พระราชบัญญัติ
                 การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
                            พ.ศ. ๒๕๔๓
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
                ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๓
                      เป็นปีที่ ๕๕ ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรด
เกล้า ฯ ให้ประกาศว่า

          โดยที่เป็นการสมควรให้มีกฎหมายว่าด้วยการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน
แห่งประเทศไทย
          พระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิ
และเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖
มาตรา ๔๘ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้
โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
          จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและ
ยินยอมของรัฐสภาดังต่อไปนี้

          มาตรา ๑  พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน
แห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๓"

          มาตรา ๒  พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศ
ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

          มาตรา ๓  ให้ยกเลิก
          (๑) พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การรถไฟฟ้ามหานคร พ.ศ. ๒๕๓๕
          (๒) พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การรถไฟฟ้ามหานคร (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๓๖

          มาตรา ๔  ในพระราชบัญญัตินี้
          "กิจการรถไฟฟ้า" หมายความว่า การจัดสร้าง ขยาย บูรณะ ปรับปรุง
ซ่อมแซม และบำรุงรักษาระบบรถไฟฟ้า การเดินรถไฟฟ้า การจัดให้มีสถานที่จอดรถ
การให้บริการ การอำนวยความสะดวก และการดำเนินกิจการอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับ
กิจการดังกล่าว
          "ระบบรถไฟฟ้า" หมายความว่า รถไฟฟ้า ทางรถไฟฟ้า สถานีรถไฟฟ้า
ระบบพลังงาน ระบบควบคุมการเดินรถ ระบบสื่อสาร ระบบระบายอากาศและศูนย์ซ่อมบำรุง
          "รถไฟฟ้า" หมายความว่า รถที่ใช้ขนส่งคนโดยสารเป็นขบวนขับเคลื่อน
ด้วยพลังงานไฟฟ้าหรือพลังงานอย่างอื่นไปตามทางรถไฟฟ้าที่ดำเนินการโดยการรถไฟฟ้า
ขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งมวลชน
          "ทางรถไฟฟ้า" หมายความว่า รางหรือทางสำหรับรถไฟฟ้าแล่น
โดยเฉพาะไม่ว่าจะจัดสร้างในระดับพื้นดิน เหนือหรือใต้พื้นดินหรือพื้นน้ำ หรือผ่านไป
ในอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใด ๆ และให้หมายความรวมถึงเขตทาง ไหล่ทาง ทางเท้า
ทางออกฉุกเฉิน อุโมงค์ สะพาน เขื่อนกั้นน้ำ ท่อหรือทางระบายน้ำ ท่อหรือทางระบาย
อากาศ กำแพงกันดิน รั้วเขต หลักระยะ หรือสิ่งอื่นใดที่จัดไว้เพื่ออำนวยความสะดวก
หรือความปลอดภัยในการเดินรถไฟฟ้าด้วย
          "สถานีรถไฟฟ้า" หมายความว่า อาคารและสถานที่ซึ่งใช้เป็นที่จอดรถ
ไฟฟ้าเพื่อรับและส่งคนโดยสาร และให้หมายความรวมถึงอาณาบริเวณ ตลอดจนอุปกรณ์
ที่ใช้ในการให้บริการ อำนวยความสะดวก และความปลอดภัยในกิจการรถไฟฟ้าด้วย
          "ระบบพลังงาน" หมายความว่า สถานีไฟฟ้าย่อย สถานีปรับแรงดันไฟฟ้า
เครื่องกำเนิดพลังงานไฟฟ้า สาย ราง หรืออุปกรณ์สำหรับส่งถ่ายพลังงานไฟฟ้า
หรือพลังงานอย่างอื่นไปยังรถไฟฟ้า และให้หมายความรวมถึงอาคารและอุปกรณ์
ของระบบดังกล่าวด้วย
          "ระบบควบคุมการเดินรถ" หมายความว่า ศูนย์ควบคุมการเดินรถไฟฟ้า
ระบบสัญญาณควบคุม และเครื่องหมายสัญญาณที่ติดตั้งหรือจัดให้มีขึ้น เพื่อประโยชน์
และความปลอดภัยในการเดินรถไฟฟ้า และให้หมายความรวมถึงอาคารและอุปกรณ์
ของระบบดังกล่าวด้วย
          "ระบบสื่อสาร" หมายความว่า การติดต่อทางด้านเสียง ภาพ และข้อมูล
เพื่ออำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินรถไฟฟ้าและคนโดยสาร และ
ให้หมายความรวมถึงอาคารและอุปกรณ์ของระบบดังกล่าวด้วย
          "ศูนย์ซ่อมบำรุง" หมายความว่า สถานที่ที่จัดไว้สำหรับซ่อมแซมและบำรุง
รักษาระบบรถไฟฟ้าและอุปกรณ์เกี่ยวกับกิจการรถไฟฟ้า หรือสถานที่ที่จัดไว้สำหรับจอดพัก
หรือเก็บรักษารถไฟฟ้า และให้หมายความรวมถึงอาคารและอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องหรือมีขึ้น
เพื่อกิจการดังกล่าวด้วย
          "เขตระบบรถไฟฟ้า" หมายความว่า เขตที่กำหนดขึ้นเพื่อใช้ในการ
ดำเนินกิจการรถไฟฟ้า
          "เขตปลอดภัยระบบรถไฟฟ้า" หมายความว่า เขตที่กำหนดขึ้นเพื่อ
รักษาความปลอดภัยแก่ระบบรถไฟฟ้าหรือคนโดยสารรถไฟฟ้า และบุคคลอื่นที่อยู่ใน
เขตระบบรถไฟฟ้า
          "ผู้ครอบครอง" หมายความว่า ผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย
          "คณะกรรมการ" หมายความว่า คณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน
แห่งประเทศไทย
          "ผู้ว่าการ" หมายความว่า ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
          "พนักงาน" หมายความว่า พนักงานของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่ง
ประเทศไทย
          "ลูกจ้าง" หมายความว่า ลูกจ้างของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่ง
ประเทศไทย
          "พนักงานเจ้าหน้าที่" หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการ
ตามพระราชบัญญัตินี้
          "รัฐมนตรี" หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

          มาตรา ๕  ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มี
อำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
          กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้

          มาตรา ๖  ให้จัดตั้งการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนขึ้น เรียกว่า "การรถไฟฟ้า
ขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย" เรียกโดยย่อว่า "รฟม." และ ให้ใช้ชื่อเป็นภาษาอังกฤษ
ว่า "MASS RAPID TRANSIT AUTHORITY OF THAILAND" เรียกโดยย่อว่า "MRTA"
และให้มีตราเครื่องหมายของ "รฟม."
          รูปลักษณะของตราเครื่องหมายตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามที่กำหนด
ในกฎกระทรวง

          มาตรา ๗  ให้ รฟม. เป็นนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
          (๑) ดำเนินกิจการรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมทั้งจังหวัดอื่น
ตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา หรือระหว่างจังหวัดดังกล่าว
          (๒) ศึกษา วิเคราะห์ และจัดทำโครงการและแผนงานเกี่ยวกับกิจการรถไฟฟ้า
เพื่อปรับปรุงและพัฒนาให้ทันสมัย
          (๓) ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับกิจการรถไฟฟ้าและธุรกิจอื่นเพื่อประโยชน์แก่ รฟม.
และประชาชนในการใช้บริการกิจการรถไฟฟ้า

          มาตรา ๘  ให้ รฟม. มีสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพมหานครหรือจังหวัดใกล้เคียง
และจะจัดตั้งสำนักงานสาขาหรือตัวแทนขึ้น ณ ที่อื่นใดก็ได้

          มาตรา ๙  ให้ รฟม. มีอำนาจกระทำกิจการภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์
ตามมาตรา ๗ และอำนาจเช่นว่านี้ให้รวมถึง
          (๑) ถือกรรมสิทธิ์ มีสิทธิครอบครอง หรือมีทรัพยสิทธิต่าง ๆ
          (๒) ก่อตั้งสิทธิหรือกระทำนิติกรรมใด ๆ ทั้งในและนอกราชอาณาจักร
          (๓) เรียกเก็บค่าโดยสาร ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมการใช้ทรัพย์สิน
การให้บริการและความสะดวกต่าง ๆ ในกิจการรถไฟฟ้า
          (๔) กำหนดมาตรการเพื่อความปลอดภัยในการเดินรถไฟฟ้า และความ
ปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยในการโดยสารรถไฟฟ้า ตลอดจนการใช้และรักษารถไฟฟ้า
ทรัพย์สิน และการให้บริการและความสะดวกแก่การเดินรถไฟฟ้าและการโดยสารรถไฟฟ้า
          (๕) กู้หรือยืมเงินภายในและภายนอกราชอาณาจักร
          (๖) ออกพันธบัตรหรือตราสารอื่นใดเพื่อใช้ในการลงทุน
          (๗) จัดตั้งบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดเพื่อประกอบธุรกิจ
เกี่ยวกับหรือเกี่ยวเนื่องกับกิจการของ รฟม. ทั้งนี้ บริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดดังกล่าว
จะมีคนต่างด้าวตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ
สี่สิบเก้าของทุนจดทะเบียนของบริษัทนั้นไม่ได้
          (๘) ถือหุ้นในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด เพื่อประกอบธุรกิจเกี่ยวกับ
หรือเกี่ยวเนื่องกับกิจการของ รฟม.
          (๙) ลงทุนหรือเข้าร่วมกิจการกับบุคคลอื่นเพื่อประกอบธุรกิจเกี่ยวกับหรือ
เกี่ยวเนื่องกับกิจการของ รฟม.
         (๑๐) ให้สัมปทานกิจการรถไฟฟ้าทั้งหมดหรือบางส่วนแก่เอกชน
         (๑๑) พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของ รฟม. ตามความจำเป็น เพื่อประโยชน์แก่
การให้บริการกิจการรถไฟฟ้า
         (๑๒) กระทำการอย่างอื่นบรรดาที่เกี่ยวกับหรือเนื่องในการจัดการให้สำเร็จ
ตามวัตถุประสงค์ของ รฟม.

