พระราชบัญญัติ
หลักเกณฑ์การแต่งตั้งและการดำรงตำแหน่งอัยการอาวุโส
พ.ศ. 2543
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2543
เป็นปีที่ 55 ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ  ให้
ประกาศว่า
        โดยที่เป็นการสมควรให้มีกฎหมายว่าด้วยหลักเกณฑ์การแต่งตั้งและการดำรงตำแหน่งอัยการอาวุโส
        จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ  ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา
ดังต่อไปนี้
        มาตรา 1  พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า  ?พระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การแต่งตั้งและการดำรงตำแหน่ง
อัยการอาวุโส พ.ศ. 2543?
        มาตรา 2  พระราชบัญญัติฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป
        มาตรา 3  ในพระราชบัญญัตินี้
        ?ข้าราชการอัยการ?  หมายความว่า  ข้าราชการอัยการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการ
ฝ่ายอัยการ
        ?ก.อ.?  หมายความว่า  คณะกรรมการอัยการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ
        มาตรา 4  นอกจากตำแหน่งข้าราชการอัยการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ
ให้มีตำแหน่งอัยการอาวุโสในสำนักงานอัยการสูงสุดซึ่งแต่งตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัตินี้
        ให้อัยการอาวุโสมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับพนักงานอัยการตามกฎหมายว่าด้วยพนักงานอัยการ
        มาตรา 5  ให้อัยการอาวุโสได้รับเงินเดือนเท่ากับเงินเดือนเดิมที่ได้รับอยู่ก่อนการดำรงตำแหน่ง
อัยการอาวุโส  เว้นแต่ผู้ซึ่งได้รับเงินเดือนขั้นสูงสุดของชั้นอยู่ก่อนแล้ว  จึงให้ได้รับเงินเดือนสูงกว่า
เงินเดือนเดิมหนึ่งขั้น และในปีงบประมาณต่อ ๆ ไปให้ปรับอัตราเงินเดือนของแต่ละตำแหน่งทุกปีปีละ
หนึ่งขั้น  โดยไม่มีการเลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปี

        เงินเดือนเดิมตามวรรคหนึ่ง  ให้หมายถึงเงินเดือนที่จะได้รับภายหลังการเลื่อนขั้นเงินเดือน
ประจำปีงบประมาณถัดจากปีที่มีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์แล้ว
        ให้อัยการอาวุโสได้รับเงินประจำตำแหน่งเท่ากับเงินประจำตำแหน่งที่ได้รับอยู่เดิมก่อนการดำรง
ตำแหน่งอัยการอาวุโส  เว้นแต่ในการปรับอัตราเงินเดือนตามวรรคหนึ่ง  เป็นเหตุให้อัยการอาวุโสได้รับ
เงินเดือนในชั้นที่สูงขึ้น  ก็ให้ได้รับเงินประจำตำแหน่งสำหรับอัยการชั้นที่สูงขึ้นนั้น
        มาตรา 6  ข้าราชการอัยการซึ่งจะดำรงตำแหน่งอัยการอาวุโสต้องเป็นผู้ซึ่งมีอายุครบหกสิบปี
บริบูรณ์ในปีงบประมาณก่อนปีงบประมาณที่ดำรงตำแหน่ง
        ข้าราชการอัยการผู้ใดไม่ประสงค์จะดำรงตำแหน่งอัยการอาวุโส  ให้แจ้งเป็นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี
ก่อนวันสิ้นปีงบประมาณที่มีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ไม่น้อยกว่าเก้าสิบวัน
        มาตรา 7  การแต่งตั้งข้าราชการอัยการให้ดำรงตำแหน่งอัยการอาวุโสในสำนักงานอัยการสูงสุด
ให้นายกรัฐมนตรีเสนอรายชื่อผู้ซึ่งจะได้รับการแต่งตั้ง ก.อ.  เพื่อให้ความเห็นชอบ  เมื่อได้รับความ
เห็นชอบแล้ว  จึงนำความกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งต่อไป
        มาตรา 8  ให้เจ้ากระทรวงตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการดำเนินการให้ข้าราชการ
อัยการซึ่งไม่ประสงค์จะดำรงตำแหน่งอัยการอาวุโสตามมาตรา 6 วรรคสอง  และข้าราชการอัยการซึ่ง
ก.อ.  ไม่ให้ความเห็นชอบตามมาตรา 7  พ้นจากราชการตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
เมื่อสิ้นปีงบประมาณที่ผู้นั้นมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์
        มาตรา 9  เมื่อได้มีการแต่งตั้งข้าราชการอัยการให้ดำรงตำแหน่งอัยการอาวุโสแล้ว  จะย้าย
ข้าราชการอัยการผู้นั้นไปปฏิบัติราชการที่ใดโดยไม่ได้รับความยินยอมไม่ได้  เว้นแต่เป็นการโยกย้าย
ตามวาระหรือเป็นกรณีที่อยู่ในระหว่างถูกดำเนินการทางวินัยหรือตกเป็นจำเลยในคดีอาญาที่พนักงานอัยการ
เป็นโจทก์  ทั้งนี้  ตามระเบียบที่  ก.อ. กำหนด

