐมนตรี?  หมายความว่า  รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
        มาตรา 5  พระราชบัญญัตินี้มิให้ใช้บังคับแก่การขุดดินและถมดินซึ่งกระทำได้โดยอาศัยอำนาจ
ตามกฎหมายอื่นที่ได้กำหนดมาตราการในการป้องกันอันตรายไว้ตามกฎหมายนั้นแล้ว
        มาตรา 6  เพื่อประโยชน์ในการป้องกันการพังทลายของดินหรือสิ่งปลูกสร้าง  ตลอดจนการอื่น
ที่จำเป็นเพื่อปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้  ให้รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการมีอำนาจออกกฎ
กระทรวงกำหนด
        (1) บริเวณห้ามขุดดินหรือถมดิน
        (2) ความสัมพันธ์ของความลาดเอียงของบ่อดินหรือเนินดินตามชนิดของดิน  ความลึกและ
ขนาดของบ่อดินที่จะขุดดิน  ความสูงและพื้นที่ของเนินดินที่จะถมดิน  และระยะห่างจากขอบบ่อดินหรือ
เนินดินถึงเขตที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างของบุคคลอื่น
        (3) วิธีการป้องกันการพังทลายของดินหรือสิ่งปลูกสร้าง
        (4) วิธีการให้ความคุ้มครองและความปลอดภัยแก่คนงานและบุคคลภายนอก
        (5) หลักเกณฑ์  วิธีการ  และเงื่อนไขอื่นในการขุดดินหรือถมดิน

        มาตรา 7  ในกรณีที่ได้มีการออกกฎกระทรวงกำหนดเรื่องใดตามมาตรา  6  แล้ว  ให้องค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่นถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงนั้น  เว้นแต่เป็นกรณีตามมาตรา 8
        ในกรณีที่ยังมิได้มีการออกกฎกระทรวงกำหนดเรื่องใดตามมาตรา 6  ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
มีอำนาจออกข้อบัญญัติท้องถิ่นกำหนดเรื่องนั้นได้
        ในกรณีที่ได้มีการออกข้อบัญญัติท้องถิ่นกำหนดเรื่องใดตามวรรคสองแล้ว  ถ้าต่อมามีการออกกฎ
กระทรวงกำหนดเรื่องนั้น  ให้ข้อกำหนดของข้อบัญญัติท้องถิ่นในส่วนที่ขัดหรือแย้งกับกฎกระทรวงเป็น
อันยกเลิก  และให้ข้อกำหนดของข้อบัญญัติท้องถิ่นในส่วนที่ไม่ขัดหรือแย้งกับกฎกระทรวงยังคงใชับังคับ
ต่อไปได้จนกว่าจะมีการออกข้อบัญญัติท้องถิ่นใหม่ตามมาตรา 8  แต่ต้องไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันที่
กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ
        การยกเลิกข้อบัญญัติท้องถิ่นตามวรรคสาม  ย่อมไม่กระทบกระเทือนต่อการดำเนินการที่ได้
กระทำไปแล้วโดยถูกต้องตามข้อบัญญัติท้องถิ่นนั้น
        มาตรา 8  ในกรณีที่ได้มีการออกกฎกระทรวงกำหนดเรื่องใดตามมาตรา 6 แล้ว  ให้องค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจออกข้อบัญญัติท้องถิ่นในเรื่องนั้นได้  ในกรณีดังต่อไปนี้
        (1) เป็นการออกข้อบัญญัติท้องถิ่นกำหนดรายละเอียดในเรื่องนั้นเพิ่มเติมจากที่กำหนดไว้ใน
กฎกระทรวง  โดยไม่ขัดหรือแย้งกับกฎกระทรวงดังกล่าว
        (2) เป็นการออกข้อบัญญัติท้องถิ่นกำหนดเรื่องนั้นขัดหรือแย้งกับกฎกระทรวงดังกล่าว  เนื่องจาก
มีความจำเป็นหรือมีเหตุผลพิเศษเฉพาะท้องถิ่น
        การออกข้อบัญญัติท้องถิ่นตาม (2)  ให้มีผลใช้บังคับได้เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ
และได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรี
        คณะกรรมการจะต้องพิจารณาให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบในข้อบัญญัติท้องถิ่น
ตาม (2)  ให้เสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับข้อบัญญัติท้องถิ่นนั้น  ถ้าไม่ให้ความเห็นชอบให้แจ้ง
เหตุผลให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นทราบด้วย

        ถ้าคณะกรรมการพิจารณาข้อบัญญัติท้องถิ่นนั้นไม่เสร็จภายในกำหนดเวลาตามวรรคสาม  ให้
ถือว่าคณะกรรมการได้ให้ความเห็นชอบในข้อบัญญัติท้องถิ่นนั้นแล้ว  และให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
เสนอรัฐมนตรีเพื่อสั่งการต่อไป  ถ้ารัฐมนตรีไม่สั่งการภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับข้อบัญญัติท้องถิ่นนั้น