          มาตรา ๑๐  ทุนของ รฟม. ประกอบด้วย
          (๑) เงินและทรัพย์สินที่ได้รับโอนตามมาตรา ๘๘ เมื่อได้หักหนี้สินแล้ว
          (๒) เงินที่รัฐบาลจ่ายให้เป็นทุนประเดิม
          (๓) เงินที่รัฐบาลจัดสรรเพิ่มเติมให้เป็นคราว ๆ เพื่อดำเนินงานหรือ
ขยายกิจการ
          (๔) เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้อุทิศให้
          (๕) เงินหรือทรัพย์สินอื่นที่รับโอนจากทางราชการ หรือองค์การของรัฐบาล

          มาตรา ๑๑  เงินสำรองของ รฟม. ให้ประกอบด้วย เงินสำรองธรรมดา
ซึ่งตั้งไว้เผื่อขาด เงินสำรองเพื่อขยายกิจการ เงินสำรองเพื่อการไถ่ถอนหนี้ และ
เงินสำรองอื่น ๆ ตามความประสงค์แต่ละอย่างโดยเฉพาะ ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการ
เห็นสมควร
          เงินสำรองจะนำออกใช้ได้ก็แต่โดยมติของคณะกรรมการ

          มาตรา ๑๒  ทรัพย์สินของ รฟม. ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี

          มาตรา ๑๓  ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า "คณะกรรมการ
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย" ประกอบด้วย ประธานกรรมการ ผู้แทน
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้แทนกระทรวงการคลัง ผู้แทนกระทรวงคมนาคม
ผู้แทนสำนักงบประมาณ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก
ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้แทนกรมการ
ผังเมือง ผู้แทนสำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม ผู้แทนกรุงเทพมหานคร
และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอีกไม่เกินสี่คน ซึ่งในจำนวนนี้ต้องแต่งตั้งจากผู้แทนองค์กร
พัฒนาภาคเอกชนในด้านการคุ้มครองผู้บริโภคหนึ่งคน และผู้ว่าการเป็นกรรมการและ
เลขานุการโดยตำแหน่ง
          ให้คณะรัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ

          มาตรา ๑๔  ประธานกรรมการ กรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง และ
ผู้ว่าการ ต้องมีความรู้ความชำนาญเกี่ยวกับการบริหาร วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์
สถาปัตยกรรมศาสตร์ การผังเมือง เศรษฐศาสตร์ การคลัง หรือนิติศาสตร์

          มาตรา ๑๕  ประธานกรรมการและกรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง
นอกจากต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยคุณสมบัติมาตรฐาน
สำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจแล้วยังต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้
          (๑) เป็นพนักงานหรือลูกจ้าง
          (๒) เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
          (๓) เป็นผู้มีส่วนได้เสียในสัญญากับ รฟม. หรือในกิจการที่กระทำให้แก่ รฟม.
หรือในกิจการที่มีสภาพอย่างเดียวกันและมีลักษณะเป็นการแข่งขันกับกิจการของ รฟม. ไม่ว่า
โดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม
          (๔) เป็นประธานกรรมการหรือกรรมการในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด
ที่ รฟม. เป็นผู้ถือหุ้น หรือในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด ที่มีสัญญาร่วมงานหรือสัญญา
สัมปทานกับ รฟม.

          มาตรา ๑๖  ให้ประธานกรรมการและกรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง
อยู่ในตำแหน่งคราวละสามปี
          ในกรณีที่ประธานกรรมการหรือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ
หรือในกรณีที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งกรรมการเพิ่มขึ้นในระหว่างที่กรรมการซึ่งแต่งตั้งไว้แล้ว
ยังมีวาระอยู่ในตำแหน่ง ให้ผู้ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทน หรือเป็นกรรมการเพิ่มขึ้น
อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของประธานกรรมการหรือกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
          เมื่อครบกำหนดตามวาระดังกล่าวในวรรคหนึ่ง หากยังมิได้มีการแต่งตั้ง
ประธานกรรมการหรือกรรมการขึ้นใหม่ ให้ประธานกรรมการหรือกรรมการซึ่งพ้นจาก
ตำแหน่งตามวาระนั้น อยู่ในตำแหน่งเพื่อดำเนินงานต่อไปจนกว่าประธานกรรมการหรือ
กรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งใหม่เข้ารับหน้าที่ แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินหกสิบวัน
          ประธานกรรมการหรือกรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระอาจได้รับ
การแต่งตั้งอีกได้ แต่ต้องไม่เกินสองวาระติดต่อกัน

          มาตรา ๑๗  นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามมาตรา ๑๖
ประธานกรรมการหรือกรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
          (๑) ตาย
          (๒) ลาออก
          (๓) คณะรัฐมนตรีให้ออกเพราะบกพร่องต่อหน้าที่อย่างร้ายแรงหรือ
ไม่สุจริตต่อหน้าที่
          (๔) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
          (๕) ขาดคุณสมบัติตามมาตรา ๑๔ หรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๕

          มาตรา ๑๘  ให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่วางนโยบายและควบคุมดูแล
โดยทั่วไปซึ่งกิจการของ รฟม. และอำนาจหน้าที่เช่นว่านี้ให้รวมถึงการออกข้อบังคับ
ในเรื่องดังต่อไปนี้
          (๑) การปฏิบัติการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ตามมาตรา ๗ และมาตรา ๙
          (๒) การประชุมและการดำเนินกิจการของคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการ
          (๓) การบริหารและการควบคุมทางการเงิน
          (๔) การจัดแบ่งส่วนงานหรือวิธีปฏิบัติงาน
          (๕) การปฏิบัติงานของผู้ว่าการและการมอบให้ผู้อื่นปฏิบัติงานแทนผู้ว่าการ
          (๖) การบริหารงานบุคคล การบรรจุ การแต่งตั้ง การเลื่อนขั้นเงินเดือน
หรือค่าจ้าง การออกจากตำแหน่ง ถอดถอน วินัย การลงโทษของพนักงานและลูกจ้าง
ตลอดจนการกำหนดเงินเดือนและเงินอื่น
          (๗) การจ่ายค่าพาหนะ เบี้ยเลี้ยงเดินทาง ค่าเช่าที่พัก ค่าล่วงเวลา
เบี้ยประชุม ค่าตอบแทน และการจ่ายเงินอื่น ๆ
          (๘) กองทุนสงเคราะห์หรือการสงเคราะห์เพื่อสวัสดิการของพนักงาน
ลูกจ้างและครอบครัว
          (๙) การร้องทุกข์และการอุทธรณ์การลงโทษของพนักงานและลูกจ้าง
         (๑๐) เครื่องแบบพนักงานและลูกจ้าง
         (๑๑) การรักษาความปลอดภัยในการใช้และรักษาทรัพย์สินของ รฟม.
         (๑๒) การรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยภายในระบบ
รถไฟฟ้า
         (๑๓) การกำหนดอัตราค่าโดยสาร ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมการใช้
ทรัพย์สิน การให้บริการและความสะดวกในกิจการรถไฟฟ้า ตลอดจนวิธีการจัดเก็บ
ค่าโดยสาร ค่าบริการและค่าธรรมเนียมดังกล่าว และกำหนดประเภทบุคคลที่ได้รับการ
ยกเว้นไม่ต้องชำระค่าโดยสาร โดยได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี
          ถ้าข้อบังคับใดมีข้อความจำกัดอำนาจของผู้ว่าการในการทำนิติกรรมไว้
ประการใด ให้รัฐมนตรีประกาศข้อบังคับนั้นในราชกิจจานุเบกษา
          การออกข้อบังคับตาม (๖) (๗) และ (๘) ต้องได้รับความเห็นชอบ
จากกระทรวงการคลัง

