พระราชบัญญัติ
                   กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (ฉบับที่ ๒)
                            พ.ศ. ๒๕๔๒
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
                 ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๒
                     เป็นปีที่ ๕๔ ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรด
เกล้า ฯ ให้ประกาศว่า
          โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
          จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและ
ยินยอมของรัฐสภาดังต่อไปนี้

          มาตรา ๑  พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๓"

          มาตรา ๒  พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่
วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เว้นแต่มาตรา ๔ ให้ใช้บังคับตั้งแต่
วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

          มาตรา ๓  ให้ยกเลิกบทนิยามคำว่า "นายทะเบียน" ในมาตรา ๓
แห่งพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. ๒๕๓๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
          ""นายทะเบียน" หมายความว่า บุคคลซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นนายทะเบียน
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ"

          มาตรา ๔  ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติ
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. ๒๕๓๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
          "มาตรา ๑๐  ทุกครั้งที่มีการจ่ายค่าจ้าง ให้ลูกจ้างจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุน
โดยให้นายจ้างหักจากค่าจ้างและให้นายจ้างจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนตามอัตราที่กำหนด
ในข้อบังคับของกองทุน แต่ข้อบังคับนั้นจะต้องกำหนดให้หักค่าจ้างเป็นเงินสะสมเข้า
กองทุนในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละสองแต่ไม่เกินร้อยละสิบห้าของค่าจ้าง และให้นายจ้าง
จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนตามจำนวนลูกจ้างในอัตราไม่ต่ำกว่าเงินสะสมของลูกจ้าง"

          มาตรา ๕  ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติกองทุน
สำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. ๒๕๓๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
          "มาตรา ๑๒  ให้รัฐมนตรีมีอำนาจและหน้าที่กำกับและควบคุมโดยทั่วไป
เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้
          เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามวรรคหนึ่ง รัฐมนตรีอาจมอบหมายให้หน่วยงานใด
ในสังกัดปฏิบัติหน้าที่แทน และจะมอบหมายให้แต่งตั้งพนักงานของหน่วยงานนั้นเป็นพนักงาน
เจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ก็ได้"

          มาตรา ๖  ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๑๒ ทวิ และมาตรา ๑๒ ตรี
แห่งพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. ๒๕๓๐
          "มาตรา ๑๒ ทวิ  ให้นายทะเบียนมีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลการจัดการกองทุน
และมีอำนาจสั่งให้ผู้จัดการกองทุนชี้แจงข้อเท็จจริงและทำรายงานเกี่ยวกับการจัดการกองทุนได้
          ในกรณีที่นายทะเบียนเห็นว่าผู้จัดการกองทุนใดจัดการกองทุนในลักษณะที่อาจ
เป็นเหตุให้เสียหายแก่กองทุน นายทะเบียนมีอำนาจสั่งให้ผู้จัดการกองทุนแก้ไขหรือระงับ
การกระทำนั้นหรือสั่งถอดถอนผู้จัดการกองทุนได้
          มาตรา ๑๒ ตรี  ให้นายทะเบียนจัดทำรายงานเกี่ยวกับการกำกับดูแล
การจัดการกองทุนเสนอต่อรัฐมนตรีอย่างน้อยปีละสองครั้ง
          เพื่อประโยชน์ในการกำกับและควบคุมให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้
รัฐมนตรีอาจสั่งให้นายทะเบียนรายงานผลการดำเนินงานหรือชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องหนึ่ง
เรื่องใดเพิ่มเติมก็ได้"

          มาตรา ๗  ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๓ และมาตรา ๑๔ แห่งพระราชบัญญัติ
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. ๒๕๓๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
          "มาตรา ๑๓  การจัดการกองทุนจะต้องดำเนินการโดยบุคคลซึ่งมิใช่นายจ้าง
และได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนส่วนบุคคลตาม
กฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
          มาตรา ๑๔  ในการจัดการกองทุน ให้ผู้จัดการกองทุนมีหน้าที่และอยู่ใน
บังคับบทบัญญัติเกี่ยวกับการจัดการกองทุนส่วนบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์
และตลาดหลักทรัพย์ด้วย"

          มาตรา ๘  ให้ยกเลิกมาตรา ๑๖ มาตรา ๑๗ มาตรา ๑๘ และมาตรา ๑๙
แห่งพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. ๒๕๓๐