        มาตรา 10  ให้ ก.อ.  จัดให้มีการประเมินสมรรถภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการอัยการ
ซึ่งดำรงตำแหน่งอัยการอาวุโสที่จะมีอายุครบหกสิบห้าปีบริบูรณ์ในปีงบประมาณถัดไป
        หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินสมรรถภาพในการปฏิบัติหน้าที่ตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามระเบียบที่
ก.อ.  กำหนด
        อัยการอาวุโสซึ่งผ่านการประเมินสรรถภาพตามวรรคหนึ่ง  ให้ดำรงตำแหน่งต่อไปได้จนถึงวัน
สิ้นปีงบประมาณที่ผู้นั้นมีอายุครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์  ส่วนอัยการอาวุโสที่ไม่ผ่านการประเมิน  ให้ดำเนินการ
ให้ผู้นั้นพ้นจากราชการตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการเมื่อสิ้นปีงบประมาณที่ผู้นั้นมีอายุ
ครบหกสิบห้าปีบริบูรณ์
        มาตรา 11  การแต่งตั้งข้าราชการอัยการซึ่งดำรงตำแหน่งอัยการอาวุโสไปดำรงตำแหน่งตาม
มาตรา 5  แห่งพระราชบัญญัติพนักงานอัยการ พ.ศ. 2498  จะกระทำมิได้
        มาตรา 12  การแต่งตั้งอัยการอาวุโสให้รักษาราชการแทนหรือรักษาการในตำแหน่งอื่น หรือ
การมอบอำนาจให้อัยการอาวุโสปฏิบัติราชการแทน  หรือการสั่งโอนอัยการอาวุโสไปเป็นข้าราชการธุรการ
ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการหรือข้าราชการฝ่ายอื่น  จะกระทำมิได้
        มาตรา 13  อัยการอาวุโสไม่มีสิทธิได้รับเลือกเป็นกรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิใน ก.อ.
        มาตรา 14  ข้าราชการอัยการซึ่งพ้นจากราชการเพราะเกษียณอายุในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.
2541 หรือในวันที่ 1  ตุลาคม พ.ศ. 2542  หากประสงค์จะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง
อัยการอาวุโส ให้แสดงความจำนงต่อนายกรัฐมนตรีภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
และให้นายกรัฐมนตรีเสนอรายชื่อบุคคลดังกล่าวต่อ ก.อ.  เพื่อให้ความเห็นชอบภายในสามสิบวันนับแต่
วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ  เมื่อได้รับความเห็นชอบจาก ก.อ. แล้ว  ให้นำความกราบบังคมทูล
เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งต่อไป

        ในกรณีที่ข้าราชการอัยการที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอัยการอาวุโสตามความในวรรคหนึ่ง
ถ้าก่อนออกจากราชการเป็นผู้ที่อยู่ในบังคับของพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.
2539 ให้ผู้นั้นมีสภาพเป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการต่อไป และในการออกจาก
ราชการนั้น ถ้าเป็นผู้รับบำนาญ ให้งดบำนาญตั้งแต่วันที่ได้รับแต่งตั้งเป็นอัยการอาวุโส  รวมทั้ง
ให้คืนเงินสะสม เงินสมทบ เงินประเดิม เงินชดเชย และผลประโยชน์ของเงินดังกล่าวที่ได้รับไป
แก่กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้งเป็นอัยการอาวุโส  แต่ถ้า
เป็นผู้รับบำเหน็จให้คืนเงินบำเหน็จ เงินสะสม เงินสมทบ  และผลประโยชน์ที่ได้รับจากเงินดังกล่าว
แก่ทางราชการ และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้งเป็นอัยการอาวุโส
        ในกรณีที่ข้าราชการอัยการที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอัยการอาวุโสตามความในวรรคหนึ่ง
ถ้าก่อนออกจากราชการเป็นผู้ที่อยู่ในบังคับของพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494
ให้ผู้นั้นอยู่ในบังคับของพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 ต่อไป  และในการ
ออกจากราชการนั้น  ถ้าเป็นผู้รับบำนาญให้งดรับบำนาญตั้งแต่วันที่ได้รับแต่งตั้งเป็นอัยการอาวุโส  แต่ถ้า
เป็นผู้รับบำเหน็จ  ให้คืนเงินบำเหน็จแก่ทางราชการภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้งเป็นอัยการอาวุโส
        อัยการอาวุโสตามมาตรานี้ให้มีสิทธิได้นับเวลาราชการตอนก่อนออกจากราชการต่อเนื่องกับ
การรับราชการในตำแหน่งอัยการอาวุโส  เพื่อประโยชน์ในการคำนวณบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
        มาตรา 15  ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ชวน  หลีกภัย
นายกรัฐมนตรี
   ( รจ. เล่ม 117  ตอนที่ 11 ก  หน้า 1  25 กุมภาพันธ์ 2543 )
หมายเหตุ:-  เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ  โดยที่สำนักงานอัยการสูงสุดซึ่งเป็นหน่วยราชการ
ที่มีภารกิจและต้องปฏิบัติราชการร่วมกับส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวกับการอำนวยความยุติธรรม  กำลังประสบปัญหา
ภาวะขาดแคลนอัตรากำลังข้าราชการอัยการอย่างยิ่ง  ซึ่งอาจส่งผลกระทบแก่ราชการในกระบวนการยุติธรรมโดยรวม
และของสำนักงานอัยการสูงสุด  สมควรกำหนดให้มีตำแหน่งอัยการอาวุโสซึ่งแต่งตั้งจากข้าราชการอัยการซึ่งมีอายุ
ครบหกสิบปีบริบูรณ์ในปีงบประมาณก่อนปีงบประมาณที่แต่งตั้งเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนอัตรากำลัง
ข้าราชการอัยการดังกล่าว  จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้