          มาตรา ๑๙  เพื่อประโยชน์แห่งกิจการของ รฟม. ให้คณะกรรมการมีอำนาจ
แต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือที่ปรึกษาเพื่อดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดของ รฟม. และ
กำหนดค่าตอบแทนอนุกรรมการตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด และกำหนดค่าตอบแทน
ที่ปรึกษาโดยได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลัง

          มาตรา ๒๐  ให้คณะกรรมการเป็นผู้แต่งตั้งและกำหนดอัตราเงินเดือนของ
ผู้ว่าการโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี

          มาตรา ๒๑  ผู้ว่าการนอกจากต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม
ตามกฎหมายว่าด้วยคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ
แล้วยังต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๕ (๒) และ (๓)

          มาตรา ๒๒  ผู้ว่าการมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละห้าปี และอาจได้รับ
แต่งตั้งอีกได้ แต่ต้องไม่เกินสองวาระติดต่อกัน

          มาตรา ๒๓  นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามมาตรา ๒๒
ผู้ว่าการพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
          (๑) ตาย
          (๒) ลาออก
          (๓) คณะกรรมการให้ออกด้วยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีเพราะบกพร่อง
ต่อหน้าที่หรือมีความประพฤติเสื่อมเสียหรือหย่อนความสามารถ
          (๔) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
          (๕) ขาดคุณสมบัติตามมาตรา ๑๔ หรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๒๑

          มาตรา ๒๔  ผู้ว่าการมีหน้าที่บริหารกิจการของ รฟม. ให้เป็นไปตามกฎหมาย
ข้อบังคับ และนโยบายที่คณะกรรมการกำหนด และมีอำนาจบังคับบัญชาพนักงานและลูกจ้าง
          ผู้ว่าการต้องรับผิดชอบต่อคณะกรรมการในการบริหารกิจการของ รฟม.

          มาตรา ๒๕  ผู้ว่าการมีอำนาจ
          (๑) บรรจุ แต่งตั้ง ถอดถอน เลื่อน ลด ตัดเงินเดือนหรือค่าจ้าง ลงโทษ
ทางวินัยแก่พนักงานและลูกจ้าง ตลอดจนให้พนักงานและลูกจ้างออกจากตำแหน่งตามข้อบังคับ
ที่คณะกรรมการกำหนด แต่ถ้าเป็นพนักงานหรือลูกจ้างตั้งแต่ตำแหน่งที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ
ผู้อำนวยการฝ่ายหรือเทียบเท่าขึ้นไป จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการก่อน
          (๒) วางระเบียบเกี่ยวกับการปฏิบัติงานในหน้าที่ของ รฟม. และกำหนด
เงื่อนไขในการทำงานของพนักงานและลูกจ้างโดยไม่ขัดแย้งกับข้อบังคับที่คณะกรรมการกำหนด

          มาตรา ๒๖  ในกิจการที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก ให้ผู้ว่าการเป็นผู้แทนของ รฟม.
และเพื่อการนี้ผู้ว่าการจะมอบอำนาจให้ตัวแทนหรือบุคคลใดกระทำกิจการเฉพาะอย่างแทนก็ได้
ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามข้อบังคับที่คณะกรรมการกำหนด
          นิติกรรมที่ผู้ว่าการกระทำโดยฝ่าฝืนข้อบังคับตามมาตรา ๑๘ วรรคสอง
ย่อมไม่ผูกพัน รฟม. เว้นแต่คณะกรรมการจะให้สัตยาบัน โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรี

          มาตรา ๒๗  ในกรณีที่ผู้ว่าการไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ หรือตำแหน่งผู้ว่าการ
ว่างลง ให้รองผู้ว่าการผู้มีอาวุโสสูงสุดตามลำดับเป็นผู้รักษาการแทน ถ้าไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง
รองผู้ว่าการหรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้แต่งตั้งกรรมการคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาการแทน
          ให้ผู้รักษาการแทนมีอำนาจหน้าที่อย่างเดียวกับผู้ว่าการ เว้นแต่อำนาจหน้าที่ของ
ผู้ว่าการในฐานะกรรมการ

          มาตรา ๒๘  ประธานกรรมการและกรรมการย่อมได้รับประโยชน์ตอบแทนตามที่
คณะรัฐมนตรีกำหนด

          มาตรา ๒๙  ประธานกรรมการ กรรมการ ผู้ว่าการ พนักงาน และลูกจ้าง
อาจได้รับเงินรางวัลตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด

          มาตรา ๓๐  ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ประธานกรรมการ
กรรมการ ผู้ว่าการ และพนักงาน เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา

          มาตรา ๓๑  ในการดำเนินการจัดสร้างกิจการรถไฟฟ้า ให้ รฟม. เสนอ
ขอความเห็นชอบแผนงานการกำหนดเส้นทางหรือโครงการที่จะจัดสร้างกิจการรถไฟฟ้า
ต่อคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบกเพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณา
ของคณะรัฐมนตรี

          มาตรา ๓๒  เพื่อประโยชน์ในการทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสภาพพื้นที่เพื่อ
จัดทำโครงการที่จะจัดสร้างกิจการรถไฟฟ้าให้เป็นไปโดยเหมาะสมแก่การบริการสาธารณะ
และมีความปลอดภัยแก่ประชาชนให้ รฟม. มีอำนาจสำรวจพื้นที่เบื้องต้นภายใต้หลักเกณฑ์
ดังต่อไปนี้
          (๑) เมื่อ รฟม. จะดำเนินการสำรวจเบื้องต้นในเขตพื้นที่ใดให้จัดทำเป็น
ประกาศกำหนดพื้นที่ที่จะทำการสำรวจ ปิดไว้ ณ ที่ทำการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ที่ว่าการอำเภอหรือกิ่งอำเภอ ที่ทำการกำนัน ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน และในบริเวณที่ที่จะ
ทำการสำรวจ
          (๒) ในกรณีที่ รฟม. มีความจำเป็นต้องเข้าไปในเขตที่ดินของบุคคลใด
เพื่อการสำรวจ ต้องแจ้งเป็นหนังสือให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินทราบล่วงหน้าเป็นเวลา
ไม่น้อยกว่าสามสิบวัน เพื่อให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินทราบวันและเวลาในการเข้าไป
ในเขตที่ดิน รวมทั้งการที่จะต้องดำเนินการในเขตที่ดินนั้น ทั้งนี้ การเข้าไปในเขตที่ดินของ
บุคคลใดให้กระทำได้ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก
          (๓) ในการสำรวจ ให้ รฟม. มีอำนาจขุดเจาะที่ดินและเก็บหิน ดิน น้ำ
หรือสิ่งต่าง ๆ อันจำเป็นแก่การสำรวจ รวมทั้งอาจตัด รานกิ่งไม้ หรือกระทำการอย่างอื่น
แก่สิ่งกีดขวางแก่การสำรวจได้เท่าที่จำเป็น โดยต้องใช้ความระมัดระวังให้เกิดความเสียหาย
แก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินน้อยที่สุด และเมื่อดำเนินการเสร็จเรียบร้อย ให้ รฟม.
ปรับปรุงที่ดินให้เป็นไปในสภาพใกล้เคียงของเดิมมากที่สุด ถ้าไม่อาจดำเนินการได้หรือ
เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินต้องได้รับความเสียหายอันเกิดจากการดำเนินการดังกล่าว
ให้ รฟม. จ่ายเงินค่าเสียหายเพื่อการนั้น
          ในการปฏิบัติหน้าที่ตามวรรคหนึ่ง พนักงานต้องแสดงบัตรประจำตัวต่อบุคคล
ที่เกี่ยวข้อง