ให้ถือว่ารัฐมนตรีได้อนุมัติตามวรรคสอง
        มาตรา 9  การแจ้งหรือการส่งคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามพระราชบัญญัตินี้  ให้ทำเป็น
หนังสือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับให้ผู้แจ้ง  ผู้ขุดดิน  ผู้ถมดิน  เจ้าของที่ดิน  หรือตัวแทน  แล้วแต่
กรณี  ณ  ภูมิลำเนาของผู้นั้น  หรือจะทำเป็นหนังสือและให้บุคคลดังกล่าวลงลายมือชื่อรับแทนการส่งทาง
ไปรษณีย์ก็ได้
        ในกรณีที่ไม่อาจดำเนินการตามวรรคหนึ่งได้  ให้ปิดประกาศสำเนาหนังสือแจ้งหรือมีคำสั่ง  แล้วแต่
กรณี  ไว้ในที่เปิดเผยและเห็นได้ง่าย  ณ  บริเวณที่มีการขุดดินหรือการถมดิน  และให้ถือว่าผู้แจ้ง  ผู้ขุดดิน
ผู้ถมดิน  เจ้าของที่ดิน  หรือตัวแทน  ได้ทราบคำสั่งนั้น  เมื่อพ้นกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้มีการปิด
ประกาศดังกล่าว
        มาตรา 10  ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้  และมีอำนาจ
ออกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายไม่เกินอัตราท้ายพระราชบัญญัตินี้  และกำหนด
กิจการอื่นเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
        กฎกระทรวงนั้น  เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
        หมวด 1 คณะกรรมการการขุดดินและถมดิน
        มาตรา 11  ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า  ?คณะกรรมการการขุดดินและการถมดิน?
ประกอบด้วยอธิบดีกรมโยธาธิการเป็นประธานกรรมการ  ผู้แทนทรัพยากรธรณี  ผู้แทนกรมที่ดิน
ผู้แทนกรมพัฒนาที่ดิน  ผู้แทนกรมโรงงานอุตสาหกรรม  ผู้แทนกรมศิลปากร  ผู้แทนสำนักงานนโยบาย
และแผนสิ่งแวดล้อม  ผู้แทนกรมการผังเมือง  ผู้แทนสภาวิศวกร  และผู้แทนสภาสถาปนิกแห่งละหนึ่งคน
และผู้ทรงคุณวุฒิอีกไม่เกินสี่คนซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้ง  เป็นกรรมการ  และให้หัวหน้าสำนักงานคณะกรรมการ
ควบคุมอาคาร  กรมโยธาธิการ  เป็นกรรมการและเลขานุการ

        มาตรา 12  ให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
        (1) ให้คำแนะนำในการออกกฎกระทรวงตามมาตรา 6
        (2) ให้คำแนะนำแก่เจ้าพนักงานท้องถิ่นในการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
        (3) พิจารณาอุทธรณ์คำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น  ตามมาตรา 34  วรรคสอง
        (4) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่รัฐมนตรีมอบหมาย
        มาตรา 13  กรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสามปี
        ในกรณีมีการแต่งตั้งกรรมการในระหว่างที่กรรมการซึ่งแต่งตั้งไว้แล้วยังมีวาระอยู่ในตำแหน่งไม่ว่า
จะเป็นการแต่งตั้งเพิ่มขึ้นหรือแต่งตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง  ให้ผู้ได้รับการแต่งตั้งนั้นอยู่ในตำแหน่งเท่ากับ
วาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้วนั้น
        กรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้  แต่ต้องไม่เกินสองคราวติดต่อกัน
        มาตรา 14  นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามมาตรา 13  กรรมการซึ่งรัฐมนตรี
แต่งตั้งพ้นจากตำแหน่ง  เมื่อ
        (1) ตาย
        (2) ลาออก
        (3) เป็นบุคคลล้มละลาย
        (4) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
        (5) ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก  เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่กระทำ
โดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
        มาตรา 15  การประชุมของคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของ
จำนวนกรรมการทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม  ถ้าประธานกรรมการไม่อยู่ในที่ประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติ
