พระราชบัญญัติ
           คุ้มครองการดำเนินงานของสถาบันประกันการลงทุนพหุภาคี
                            พ.ศ. ๒๕๔๓
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
                 ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๓
                     เป็นปีที่ ๕๕ ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรด
เกล้า ฯ ให้ประกาศว่า
          โดยที่เป็นการสมควรให้มีกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองการดำเนินงานของ
สถาบันประกันการลงทุนพหุภาคี
          จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและ
ยินยอมของรัฐสภาดังต่อไปนี้

          มาตรา ๑  พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงาน
ของสถาบันประกันการลงทุนพหุภาคี พ.ศ. ๒๕๔๓"

          มาตรา ๒  พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

          มาตรา ๓  ในพระราชบัญญัตินี้
          "สถาบัน" หมายความว่า สถาบันประกันการลงทุนพหุภาคีที่จัดตั้งขึ้นตามอนุสัญญา
ว่าด้วยการจัดตั้งสถาบันประกันการลงทุนพหุภาคี เมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๑

         มาตรา ๔  เพื่อคุ้มครองการดำเนินงานในประเทศไทยของสถาบัน
ให้บรรลุผลตามความมุ่งประสงค์
         (๑) ให้ยอมรับนับถือว่าสถาบันเป็นนิติบุคคล และให้ถือว่ามีภูมิลำเนา
ในประเทศไทย
         (๒) ทรัพย์สิน สินทรัพย์ และบรรณสารของสถาบัน ผู้ว่าการ กรรมการ
ผู้แทนสำรอง ประธาน และพนักงานของสถาบัน ได้รับเอกสิทธิ์และความคุ้มกันตามที่ระบุไว้
ในอนุสัญญาว่าด้วยการจัดตั้งสถาบันประกันการลงทุนพหุภาคี หรือที่รัฐบาลจะได้ทำความตกลง
ต่อไปกับสถาบัน

         มาตรา ๕  ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงการต่างประเทศรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

      ชวน  หลีกภัย
      นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ประเทศไทยมี
พันธกรณีตามอนุสัญญาว่าด้วยการจัดตั้งสถาบันประกันการลงทุนพหุภาคี ซึ่งตามอนุสัญญา
ดังกล่าวได้กำหนดให้สถาบันประกันการลงทุนพหุภาคีเป็นนิติบุคคลและให้มีสำนักงานตั้ง
อยู่ในประเทศไทยได้ โดยที่สถาบันและพนักงานของสถาบันจะได้รับเอกสิทธิ์และความ
คุ้มกันในการดำเนินงานและการปฏิบัติงานของสถาบันในประเทศไทย ดังนั้น เพื่ออนุวัติ
การให้เป็นไปตามพันธกรณีที่อนุสัญญาดังกล่าวได้กำหนดไว้ จึงจำเป็นต้องตราพระราช
บัญญัตินี้
(ร.จ. เล่ม ๑๑๗  ตอนที่ ๓๗ ก  หน้า ๑๒   วันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๔๓)