          มาตรา ๓๓  ในกรณีที่พนักงานหรือผู้ซึ่งปฏิบัติงานร่วมกับพนักงาน
ตามมาตรา ๓๒ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองหรือผู้ทรงสิทธิอื่น
บุคคลนั้นมีสิทธิเรียกเงินค่าเสียหายจาก รฟม. ได้ และให้ รฟม. พิจารณาจ่ายเงิน
ค่าเสียหายให้ตามความเป็นธรรม โดยให้มีหนังสือแจ้งให้ผู้มีสิทธิรับเงินค่าเสียหายมารับ
เงินค่าเสียหายจาก รฟม. ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่บุคคลนั้นเรียกเงินค่าเสียหาย
จาก รฟม.
          ในกรณีที่เจ้าของหรือผู้ครอบครองหรือผู้ทรงสิทธิอื่นไม่ยินยอมตกลง
ในจำนวนเงินค่าเสียหายที่ รฟม. กำหนด หรือในกรณีผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าเสียหายไม่มา
รับเงินค่าเสียหายภายในเวลาที่กำหนดตามวรรคหนึ่ง ให้ รฟม. นำเงินจำนวนดังกล่าว
ไปฝากไว้กับธนาคารออมสินหรือธนาคารพาณิชย์ที่เป็นรัฐวิสาหกิจโดยพลันในชื่อของเจ้าของ
หรือผู้ครอบครองหรือผู้ทรงสิทธิอื่น โดยแยกฝากเป็นบัญชีเฉพาะราย และถ้ามีดอกเบี้ยหรือ
ดอกผลใดเกิดขึ้นเนื่องจากการฝากเงินนั้นให้ตกเป็นสิทธิแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองหรือ
ผู้ทรงสิทธิอื่น
          เมื่อ รฟม. นำเงินค่าเสียหายไปฝากไว้กับธนาคารออมสินหรือ
ธนาคารพาณิชย์ที่เป็นรัฐวิสาหกิจตามวรรคสองแล้ว ให้ รฟม. มีหนังสือแจ้งให้เจ้าของ
หรือผู้ครอบครองหรือผู้ทรงสิทธิอื่นทราบโดยส่งทางไปรษณีย์ตอบรับ ในกรณีผู้มีสิทธิได้รับ
เงินค่าเสียหายไม่มารับเงินค่าเสียหายภายในเวลาที่กำหนด ให้ประกาศในหนังสือพิมพ์
รายวันที่มีจำหน่ายในท้องถิ่นอย่างน้อยสามวันติดต่อกัน เพื่อให้เจ้าของหรือผู้ครอบครอง
หรือผู้ทรงสิทธิอื่นทราบ
          หลักเกณฑ์และวิธีการในการกำหนดค่าเสียหาย การนำเงินค่าเสียหายไปฝาก
ไว้กับธนาคารออมสินหรือธนาคารพาณิชย์ที่เป็นรัฐวิสาหกิจ และวิธีการในการรับเงินค่าเสียหาย
ดังกล่าว ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด

          มาตรา ๓๔  ในกรณีเจ้าของหรือผู้ครอบครองหรือผู้ทรงสิทธิอื่นไม่พอใจ
ในจำนวนเงินค่าเสียหายที่ รฟม. กำหนดตามมาตรา ๓๓ วรรคหนึ่ง ไม่ว่าบุคคลนั้นจะรับ
หรือไม่รับเงินค่าเสียหายที่ รฟม. ฝากไว้ ให้มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่
รฟม. ได้นำเงินค่าเสียหายฝากไว้ตามมาตรา ๓๓ วรรคสอง
          การฟ้องคดีต่อศาลตามวรรคหนึ่งไม่เป็นเหตุให้การครอบครองหรือ
ใช้อสังหาริมทรัพย์หรือการดำเนินการใด ๆ ของพนักงานหรือผู้ซึ่งปฏิบัติงานร่วมกับ
พนักงานต้องสะดุดหยุดลง
          ในกรณีที่ศาลวินิจฉัยให้ชำระเงินค่าเสียหายเพิ่มขึ้น ให้เจ้าของหรือ
ผู้ครอบครองหรือผู้ทรงสิทธิอื่นได้รับดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดของดอกเบี้ยเงินฝากประเภท
ฝากประจำของธนาคารออมสินหรือธนาคารพาณิชย์ที่เป็นรัฐวิสาหกิจในจำนวนเงินที่เพิ่มขึ้น
นับแต่วันที่ฝากเงินค่าเสียหาย หรือได้รับดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดของดอกเบี้ยเงินฝากประเภท
ฝากประจำของธนาคารออมสินในจำนวนเงินที่เพิ่มขึ้น นับแต่วันที่มีการจ่ายเงินค่าเสียหาย
ในกรณีที่มีการจ่ายเงินค่าเสียหายให้แก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองหรือผู้ทรงสิทธิอื่น แล้วแต่กรณี
          ในกรณีที่เจ้าของหรือผู้ครอบครองหรือผู้ทรงสิทธิอื่นพอใจและได้รับเงินค่าเสียหาย
ไปแล้ว หรือมิได้ฟ้องคดีเรียกเงินค่าเสียหายต่อศาลภายในระยะเวลาตามวรรคหนึ่ง หรือได้แจ้ง
เป็นหนังสือสละสิทธิไม่รับเงินค่าเสียหายดังกล่าว ผู้ใดจะเรียกร้องเงินค่าเสียหายนั้นอีกไม่ได้

                             ส่วนที่ ๒
                การใช้อสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการขนส่งมวลชน

          มาตรา ๓๕  การใช้อสังหาริมทรัพย์เพื่อดำเนินกิจการรถไฟฟ้าโดย
ไม่จำต้องได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ ถ้ามิได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น ให้ดำเนินการ
ตามกฎหมายว่าด้วยการจัดหาอสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการขนส่งมวลชน ส่วนในกรณีที่
มีความจำเป็นต้องได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์และมิได้ตกลงในเรื่องการโอนไว้เป็นอย่างอื่น
ให้ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
          การโอนอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาตามวรรคหนึ่งโดยมิได้มีการเวนคืน
ตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ให้ได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียม

          มาตรา ๓๖  การกำหนดที่ตั้งหรือจุดขึ้นลงสถานีรถไฟฟ้า ให้ รฟม.
คำนึงถึงความเหมาะสมทางเทคนิค ความปลอดภัยในการเดินรถไฟฟ้า ความสะดวก
ของคนโดยสาร และค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง
          ในกรณีที่สถานีรถไฟฟ้า ทางเดินคนโดยสาร หรือทางเข้าออกสถานี
รถไฟฟ้าอาจเชื่อมติดต่อกับอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นได้ และการเชื่อมติดต่อนั้น
อาจทำให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้นได้รับประโยชน์ รฟม. อาจจะ
พิจารณาอนุญาตโดยกำหนดเงื่อนไขหรือผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่ รฟม. อย่างหนึ่ง
อย่างใดด้วยหรือไม่ก็ได้
                             ส่วนที่ ๓
             การบำรุงรักษาและการป้องกันอันตรายระบบรถไฟฟ้า

          มาตรา ๓๗  เมื่อได้ดำเนินการจัดหาอสังหาริมทรัพย์เพื่อดำเนินกิจการ
รถไฟฟ้าแล้ว ให้ รฟม. กำหนดเขตระบบรถไฟฟ้าเพื่อประโยชน์ในการบำรุงรักษาและ
ความปลอดภัยของระบบรถไฟฟ้าและความปลอดภัยของบุคคลที่อยู่ในเขตระบบรถไฟฟ้า
          เมื่อ รฟม. ได้กำหนดเขตระบบรถไฟฟ้าตามวรรคหนึ่งแล้ว เพื่อประโยชน์
ในการรักษาความปลอดภัยที่อาจมีผลกระทบต่อระบบรถไฟฟ้าและบุคคลที่อยู่ในเขตระบบ
รถไฟฟ้า ให้ รฟม. มีอำนาจกำหนดบริเวณใกล้เคียงกับเขตระบบรถไฟฟ้าเป็นเขตปลอดภัย
ระบบรถไฟฟ้า
          ให้รัฐมนตรีประกาศเขตระบบรถไฟฟ้าและเขตปลอดภัยระบบรถไฟฟ้า พร้อมทั้ง
แผนผังแสดงแนวเขตดังกล่าวในราชกิจจานุเบกษา และให้ รฟม. ปิดสำเนาประกาศดังกล่าว
ณ ที่ทำการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ว่าการอำเภอหรือกิ่งอำเภอ ที่ทำการกำนัน และ
ที่ทำการผู้ใหญ่บ้านแห่งท้องที่ที่อสังหาริมทรัพย์นั้นตั้งอยู่ กับให้ รฟม. จัดทำเครื่องหมายแสดง
แนวเขตดังกล่าวตามระเบียบที่ผู้ว่าการกำหนด

          มาตรา ๓๘  ภายในเขตปลอดภัยระบบรถไฟฟ้าตามมาตรา ๓๗ ให้ รฟม.
มีอำนาจประกาศกำหนดเงื่อนไขในการก่อสร้าง ดัดแปลง หรือรื้อถอนอาคารหรือสิ่งปลูกสร้าง
อย่างอื่นที่จะมีผลกระทบต่อระบบรถไฟฟ้า
          ประกาศตามวรรคหนึ่งต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา และให้ปิดประกาศไว้
ในบริเวณใกล้เคียงกับเขตปลอดภัยระบบรถไฟฟ้าและให้แจ้งให้ผู้มีอำนาจอนุญาตตามกฎหมาย
ว่าด้วยการควบคุมอาคารทราบ
          ในการอนุญาตให้ก่อสร้าง ดัดแปลง หรือรื้อถอนอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น
ที่อยู่ภายในเขตปลอดภัยระบบรถไฟฟ้า ให้ผู้มีอำนาจอนุญาตให้ก่อสร้าง ดัดแปลง หรือรื้อถอน
อาคารหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารพิจารณาตรวจสอบ
ให้ถูกต้องตามประกาศตามวรรคหนึ่งก่อนอนุญาตและแจ้งให้ รฟม. ทราบด้วย
          ในการพิจารณาอนุญาตตามวรรคสาม ให้ผู้มีอำนาจอนุญาตให้ก่อสร้าง ดัดแปลง
หรือรื้อถอนอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารแจ้ง รฟม.
เพื่อส่งผู้แทนเข้าร่วมพิจารณาด้วย