หน้าที่ได้  ให้กรรมการซึ่งมาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม

        การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก  กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน
ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน  ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
        มาตรา 16  คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณา  หรือปฏิบัติการตามที่
คณะกรรมการมอบหมาย  ตลอดจนเชิญบุคคลใด ๆ  มาให้ข้อเท็จจริง  คำอธิบาย  คำแนะนำหรือความเห็นได้
        ให้นำมาตรา 15  มาใช้บังคับแก่การประชุมของคณะอนุกรรมการโดยอนุโลม
        หมวด 2 การขุดดิน
        มาตรา 17  ผู้ใดประสงค์จะทำการขุดดินโดยมีความลึกจากระดับพื้นดินเกินสามเมตรหรือมี
พื้นที่ปากบ่อดินเกินหนึ่งหมื่นตารางเมตร  หรือมีความลึกหรือพื้นที่ตามที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นประกาศ
กำหนด  ให้แจ้งต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามแบบที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำหนดโดยยื่นเอกสารแจ้งข้อมูล
ดังต่อไปนี้
        (1) แผนผังบริเวณที่ประสงค์จะทำการขุดดิน
        (2) แผนผังแสดงเขตที่ดินและที่ดินบริเวณข้างเคียง
        (3) รายการที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา 6
        (4) วิธีการขุดดินและการขนดิน
        (5) ระยะเวลาทำการขุดดิน
        (6) ชื่อผู้ควบคุมงานซึ่งจะต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
        (7) ที่ตั้งสำนักงานของผู้แจ้ง
        (8) ภาระผูกพันต่าง ๆ  ที่บุคคลอื่นมีส่วนได้เสียเกี่ยวกับที่ดินที่จะทำการขุดดิน
        (9) เอกสารรายละเอียดอื่น ๆ  ที่คณะกรรมการกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา\
        ถ้าผู้แจ้งได้ดำเนินการตามที่ระบุไว้ในวรรคหนึ่งโดยถูกต้องแล้ว  ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นออกใบ
รับแจ้งตามแบบที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำหนดเพื่อเป็นหลักฐานการแจ้งให้แก่ผู้นั้นภายในเจ็ดวันนับแต่วัน
ที่ได้รับแจ้ง  และให้ผู้แจ้งเริ่มต้นทำการขุดดินตามที่ได้แจ้งไว้ได้ตั้งแต่วันที่ได้รับใบรับแจ้ง
        ถ้าการแจ้งเป็นไปโดยไม่ถูกต้อง  ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นแจ้งให้แก้ไขให้ถูกต้องภายในเจ็ดวันนับแต่
วันที่มีการแจ้งตามวรรคหนึ่ง  ถ้าผู้แจ้งไม่แก้ไขให้ถูกต้องภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ผู้แจ้งได้รับแจ้งให้
แก้ไขจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น  ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจออกคำสั่งให้การแจ้งตามวรรคหนึ่งเป็นอัน
สิ้นผล
        ถ้าผู้แจ้งได้แก้ไขให้ถูกต้องภายในเวลาที่กำหนดตามวรรคสาม  ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นออกใบ
รับแจ้งให้แก่ผู้แจ้งภายในสามวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งที่ถูกต้อง
        ผู้ได้รับใบรับแจ้งต้องเสียค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
        มาตรา 18  ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายที่เก็บได้ตามมาตรา 17 วรรคห้า  ให้เป็นรายได้ของ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งท้องที่ที่มีการขุดดินนั้น
        มาตรา 19  ในระหว่างการขุดดิน  ผู้ขุดดินตามมาตรา 17  ต้องเก็บใบรับแจ้ง  แผนผัง  บริเวณ
และรายการไว้ที่สถานที่ขุดดินหนึ่งชุด  และพร้อมที่จะให้เจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจดูได้
        ถ้าใบรับแจ้งชำรุด  สูญหาย  หรือถูกทำลายในสาระสำคัญ  ให้ผู้ขุดดินตามมาตรา 17  ขอรับ
ใบแทนใบรับแจ้งต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ทราบถึงการชำรุดสูญหายหรือถูก
ทำลายดังกล่าว
        มาตรา 20  ผู้ขุดดินตามมาตรา 17  ต้องทำการขุดดินให้ถูกต้องตามกฎกระทรวงที่ออกตาม
มาตรา 6
        มาตรา 21  ผู้ขุดดินตามมาตรา 17  ต้องควบคุมลูกจ้างหรือตัวแทนในปฏิบัติตามมาตรา 20
และต้องรับผิดในการกระทำของลูกจ้างหรือตัวแทนซึ่งได้กระทำในทางการที่จ้างหรือตามที่ได้รับมอบหมาย

        มาตรา 22  การได้รับใบรับแจ้งจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามมาตรา 17  ไม่เป็นเหตุคุ้มครอง
การขุดดินที่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลหรือสภาพแวดล้อม  ผู้ขุดดินไม่ว่าจะ
เป็นเจ้าของที่ดิน  ผู้ครอบครองที่ดิน  ลูกจ้างหรือตัวแทน  ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
เว้นแต่จะมีเหตุที่ไม่ต้องรับผิดตามกฎหมาย
        มาตรา 23  การขุดบ่อน้ำใช้ที่มีพื้นที่ปากบ่อไม่เกินสี่ตารางเมตร  ผู้ขุดดินไม่ต้องแจ้งต่อเจ้าพนักงาน
ท้องถิ่น
        มาตรา 24  การขุดดินโดยมีความลึกจากระดับพื้นดินไม่เกินสามเมตร  เมื่อจะขุดดินใกล้
แนวเขตที่ดินของผู้อื่นในระยะน้อยกว่าสองเท่าของความลึกของบ่อดินที่จะขุดดิน  ต้องจัดการป้องกัน
การพังทลายของดินตามวิสัยที่ควรกระทำ
        มาตรา 25  ในการขุดดิน  ถ้าพบโบราณวัตถุ  ศิลปวัตถุ  ซากดึกดำบรรพ์  หรือแร่ที่มีคุณค่า
ทางเศรษฐกิจหรือทางการศึกษาในด้านธรณีวิทยา  ให้ผู้ขุดดินตามมาตรา 17  มาตรา 23  หรือมาตรา 24
หยุดการขุดดินในบริเวณนั้นไว้ก่อนแล้วรายงานให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นทราบภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่พบ
และให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นแจ้งให้กรมศิลปากรหรือกรมทรัพยากรธรณี  แล้วแต่กรณี  ทราบโดยด่วน
ในกรณีเช่นนี้  ให้ผู้ขุดดินปฏิบัติการให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น
        หมวด 3  การถมดิน
        มาตรา 26  ผู้ใดประสงค์จะทำการถมดินโดยมีความสูงของเนินดินเกินกว่าระดับที่ดินต่าง
เจ้าของที่อยู่ข้างเคียง  และมีพื้นที่ของเนินดินไม่เกินสองพันตารางเมตร  หรือมีพื้นที่ตามที่เจ้าพนักงาน
ท้องถิ่นประกาศกำหนด  ต้องจัดให้มีการระบายน้ำเพียงพอที่จะไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่เจ้าของ
ที่ดินที่อยู่ข้างเคียงหรือบุคคลอื่น

        พื้นที่ที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นประกาศกำหนดตามวรรคหนึ่ง  ต้องไม่เกินสองพันตารางเมตร
        การถมดินที่มีพื้นที่เกินสองพันตารางเมตร  หรือมีพื้นที่เกินกว่าที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นประกาศ
กำหนดตามวรรคหนึ่ง  นอกจากจะต้องจัดให้มีการระบายน้ำตามวรรคหนึ่ง  ต้องแจ้งการถมดินนั้นต่อเจ้าพนักงาน
ท้องถิ่นตามแบบที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำหนด
        ถ้าผู้แจ้งได้ดำเนินการตามที่ระบุไว้ในวรรคสามโดยถูกต้องแล้ว  ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นออกใบ
รับแจ้งตามแบบที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำหนด  เพื่อเป็นหลักฐานการแจ้งให้แก่ผู้นั้นภายในเจ็ดวันนับแต่
วันที่ได้รับแจ้ง  และให้ผู้แจ้งเริ่มต้นทำการถมดินตามที่ได้แจ้งไว้ได้ตั้งแต่วันที่ได้รับใบรับแจ้ง  ให้นำบท
บัญญัติมาตรา 17  วรรคสาม  วรรคสี่และวรรคห้า  มาตรา 18  มาตรา 19  และมาตรา 22  มาใช้บังคับ
โดยอนุโลม
        มาตรา 27  ผู้ถมดินตามมาตรา 26  ต้องทำการถมดินให้ถูกต้องตามกฎกระทรวงที่ออกตาม
มาตรา 6
        มาตรา 28  ผู้ถมดินตามมาตรา 26  ต้องควบคุมลูกจ้างหรือตัวแทนให้ปฏิบัติตาม
มาตรา 27  และต้องรับผิดในการกระทำของลูกจ้างหรือตัวแทนซึ่งได้กระทำในทางการที่จ้างหรือตามที่
ได้รับมอบหมาย
        หมวด 4 พนักงานเจ้าหน้าที่
        มาตรา 29  ผู้ใดได้รับความเสียหายหรือมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าอาจได้รับความเสียหายจาก
การขุดดินหรือถมดินอันไม่ปฏิบัติตามมาตรา 20  มาตรา 24  หรือมาตรา 27  มีสิทธิร้องขอให้