          มาตรา ๓๙  ในกรณีที่มีผู้ก่อสร้าง ดัดแปลง หรือรื้อถอนอาคารหรือสิ่งปลูกสร้าง
อย่างอื่นตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารในเขตปลอดภัยระบบรถไฟฟ้า โดยมิได้รับ
อนุญาตหรือผู้ที่ได้รับอนุญาตมิได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในการอนุญาต ให้ผู้ว่าการหรือผู้ที่
ได้รับมอบหมายจากผู้ว่าการแจ้งให้ผู้มีอำนาจอนุญาตให้ก่อสร้าง ดัดแปลง หรือรื้อถอนอาคาร
หรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารทราบเป็นหนังสือเพื่อให้
ดำเนินการแก้ไขตามอำนาจหน้าที่
          ถ้ามีกรณีจำเป็นเร่งด่วนเพื่อป้องกันอันตรายแก่ระบบรถไฟฟ้า ให้ผู้ว่าการ
มีอำนาจออกคำสั่งให้ระงับการกระทำหรือกระทำการเท่าที่จำเป็นเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
เป็นกรณีฉุกเฉินในระหว่างการดำเนินการตามวรรคหนึ่งได้

          มาตรา ๔๐  ในกรณีที่ รฟม. เห็นว่า ภายในเขตปลอดภัยระบบรถไฟฟ้า
ตามมาตรา ๓๗ มีความจำเป็นต้องประกาศกำหนดให้การกระทำใด ๆ ที่อาจทำให้เกิด
อันตรายหรือเป็นอุปสรรคแก่ระบบรถไฟฟ้าเป็นการกระทำที่ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
ให้ รฟม. มีอำนาจออกประกาศได้ ทั้งนี้ ประกาศดังกล่าวต้องแสดงรายละเอียด และเหตุผล
ให้ชัดเจนเกี่ยวกับลักษณะการกระทำ และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้น
          ประกาศตามวรรคหนึ่งต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษาและต้องปิดประกาศไว้
ในบริเวณใกล้เคียงกับเขตปลอดภัยระบบรถไฟฟ้า
          เมื่อมีประกาศตามวรรคหนึ่งให้นำบทบัญญัติเกี่ยวกับการดูแลรักษาระบบขนส่งมวลชน
ตามกฎหมายว่าด้วยการจัดหาอสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการขนส่งมวลชนมาใช้บังคับกับการกระทำ
ในเขตปลอดภัยระบบรถไฟฟ้าด้วยโดยอนุโลม

          มาตรา ๔๑  ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐซึ่งมีอำนาจหน้าที่ดำเนินกิจการ
อันเป็นสาธารณูปโภคมีความจำเป็นต้องปักเสา พาดสาย วางท่อ หรือกระทำการใด ๆ
ภายในเขตระบบรถไฟฟ้า ให้หน่วยงานของรัฐนั้นทำความตกลงกับผู้ว่าการหรือผู้ที่ได้รับ
มอบหมายจากผู้ว่าการก่อน
          ในกรณีที่การดำเนินกิจการอันเป็นสาธารณูปโภคตามวรรคหนึ่ง ได้กระทำโดย
เอกชนที่ได้รับสัมปทาน รฟม. อาจเรียกเก็บค่าตอบแทนในการใช้พื้นที่เขตดังกล่าวได้

          มาตรา ๔๒  ในกรณีที่การสร้าง ขยาย ปรับปรุง ซ่อมแซม หรือบำรุงรักษา
ระบบรถไฟฟ้าทำให้มีการฟ้องคดีต่อศาล การฟ้องคดีนั้นไม่เป็นเหตุให้การครอบครอง
อสังหาริมทรัพย์หรือใช้อสังหาริมทรัพย์ของ รฟม. ต้องสะดุดหยุดลง

          มาตรา ๔๓  ในการดำเนินกิจการรถไฟฟ้าตามพระราชบัญญัตินี้ รฟม.
โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีอาจให้สัมปทานกิจการรถไฟฟ้าทั้งหมดหรือบางส่วน
แก่เอกชนก็ได้
          ในกรณีที่การให้สัมปทานตามวรรคหนึ่งไม่อยู่ภายใต้บังคับกฎหมายว่าด้วย
การให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ ให้การเสนอโครงการ
การดำเนินโครงการ และการกำกับดูแลและติดตามผล เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง

          มาตรา ๔๔  ผู้รับสัมปทานต้อง
          (๑) เป็นนิติบุคคลไทย
          (๒) มีทุน เครื่องจักร เครื่องมือ อุปกรณ์ และผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้
ความชำนาญในการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเพียงพอ และ
          (๓) มีคุณสมบัติอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

          มาตรา ๔๕  ในการดำเนินกิจการรถไฟฟ้าของผู้รับสัมปทานต้องจัดให้
บุคคลสัญชาติไทยเป็นผู้ทำงานให้มากที่สุด เว้นแต่งานใดที่มีลักษณะเฉพาะด้าน ซึ่งผู้รับ
สัมปทานไม่สามารถจัดหาคนไทยที่มีความรู้ความชำนาญในด้านนั้นมาทำงานได้ ผู้รับ
สัมปทานอาจให้ผู้ที่มีความรู้ความชำนาญจากต่างประเทศมาทำงานแทนได้ แต่ผู้รับ
สัมปทานต้องจัดให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยี และความรู้ความชำนาญให้บุคคลสัญชาติไทย
สามารถทำงานแทนได้ภายในห้าปีนับแต่วันที่ได้รับสัมปทาน

          มาตรา ๔๖  ให้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ได้จัดสร้างหรือจัดหามาตามสัญญา
สัมปทานตกเป็นของรัฐ เมื่อ
          (๑) ตรวจและรับมอบงานที่ได้รับสัมปทานกิจการรถไฟฟ้าทั้งหมดหรือบางส่วน
          (๒) ได้รับอนุญาตให้เดินรถ ในกรณีที่เป็นการให้สัมปทานการเดินรถไฟฟ้า
          (๓) เมื่อมีการเพิกถอนสัมปทานตามมาตรา ๕๑ หรือมาตรา ๕๓

          มาตรา ๔๗  ในการดำเนินการตามสัมปทานหากมีความจำเป็นต้องได้มา
ซึ่งกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์หรือมีความจำเป็นต้องใช้อสังหาริมทรัพย์ โดยไม่จำเป็น
ต้องได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์นั้น และไม่สามารถดำเนินการให้ได้มาหรือได้ใช้
ซึ่งอสังหาริมทรัพย์โดยวิธีอื่น ให้ รฟม. ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืน
อสังหาริมทรัพย์หรือกฎหมายว่าด้วยการจัดหาอสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการขนส่งมวลชน
แล้วแต่กรณี โดยผู้รับสัมปทานเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายและค่าทดแทน ทั้งนี้ ให้กรรมสิทธิ์
หรือสิทธิการใช้ในอสังหาริมทรัพย์นั้นตกเป็นของรัฐ

          มาตรา ๔๘  เพื่อประโยชน์ในการจัดโครงข่ายการเดินรถไฟฟ้าและ
อำนวยความสะดวกในการจราจร ผู้รับสัมปทานต้องยินยอมและให้ความสะดวกแก่ รฟม.
หรือผู้รับสัมปทานรายอื่นสามารถเชื่อมต่อหรือร่วมใช้กิจการรถไฟฟ้าที่ผู้นั้นได้รับสัมปทาน
ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนด
          ในการกำหนดหลักเกณฑ์ตามวรรคหนึ่ง ให้กำหนดหลักเกณฑ์การแบ่งปัน
ผลประโยชน์จากค่าโดยสารในอัตราที่เป็นธรรม โดยคำนึงถึงภาระค่าใช้จ่ายและผลประโยชน์
ที่พึงจะได้รับของทุกฝ่ายด้วย

          มาตรา ๔๙  ภายใต้บังคับมาตรา ๗๕ (๗) การโอนสัมปทานจะกระทำได้
ต่อเมื่อคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาแล้วเห็นว่ามีเหตุจำเป็นเพื่อประโยชน์แก่การให้บริการ
ประชาชน และผู้รับโอนมีคุณสมบัติตามมาตรา ๔๔ และต้องไม่ทำให้กิจการตามที่ได้รับสัมปทาน
หยุดชะงัก
          ผู้โอนสัมปทานและผู้รับโอนสัมปทานตามวรรคหนึ่ง ต้องรับผิดร่วมกันและแทนกัน
ในการปฏิบัติตามสัมปทานและตามพระราชบัญญัตินี้
          การโอนสัมปทาน ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
ในกรณีที่ผู้รับสัมปทานไม่ได้รับอนุญาตให้โอนสัมปทาน ให้ รฟม. มีหนังสือแจ้งให้ผู้รับสัมปทาน
ทราบพร้อมทั้งเหตุผลภายในสามสิบวันนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ

          มาตรา ๕๐  ในกรณีที่ผู้รับสัมปทานสิ้นสภาพการเป็นนิติบุคคล หรือตกเป็น
บุคคลล้มละลาย ให้ผู้ชำระบัญชีหรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ แล้วแต่กรณี เป็นผู้มีสิทธิ
แสดงเจตนาในการโอนสัมปทานตามมาตรา ๔๙

          มาตรา ๕๑  ภายใต้บังคับมาตรา ๗๕ (๗) คณะกรรมการอาจพิจารณา
ให้เพิกถอนสัมปทานได้ เมื่อปรากฏว่าผู้รับสัมปทาน
          (๑) ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขหรือข้อตกลงที่ได้รับสัมปทานจนอาจเป็นเหตุให้
เกิดความล่าช้าหรือความเสียหายในการให้บริการแก่ประชาชน
          (๒) ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานวิธีการประกอบกิจการรถไฟฟ้าของ รฟม.
จนเป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน
          (๓) ไม่ชำระผลประโยชน์ตามสัมปทานให้แก่ รฟม.
          (๔) ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ระบุในสัมปทานว่าเป็นเหตุ
เพิกถอนสัมปทานได้

          มาตรา ๕๒  ในกรณีที่มีเหตุตามมาตรา ๕๑ เกิดขึ้น ก่อนที่จะดำเนินการ
เพิกถอนสัมปทาน ถ้าคณะกรรมการเห็นว่าเหตุดังกล่าวสามารถแก้ไขได้และเป็นประโยชน์
แก่การให้บริการประชาชน คณะกรรมการอาจแจ้งให้ผู้รับสัมปทานดำเนินการแก้ไขภายใน
ระยะเวลาและเงื่อนไขที่กำหนดเสียก่อนก็ได้ แต่ถ้าผู้รับสัมปทานไม่แก้ไข ให้คณะกรรมการ
ดำเนินการเพื่อเพิกถอนสัมปทานตามมาตรา ๕๑ โดยไม่ชักช้า

          มาตรา ๕๓  ในกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อรักษาประโยชน์สาธารณะ
คณะรัฐมนตรีอาจมีมติดังต่อไปนี้
          (๑) ให้ผู้รับสัมปทานกระทำการหรือแก้ไขการใด
          (๒) เพิกถอนสัมปทานในกรณีที่มีเหตุสำคัญอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้
          เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติตาม (๑) ให้ รฟม. แจ้งให้ผู้รับสัมปทานกระทำการ
หรือแก้ไขการนั้น ในกรณีที่ผู้รับสัมปทานไม่กระทำการหรือแก้ไขการนั้น ให้คณะรัฐมนตรี
มีอำนาจสั่งให้ รฟม. เป็นผู้กระทำการหรือแก้ไขการนั้น โดยให้ผู้รับสัมปทานเป็นผู้รับผิดชอบ
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการดังกล่าว
          ในกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีมติตาม (๒) ให้ รฟม. มีอำนาจเข้าครอบครอง
กิจการที่ให้สัมปทานได้ และให้ รฟม. จ่ายเงินค่าทดแทนให้แก่ผู้รับสัมปทานตามความเป็นจริง
แต่ไม่เกินจำนวนเงินค่าทดแทนที่กำหนดในสัมปทาน
          ในกรณีที่จะต้องจ่ายเงินค่าทดแทนตามวรรคสาม หรือในกรณีที่สัมปทาน
มิได้กำหนดจำนวนเงินค่าทดแทนไว้ ให้คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งคณะกรรมการคณะหนึ่งเพื่อกำหนด
จำนวนเงินค่าทดแทนที่จะจ่ายให้แก่ผู้รับสัมปทาน ประกอบด้วยผู้แทนของผู้รับสัมปทาน ผู้แทน
รฟม. ผู้มีความรู้ความชำนาญในการประเมินราคาทรัพย์สิน และผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งคณะรัฐมนตรี
แต่งตั้งอีกไม่เกินสามคนเป็นผู้พิจารณาเสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ ให้คณะรัฐมนตรี
วินิจฉัยให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว การกำหนดเงินค่าทดแทนของคณะกรรมการอาจกำหนดค่าเสียโอกาส
ให้ด้วยก็ได้

          มาตรา ๕๔  ผู้รับสัมปทานต้องปฏิบัติตามข้อบังคับของคณะกรรมการว่าด้วย
การรักษาความปลอดภัยในการใช้และรักษาทรัพย์สินของ รฟม. และกฎกระทรวงเกี่ยวกับ
ความปลอดภัยของระบบรถไฟฟ้า คนโดยสาร และบุคคลอื่นที่อยู่ในเขตระบบรถไฟฟ้า และต้อง
จัดให้มีการประกันภัยสำหรับความเสียหาย
          การจัดให้มีการประกันภัยตามวรรคหนึ่งต้องมีผู้รับประกันภัยตั้งแต่สองรายขึ้นไป

          มาตรา ๕๕  ในการปฏิบัติหน้าที่ ให้พนักงานหรือผู้ซึ่งปฏิบัติงานร่วมกับพนักงาน
มีอำนาจ ดังต่อไปนี้
          (๑) เข้าไปในบริเวณที่ประกอบกิจการรถไฟฟ้า และสถานที่ทำการของ
ผู้รับสัมปทานในเวลาทำการ เพื่อตรวจกิจการให้เป็นไปตามสัมปทานและตามพระราชบัญญัตินี้
          (๒) สั่งเป็นหนังสือให้ผู้รับสัมปทานปฏิบัติการใด ๆ หรืองดเว้นการปฏิบัติการ
ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของบุคคลอื่น
          ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ พนักงานต้องแสดงบัตรประจำตัว
ต่อบุคคลที่เกี่ยวข้อง
          ผู้รับสัมปทานมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งของพนักงานที่สั่งตาม (๒) ต่อรัฐมนตรี
โดยยื่นต่อผู้ว่าการภายในสิบห้าวันนับแต่วันรับแจ้งคำสั่ง คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด
          การอุทธรณ์คำสั่งของพนักงานตามวรรคสาม ไม่เป็นเหตุทุเลาการปฏิบัติ
ตามคำสั่ง เว้นแต่รัฐมนตรีเห็นสมควรให้ทุเลาการปฏิบัติตามคำสั่งนั้น

          มาตรา ๕๖  ผู้รับสัมปทาน ผู้ปฏิบัติงานให้แก่ผู้รับสัมปทาน ตัวแทน และ
ลูกจ้างของผู้รับสัมปทานมีหน้าที่อำนวยความสะดวกให้แก่พนักงานในการปฏิบัติหน้าที่
ตามพระราชบัญญัตินี้

          มาตรา ๕๗  คนโดยสารต้องชำระค่าโดยสารตามที่คณะกรรมการประกาศ

          มาตรา ๕๘  รฟม. ต้องจัดให้มีการประกันความเสียหายที่เกิดแก่ชีวิตและ
ร่างกายของคนโดยสารตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
          ให้นำความในมาตรา ๕๔ วรรคสอง มาใช้บังคับโดยอนุโลม และต้องได้รับ
ความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนทำสัญญากับผู้รับประกันภัยด้วย
          ในกรณีที่มีการให้สัมปทานกิจการรถไฟฟ้า ให้ผู้รับสัมปทานมีหน้าที่จัดให้มีการ
ประกันภัยตามวรรคหนึ่งแทน รฟม.

          มาตรา ๕๙  ให้ รฟม. มีหน้าที่จัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกแก่คนโดยสาร
โดยเฉพาะคนทุพพลภาพ คนสูงอายุ และเด็ก ให้มีความสมบูรณ์และเหมาะสมแก่การใช้บริการ
กิจการรถไฟฟ้า

          มาตรา ๖๐  ในกรณีที่คนโดยสารหรือบุคคลอื่นที่อยู่ในเขตระบบรถไฟฟ้าได้รับ
ความเดือดร้อนจากการดำเนินกิจการของ รฟม. หรือผู้รับสัมปทาน ให้มีสิทธิร้องเรียนต่อ
คณะกรรมการ
          ให้คณะกรรมการดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงในกรณีที่มีการร้องเรียน
ตามวรรคหนึ่งและมีคำสั่งโดยเร็ว แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินหกสิบวันนับแต่วันได้รับเรื่องร้องเรียน
และให้สั่ง รฟม. หรือผู้รับสัมปทานแก้ไขความเดือดร้อนของผู้ร้องเรียนภายในระยะเวลาที่
คณะกรรมการกำหนด โดยให้คณะกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์ใด ๆ ให้ รฟม. หรือผู้ได้รับ
สัมปทานมีหน้าที่ต้องปฏิบัติเพื่อมิให้เกิดเหตุตามที่ร้องเรียนขึ้นอีก