เจ้าพนักงานท้องถิ่นสั่งให้หยุดการขุดดินหรือถมดินนั้นได้
        เมื่อได้รับคำร้องขอตามวรรคหนึ่ง  ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นสั่งให้พนักงานเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ
สถานที่ขุดดินหรือถมดินและรายงานต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น  ถ้าเจ้าพนักงานท้องถิ่นเห็นว่าความเสียหาย
ได้เกิดขึ้นหรืออาจเกิดขึ้นจากการขุดดินหรือถมดินนั้น  ให้มีอำนาจออกคำสั่งเป็นหนังสือสั่งให้ผู้ขุดดิน
ผู้ถมดิน  หรือเจ้าของที่ดินหยุดการขุดดินหรือถมดิน  หรือจัดการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นหรือ
จัดการแก้ไขการขุดดินหรือถมดินนั้นได้ตามที่เห็นสมควร

        เจ้าพนักงานท้องถิ่นตามมาตรานี้  ให้หมายความรวมถึงผู้ซึ่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นมอบหมายด้วย
        มาตรา 30  พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าไปตรวจสอบสถานที่ที่มีการขุดดินตามมาตรา 17
หรือการถมดินตามมาตรา 26  ว่าได้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้หรือกฎกระทรวงหรือข้อบัญญัติท้องถิ่น
หรือประกาศที่ออกตามพระราชบัญญัตินี้หรือไม่  ทั้งนี้  ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก
หรือในระหว่างเวลาทำการ  และให้ผู้ขุดดิน  ผู้ถมดิน  หรือตัวแทน  หรือเจ้าของที่ดินอำนวยความสะดวก
ตามสมควร
        มาตรา 31  ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่เห็นว่าการขุดดินหรือการถมดินได้ก่อหรืออาจก่อให้เกิด
ความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลอื่น  ให้พนักงานเจ้าหน้าที่รายงานต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นให้มีคำสั่ง
ให้ผู้ขุดดิน  ผู้ถมดิน  หรือเจ้าของที่ดินหยุดการขุดดินหรือการถมดิน  หรือจัดการป้องกันความเสียหาย
ที่อาจเกิดขึ้น  หรือจัดการแก้ไขการขุดดินหรือการถมดินนั้น  แล้วแต่กรณี  และให้เจ้าพนักงานท้องถิ่น
มีอำนาจออกคำสั่งเป็นหนังสือตามที่เห็นว่าจำเป็นเพื่อป้องกันหรือระงับความเสียหายนั้นได้
        ในกรณีมีเหตุฉุกเฉิน  ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีคำสั่งเป็นหนังสือให้ผู้ขุดดิน  ผู้ถมดินหรือเจ้าของ
ที่ดินหยุดกการขุดดินหรือการถมดิน  หรือจัดการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นหรือจัดการแก้ไข
การขุดดินหรือถมดินนั้นตามที่เห็นว่าจำเป็นได้  แล้วรายงานให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นทราบทันที  ถ้าเจ้าพนักงาน
ท้องถิ่นเห็นชอบด้วยกับคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่  ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีหนังสือภายในเจ็ดวัน
นับแต่วันที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้มีคำสั่งสั่งให้บุคคลดังกล่าวปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่  และ
ให้ถือว่าคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นมาตั้งแต่ต้น
        ถ้าเจ้าพนักงานท้องถิ่นไม่มีหนังสือสั่งภายในกำหนดเวลาตามวรรคสอง  ให้คำสั่งของพนักงาน
เจ้าหน้าที่เป็นอันสิ้นผล
        มาตรา 32  ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้  พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตร
ประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ต่อบุคคลที่เกี่ยวข้อง

        บัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่  ให้เป็นไปตามแบบที่กำหนดในกฎกระทรวง
        มาตรา 33  ในการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้  ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นและพนักงาน
เจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา
        หมวด 5 การอุทธรณ์
        มาตรา 34  ผู้ขุดดิน  ผู้ถมดิน  หรือเจ้าของที่ดินผู้ใดไม่พอใจคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น
ตามมาตรา 29  วรรคสอง  หรือมาตรา 31  วรรคหนึ่งหรือวรรคสอง  ให้มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อ
ผู้ว่าราชการจังหวัดภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ทราบคำสั่ง
        ในกรณีที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นผู้ออกคำสั่งตามวรรคหนึ่งในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่น
ให้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อคณะกรรมการ
        การอุทธรณ์ตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง  ไม่เป็นการทุเลาการบังคับตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน
ท้องถิ่น  ถ้าผู้อุทธรณ์ประสงค์จะขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น  ให้ยื่นคำขอทุเลา
พร้อมอุทธรณ์  ในกรณีเช่นนี้  ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือคณะกรรมการจะอนุญาตให้ทุเลาโดยมีเงื่อนไข
หรือไม่ก็ได้  หรือจะสั่งให้วางเงินหรือหลักทรัพย์ประกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นก็ได้
        ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือคณะกรรมการ  แล้วแต่กรณี  พิจารณาคำวินิจฉัยอุทธรณ์ให้แล้วเสร็จ
ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับอุทธรณ์
        คำวินิจฉัยของผู้ว่าราชการจังหวัดหรือคณะกรรมการให้เป็นที่สุด
        หมวด 6 บทกำหนดโทษ
        มาตรา 35  ผู้ใดทำการขุดดินตามมาตรา 17  หรือทำการถมดินตามมาตรา 26  วรรคสาม
โดยไม่ได้รับใบรับแจ้งจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามมาตรา 17  วรรคสอง  หรือมาตรา 26  วรรคสี่
แล้วแต่กรณี  ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี  หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท  หรือทั้งจำทั้งปรับ

        หากการกระทำตามวรรคหนึ่งเกิดขึ้นในบริเวณห้ามขุดดินหรือถมดินตามมาตรา 6 (1)  ผู้นั้น
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี  หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท  หรือทั้งจำทั้งปรับ
        มาตรา 36  ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 20  หรือมาตรา 27  ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน
สามหมื่นบาทและปรับเป็นรายวันอีกวันละไม่เกินหนึ่งพันบาทตลอดเวลาที่ยังไม่ปฏิบัติตาม
        มาตรา 37  ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 24  และมาตรา 26 วรรคหนึ่ง  ต้องระวางโทษปรับ
ไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
        มาตรา 38  ผู้ใดขัดขวางหรือไม่อำนวยความสะดวกตามสมควรแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ในการ
ปฏิบัติการตามมาตรา 30  ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท
        มาตรา 39  ผู้ขุดดินผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 25  ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน
หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท  หรือทั้งจำทั้งปรับ
        มาตรา 40  ผู้ใดได้รับคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นให้หยุดการขุดดินหรือการถมดินตาม
มาตรา 29  วรรคสอง  หรือมาตรา 31  วรรคหนึ่งหรือวรรคสอง  ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้น  ต้องระวางโทษ
จำคุกไม่เกินหนึ่งปี  หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท  หรือทั้งจำทั้งปรับ
        มาตรา 41  ผู้ใดได้รับคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นให้จัดการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
หรือจัดการแก้ไขการขุดดินหรือถมดินตามมาตรา 29  วรรคสอง  หรือมาตรา 31  วรรคหนึ่งหรือ
วรรคสอง  ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้น  ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสามหมื่นบาทและปรับเป็นรายวันอีกวันละ