          มาตรา ๖๑  ให้ รฟม. มีหน้าที่กำหนดมาตรการใด ๆ เพื่อคุ้มครอง
ความปลอดภัยแก่คนโดยสารและบุคคลอื่นที่อยู่ในเขตระบบรถไฟฟ้า ในกรณีที่เกิด
ความเสียหายอย่างใดอันเนื่องมาจากความบกพร่องของการกำหนดมาตรการหรือ
การปฏิบัติของพนักงานของ รฟม. ให้ รฟม. รับผิดชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นต่อ
คนโดยสารหรือบุคคลอื่นที่อยู่ในเขตระบบรถไฟฟ้า

          มาตรา ๖๒  คนโดยสารหรือบุคคลอื่นที่อยู่ในเขตระบบรถไฟฟ้าต้องปฏิบัติตาม
หลักเกณฑ์ว่าด้วยความปลอดภัยในชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน การรักษาความสงบเรียบร้อย
ความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อยภายในเขตระบบรถไฟฟ้าตามที่กำหนดใน
กฎกระทรวง
          ให้ รฟม. ปิดประกาศกฎกระทรวงตามวรรคหนึ่งไว้ในเขตระบบรถไฟฟ้า
ในบริเวณที่เหมาะสมกับการใช้กฎกระทรวงนั้นเพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถมองเห็นได้ชัดเจน
สำหรับกฎกระทรวงที่เกี่ยวกับการปฏิบัติในการโดยสารรถไฟฟ้า รฟม. ต้องจัดให้มีการเผยแพร่
และปิดประกาศไว้ในบริเวณสถานีรถไฟฟ้าและในรถไฟฟ้าด้วย

          มาตรา ๖๓  ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่
เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญามีหน้าที่รักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย
ในเขตระบบรถไฟฟ้าตามกฎกระทรวงหรือตามที่ผู้ว่าการมอบหมาย และให้มีอำนาจดังต่อไปนี้
          (๑) ค้นหรือจับกุมผู้กระทำความผิดซึ่งหน้าตามพระราชบัญญัตินี้ เพื่อส่งให้
พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย
          (๒) เข้าไปในเคหสถานหรือสถานที่ใด ๆ ที่ประกอบกิจการรถไฟฟ้า
รวมถึงสถานที่ทำการของผู้รับสัมปทานในเวลาทำการ เพื่อตรวจสอบกรณีที่มีเหตุว่า
อาจจะมีอันตรายเกิดขึ้นกับคนโดยสารหรือบุคคลอื่นที่อยู่ในเขตระบบรถไฟฟ้า
          ในการปฏิบัติหน้าที่ตามวรรคหนึ่ง พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัว
ต่อบุคคลที่เกี่ยวข้อง
          บัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้เป็นไปตามที่ผู้ว่าการกำหนด

          มาตรา ๖๔  ให้ รฟม. จัดทำงบประมาณประจำปี โดยแยกเป็นงบลงทุน
และงบทำการ สำหรับงบลงทุนให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาและให้ความเห็นชอบ
ส่วนงบทำการให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ

          มาตรา ๖๕  รายได้ที่ รฟม. ได้รับจากการดำเนินการในปีหนึ่ง ๆ
ให้ตกเป็นของ รฟม. สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และเมื่อได้หักรายจ่าย
สำหรับการดำเนินงาน เช่น ค่าบำรุงรักษา ค่าเสื่อมราคา เงินสมทบกองทุนสำรอง
เลี้ยงชีพแล้ว เหลือเท่าใดให้นำส่งเป็นรายได้ของรัฐ ทั้งนี้ ตามระเบียบที่กระทรวง
การคลังกำหนด
          ในกรณีที่รายได้ไม่เพียงพอสำหรับกรณีตามวรรคหนึ่ง และ รฟม. ไม่สามารถ
หาเงินที่อื่นได้ รัฐพึงจ่ายเงินให้แก่ รฟม. เท่าจำนวนที่จำเป็นต่อการดำเนินงานของ รฟม.

          มาตรา ๖๖  ให้ รฟม. เปิดบัญชีเงินฝากไว้กับธนาคารตามระเบียบ
ที่กระทรวงการคลังกำหนด

          มาตรา ๖๗  ให้ รฟม. วางและรักษาไว้ซึ่งระบบการบัญชีที่เหมาะสมแก่
กิจการสาธารณูปโภค แยกตามประเภทงานส่วนที่สำคัญ มีการลงรายการรับและจ่ายเงิน
สินทรัพย์และหนี้สินที่แสดงกิจการที่เป็นอยู่ตามจริงและตามที่ควรตามประเภทงาน พร้อมด้วย
ข้อความอันเป็นที่มาของรายการดังกล่าว และให้มีการตรวจสอบบัญชีภายในเป็นประจำ

          มาตรา ๖๘  ให้ รฟม. จัดทำงบดุล บัญชีทำการ และบัญชีกำไรขาดทุน
ส่งผู้สอบบัญชีภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันสิ้นปีบัญชี

          มาตรา ๖๙  ทุกปีให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้สอบบัญชี
และทำการตรวจสอบรับรองบัญชีและการเงินของ รฟม. ให้แล้วเสร็จภายในสี่สิบห้าวัน
นับแต่วันที่ได้รับงบการเงินนั้น

          มาตรา ๗๐  ผู้สอบบัญชีมีอำนาจตรวจสอบสรรพสมุดบัญชีและเอกสาร
หลักฐานของ รฟม. เพื่อการนี้ให้มีอำนาจสอบถามประธานกรรมการ กรรมการ ผู้ว่าการ
ที่ปรึกษา พนักงาน ลูกจ้าง ผู้อื่นซึ่งเป็นตัวแทนของ รฟม. และผู้รับสัมปทาน

          มาตรา ๗๑  ให้ผู้สอบบัญชีทำรายงานผลการสอบบัญชีเสนอต่อคณะกรรมการ
เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี และให้ รฟม. โฆษณารายงานประจำปีของปีที่ล่วงมาแล้ว แสดงงบดุล
บัญชีทำการ และบัญชีกำไรขาดทุนที่ผู้สอบบัญชีรับรองว่าถูกต้องแล้วภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่
ผู้สอบบัญชีรับรองว่าถูกต้อง

                             หมวด ๗
                         การกำกับและควบคุม

          มาตรา ๗๒  ให้รัฐมนตรีมีอำนาจหน้าที่กำกับโดยทั่วไปซึ่งกิจการของ
รฟม. เพื่อการนี้จะสั่งให้คณะกรรมการ ผู้ว่าการ ชี้แจงข้อเท็จจริง แสดงความคิดเห็น
ทำรายงานหรือยับยั้งการกระทำที่ขัดต่อนโยบายของรัฐบาลหรือมติของคณะรัฐมนตรี
ตลอดจนมีอำนาจที่จะสั่งให้ปฏิบัติการตามนโยบายของรัฐบาลหรือมติของคณะรัฐมนตรี
และสั่งสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินกิจการของ รฟม. ได้

          มาตรา ๗๓  ให้ รฟม. ทำรายงานปีละครั้งเสนอคณะรัฐมนตรี รายงานนี้
ให้กล่าวถึงผลของงานในปีที่ล่วงมาแล้วและคำชี้แจงเกี่ยวกับนโยบายของคณะกรรมการ
โครงการและแผนงานที่จะทำในภายหน้า

          มาตรา ๗๔  ในกรณีที่ รฟม. จะต้องเสนอเรื่องใด ๆ ไปยังคณะรัฐมนตรี
ให้ รฟม. นำเรื่องเสนอรัฐมนตรีเพื่อเสนอไปยังคณะรัฐมนตรี

          มาตรา ๗๕  รฟม. ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนจึงจะ
ดำเนินกิจการดังต่อไปนี้ได้
          (๑) ดำเนินกิจการรถไฟฟ้าในเส้นทางหนึ่งเส้นทางใด
          (๒) ขยาย ปรับปรุง หรือดำเนินการใด ๆ ซึ่งมีวงเงินเกิน
ห้าร้อยล้านบาท
          (๓) กู้ยืมเงินเกินหนึ่งร้อยล้านบาท
          (๔) ออกพันธบัตรหรือตราสารอื่นใดเพื่อใช้ในการลงทุน
          (๕) จำหน่ายอสังหาริมทรัพย์
          (๖) ให้เช่าหรือให้สิทธิใด ๆ ในอสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีมูลค่าเกินสิบล้านบาท
          (๗) ให้สัมปทาน ต่ออายุสัมปทาน โอนสัมปทาน หรือเพิกถอนสัมปทานกิจการ
รถไฟฟ้าทั้งหมดหรือบางส่วน
          (๘) จัดตั้งบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด
          (๙) เข้าร่วมกิจการกับบุคคลอื่น หรือถือหุ้นในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด
         (๑๐) พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของ รฟม. ตามความจำเป็นเพื่อประโยชน์แก่การ
ให้บริการกิจการรถไฟฟ้า
         (๑๑) การจ่ายเงินค่าทดแทนและค่าเสียโอกาส ตามมาตรา ๕๓ วรรคสี่