ไม่เกินห้าร้อยบาท  ตลอดเวลาที่ไม่ปฏิบัติตาม
        มาตรา 42  บรรดาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้นอกจากมาตรา 35 วรรคสอง  ให้เจ้าพนักงาน
ท้องถิ่นหรือผู้ซึ่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นมอบหมายมีอำนาจเปรียบเทียบปรับผู้ต้องหาได้เมื่อต้องหาได้
ชำระค่าปรับตามจำนวนที่เปรียบเทียบภายในสามสิบวันแล้วให้ถือว่าคดีเลิกกันตามประมวลกฎหมายวิธี
พิจารณาความอาญา

        มาตรา 43  ในกรณีที่ห้างหุ้นส่วน  บริษัทหรือนิติบุคคลอื่นกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้
กรรมการ  ผู้จัดการหรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการกระทำอันเป็นความผิดนั้นต้องระวางโทษตามที่
บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น ๆ  ด้วย  เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการกระทำนั้นได้กระทำโดยตนมิได้รู้เห็น
หรือยินยอมด้วย
        มาตรา 44  ในกรณีที่มีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้  ให้ถือว่าเจ้าของอสังหาริมทรัพย์
ที่อยู่ใกล้ชิดหรือติดต่อกับที่ดินที่มีการกระทำความผิดเกิดขึ้นและได้รับความเสียหาย  เนื่องจากการ
กระทำความผิดนั้น  เป็นผู้เสียหายตามกฎหมายว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญา
บทเฉพาะกาล
        มาตรา 45  ผู้ใดขุดดินหรือถมดินอันมีลักษณะที่ต้องแจ้งต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามพระราช
บัญญัตินี้อยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับท้องที่ใด  ให้ปฏิบัติตามมาตรา 17  หรือมาตรา 26
แล้วแต่กรณี  ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับในท้องที่นั้น  และเมื่อได้ดำเนินการ
แล้วให้ถือว่าผู้นั้นได้รับใบรับแจ้งตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ชวน  หลีกภัย
นายกรัฐมนตรี
อัตราค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย
ค่าธรรมเนียม
        (1)  ค่าธรรมเนียมใบรับแจ้งการขุดดินหรือถมดิน            ฉบับละ          2,000   บาท
        (2)  ค่าคัดสำเนาหรือถ่ายเอกสาร                          หน้าละ                 5        บาท
              ค่าใช้จ่าย

        (1)  ค่าพาหนะเดินทางไปตรวจสอบสถานที่                    ให้จ่ายเท่าที่จำเป็นและใช้จ่ายไปจริง
              ขุดดินหรือถมดิน
        (2)  ค่าเบี้ยเลี้ยงในการเดินทางไปตรวจสอบ                        ให้จ่ายเท่าที่จำเป็นตามระเบียบของ
              สถานที่ขุดดินหรือถมดิน                            ทางราชการแก่ผู้ไปทำงานเท่าอัตรา
                                                        ของทางราชการ
   หมายเหตุ:-  เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้  คือ  โดยที่ปัจจุบันมีการขุดดินเพื่อนำดินไปถมพื้นที่ที่ทำการ
ก่อสร้างที่อยู่อาศัยหรือเพื่อกิจการอื่นอย่างกว้างขวาง  แต่การขุดดินหรือถมดินดังกล่าวยังไม่เป็นไปโดยถูกต้องตามหลัก
วิชาการจึงอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ทรัพย์สินและความปลอดภัยของประชาชนได้  สมควรให้มีกฎหมายว่าด้วยการขุดดิน
และถมดินเพื่อให้การขุดดินหรือถมดินในเขตเทศบาล  กรุงเทพมหานคร  เมืองพัทยา  องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น
ตามที่กฎหมายโดยเฉพาะจัดตั้งขึ้น  ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา  และ
บริเวณที่มีพระราชกฤษฎีกาให้ใช้บังคับกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร  เขตผังเมืองรวมตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง
และในท้องที่อื่นที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยประกาศกำหนด  เป็นไปโดยถูกต้องตามหลักวิชาการ  จึงจำเป็น
ต้องตราพระราชบัญญัตินี้
( รจ. เล่ม 117  ตอนที่ 16 ก  หน้า 41   7 มีนาคม 2543 )