          มาตรา ๗๖  ผู้ใดขัดขวางการกระทำของ รฟม. หรือพนักงาน หรือผู้ซึ่ง
ปฏิบัติงานร่วมกับพนักงานซึ่งกระทำการตามมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๙ วรรคหนึ่ง หรือ
มาตรา ๕๕ (๑) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ

          มาตรา ๗๗  ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวงซึ่งออกตามมาตรา ๖๒
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

          มาตรา ๗๘  ผู้รับสัมปทานผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๕๔ หรือมาตรา ๕๕ (๒)
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

          มาตรา ๗๙  ผู้รับสัมปทาน ผู้ปฏิบัติงานให้แก่ผู้รับสัมปทาน ตัวแทน และลูกจ้าง
ของผู้รับสัมปทาน ผู้ใดไม่อำนวยความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติตามมาตรา ๕๖
ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท

          มาตรา ๘๐  ผู้ใดไม่ชำระค่าโดยสารตามอัตราที่กำหนดในมาตรา ๕๗
ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสามสิบเท่าของอัตราค่าโดยสารสูงสุด

          มาตรา ๘๑  ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ อันมีลักษณะเป็นการกีดขวาง
แก่การเดินรถไฟฟ้า ก่อให้เกิดความเสียหาย หรือความไม่สะดวกแก่การเดินรถไฟฟ้า
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

          มาตรา ๘๒  ผู้ใดทำลาย หรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันทำให้เกิดความ
เสียหายหรือไร้ประโยชน์แก่ระบบรถไฟฟ้า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับ
ไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
          ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่น
ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
          ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตราย
ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
          ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตรายสาหัส
ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สี่หมื่นบาทถึงสองแสนบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
          ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย
ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือปรับตั้งแต่
หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

          มาตรา ๘๓  ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำให้ไร้ประโยชน์ ทำลาย เปลี่ยนแปลง
เคลื่อนย้าย หรือรื้อถอน เครื่องหมายแสดงแนวเขต หลักสำรวจ รั้ว เครื่องหมายแสดงระยะ
หรือเครื่องอำนวยความสะดวกหรือความปลอดภัย ซึ่ง รฟม. ได้ติดตั้งหรือทำให้ปรากฏในเขต
ระบบรถไฟฟ้า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
          ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นเหตุให้ระบบรถไฟฟ้าถูกทำลาย
เสียหาย เสื่อมค่า หรือไร้ประโยชน์ ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือ
ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

          มาตรา ๘๔  ผู้ใดปิดประกาศหรือโฆษณาบนรถไฟฟ้าหรือในเขตระบบ
รถไฟฟ้า โดยมิได้รับอนุญาตจากผู้ว่าการต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท

          มาตรา ๘๕  ผู้ใดแกล้งบอกเล่าความเท็จให้เลื่องลือหรือส่งข่าวอันเป็นเท็จ
จนเป็นเหตุให้การเดินรถไฟฟ้าไม่อาจกระทำได้ตามปกติหรือเกิดความล่าช้า ต้องระวางโทษ
จำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
          ถ้าการกระทำตามวรรคหนึ่งทำให้เข้าใจว่าอาจเกิดอันตรายด้วยอุปกรณ์
วัตถุระเบิด แก๊สพิษ หรือด้วยวิธีใด ๆ ต่อความปลอดภัยของรถไฟฟ้าในระหว่างเดินรถไฟฟ้า
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

          มาตรา ๘๖  ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดซึ่งต้องรับโทษตามพระราชบัญญัตินี้
เป็นนิติบุคคล กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้ที่รับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลนั้นต้อง
ระวางโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้นด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนมิได้มีส่วนในการ
กระทำความผิดนั้นด้วย

          มาตรา ๘๗  บรรดาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ที่มีโทษปรับสถานเดียว
หรือเป็นความผิดที่มีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท ถ้าพนักงาน
เจ้าหน้าที่เห็นว่าผู้ต้องหาไม่ควรได้รับโทษจำคุกให้มีอำนาจเปรียบเทียบได้
          เมื่อผู้ต้องหาได้ชำระค่าปรับตามจำนวนที่เปรียบเทียบภายในระยะเวลา
ที่กำหนดแล้ว ให้ถือว่าคดีเลิกกันตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
          ถ้าผู้ต้องหาไม่ยินยอมตามที่เปรียบเทียบ หรือเมื่อยินยอมแล้วไม่ชำระเงิน
ค่าปรับภายในระยะเวลาที่กำหนดให้ดำเนินคดีต่อไป

                           บทเฉพาะกาล

          มาตรา ๘๘  ให้โอนบรรดากิจการ เงิน ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และความรับผิด
ตลอดจนงบประมาณขององค์การรถไฟฟ้ามหานครตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การ
รถไฟฟ้ามหานคร พ.ศ. ๒๕๓๕ ที่มีอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับไปเป็นของ รฟม.

          มาตรา ๘๙  ให้ผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการ พนักงาน และลูกจ้างของ
องค์การรถไฟฟ้ามหานครตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การรถไฟฟ้ามหานคร พ.ศ. ๒๕๓๕
ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ เป็นผู้ว่าการ รองผู้ว่าการ พนักงาน
และลูกจ้างของ รฟม. แล้วแต่กรณี ตามพระราชบัญญัตินี้ โดยให้ได้รับเงินเดือน ค่าจ้าง
รวมทั้งสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เท่าที่เคยได้รับอยู่เดิม และให้นับเวลาการทำงานของบุคคล
ดังกล่าวในองค์การรถไฟฟ้ามหานครต่อเนื่องกันด้วย สำหรับผู้ว่าการให้ถือว่าเป็นวาระ
การดำรงตำแหน่งวาระแรกตามพระราชบัญญัตินี้ เว้นแต่กฎหมายว่าด้วยคุณสมบัติมาตรฐาน
สำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจจะบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น

          มาตรา ๙๐  ในกรณีที่กฎหมายว่าด้วยคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการ
และพนักงานรัฐวิสาหกิจได้มีบทบัญญัติเกี่ยวกับคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้าม วิธีการแต่งตั้ง
กำหนดเงินเดือนหรือค่าจ้าง เงื่อนไขการปฏิบัติงาน วาระการดำรงตำแหน่งและการพ้น
จากตำแหน่งของกรรมการ ผู้ว่าการ และพนักงานเป็นอย่างอื่นแตกต่างจากพระราชบัญญัตินี้
ให้ใช้บทบัญญัติตามกฎหมายว่าด้วยคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ
ในเรื่องดังกล่าวแทนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ในบทมาตราที่มีนัยเช่นเดียวกัน

          มาตรา ๙๑  ให้กองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงานองค์การรถไฟฟ้ามหานคร
ซึ่งจดทะเบียนแล้ว ที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. ๒๕๓๐
ยังคงอยู่ต่อไป โดยให้ รฟม. ที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัตินี้มีฐานะเป็นนายจ้าง

          มาตรา ๙๒  ให้ประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งดำรงตำแหน่ง
อยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ เป็นประธานกรรมการ หรือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของ รฟม.
แล้วแต่กรณี ตามพระราชบัญญัตินี้ต่อไป แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินหกสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้
ใช้บังคับ

          มาตรา ๙๓  บรรดาข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง หรือประกาศใด ๆ ขององค์การ
รถไฟฟ้ามหานคร ซึ่งใช้บังคับอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับคงใช้บังคับได้ต่อไปเพียงเท่าที่
ไม่ขัดหรือแย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ จนกว่าจะได้มีการออกข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง
หรือประกาศตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

      ชวน  หลีกภัย
      นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชกฤษฎีการจัดตั้ง
องค์การรถไฟฟ้ามหานคร พ.ศ. ๒๕๓๕ มีบทบัญญัติที่ยังไม่เพียงพอต่อการจัดทำ จัดการและการ
ให้บริการขนส่งมวลชนด้วยระบบรถไฟฟ้ารวมทั้งการดูแลรักษาความปลอดภัยสาธารณะ ทำให้
องค์การรถไฟฟ้ามหานครมีข้อจำกัดในการใช้อำนาจตามกฎหมายและไม่สามารถให้บริการได้
อย่างมีประสิทธิภาพประกอบกับการขนส่งมวลชนโดยระบบรถไฟฟ้าได้ทวีความจำเป็นยิ่งขึ้น
อย่างมากทั้งในปัจจุบันและอนาคต สมควรปรับปรุงอำนาจหน้าที่ขององค์การรถไฟฟ้ามหานคร
ให้สามารถดำเนินกิจการรถไฟฟ้าให้เป็นระบบและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตรา
พระราชบัญญัตินี้
(ร.จ. เล่ม ๑๑๗  ตอนที่ ๑๑๔  ก หน้า ๑   วันที่ ๑ ธันวาคม  ๒๕๔๓)