          มาตรา ๙  ให้ยกเลิกความในมาตรา ๒๐ และมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติ
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. ๒๕๓๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
          "มาตรา ๒๐  ผู้จัดการกองทุนพ้นจากการเป็นผู้จัดการกองทุนก่อนครบ
กำหนดสัญญา เมื่อ
          (๑) นายทะเบียนสั่งถอดถอนตามมาตรา ๑๒ ทวิ วรรคสอง
          (๒) ขาดคุณสมบัติในการเป็นผู้จัดการกองทุน
          (๓) กองทุนหรือผู้จัดการกองทุนบอกเลิกสัญญาหรือ
          (๔) กองทุนเลิกตามมาตรา ๒๕
          มาตรา ๒๑  ในกรณีที่ผู้จัดการกองทุนพ้นจากการเป็นผู้จัดการกองทุน
ตามมาตรา ๒๐ (๑) (๒) หรือ (๓) ให้คณะกรรมการกองทุนแต่งตั้งผู้จัดการกองทุนใหม่
ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ผู้จัดการกองทุนเดิมพ้นตำแหน่ง และให้แจ้งการแต่งตั้ง
ผู้จัดการกองทุนใหม่แก่นายทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่แต่งตั้ง"

          มาตรา ๑๐  ให้ยกเลิกความใน (๔) ของมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติ
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. ๒๕๓๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
          "(๔) นายทะเบียนสั่งให้เลิกกองทุนตามมาตรา ๒๗"

          มาตรา ๑๑  ให้ยกเลิกความในมาตรา ๒๖ และมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติ
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. ๒๕๓๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
          "มาตรา ๒๖  เมื่อกองทุนเลิกตามมาตรา ๒๕ (๑) (๒) หรือ (๓)
ให้คณะกรรมการกองทุนแจ้งให้นายทะเบียนทราบภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่กองทุนเลิก
และให้คณะกรรมการกองทุนจัดให้มีการชำระบัญชีภายในสามสิบวัน และให้แล้วเสร็จ
ภายในหนึ่งร้อยห้าสิบวันนับแต่วันที่กองทุนเลิก เว้นแต่กรณีจำเป็นนายทะเบียนจะอนุมัติ
ให้ขยายเวลาออกไปได้ตามที่เห็นสมควร
          มาตรา ๒๗  นายทะเบียน โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีมีอำนาจ
สั่งให้เลิกกองทุนได้ในกรณีดังต่อไปนี้
          (๑) มีพฤติการณ์ที่ทำให้เห็นว่าการดำเนินงานของกองทุนขัดต่อวัตถุประสงค์
หรือขัดต่อกฎหมาย
          (๒) มีพฤติการณ์ที่ทำให้เห็นว่ากิจการของกองทุนไม่อาจดำเนินต่อไปได้
ไม่ว่าเพราะเหตุใด
          เมื่อนายทะเบียนสั่งให้เลิกกองทุนตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้มีการชำระบัญชี
และให้นายทะเบียนแต่งตั้งผู้ชำระบัญชี"

          มาตรา ๑๒  ให้ยกเลิกความในมาตรา ๓๑ แห่งพระราชบัญญัติกองทุน
สำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. ๒๕๓๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
          "มาตรา ๓๑  ในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัว
แก่บุคคลซึ่งเกี่ยวข้อง
          บัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้เป็นไปตามแบบที่นายทะเบียนประกาศ
กำหนด"

          มาตรา ๑๓  ให้ยกเลิกความในมาตรา ๓๔ และมาตรา ๓๕ แห่งพระราช
บัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. ๒๕๓๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
          "มาตรา ๓๔  คณะกรรมการกองทุนใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๑๑ วรรคสอง
มาตรา ๒๑ มาตรา ๒๕ วรรคสาม หรือมาตรา ๒๖ หรือแต่งตั้งบุคคลซึ่งไม่มีคุณสมบัติ
ตามมาตรา ๑๓ เป็นผู้จัดการกองทุน ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
          มาตรา ๓๕  ผู้จัดการกองทุนใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายทะเบียนตาม
มาตรา ๑๒ ทวิ หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๒๓ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท"

          มาตรา ๑๔  ให้ยกเลิกมาตรา ๓๖ มาตรา ๓๘ และมาตรา ๓๙
แห่งพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. ๒๕๓๐

          มาตรา ๑๕  ให้ผู้จัดการกองทุนที่ได้รับแต่งตั้งให้จัดการกองทุนที่ลูกจ้าง
และนายจ้างตกลงกันจัดตั้งขึ้นก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับจัดการกองทุนดังกล่าว
ได้ต่อไปอีกไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ และให้นำบทบัญญัติในส่วน
ที่เกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้จัดการกองทุนและการจัดการกองทุน รวมทั้งบทกำหนดโทษ
ในเรื่องดังกล่าวที่ใช้บังคับอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ มาใช้บังคับกับผู้จัดการ
กองทุนในระหว่างเวลาดังกล่าว
          เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลการจัดการกองทุนของผู้จัดการกองทุน
ตามวรรคหนึ่ง นายทะเบียนอาจประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขให้
ผู้จัดการกองทุนต้องปฏิบัติเพิ่มเติมได้
          ในกรณีที่ผู้จัดการกองทุนตามวรรคหนึ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับใบอนุญาต
ให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนส่วนบุคคลตามกฎหมายว่าด้วย
หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์อยู่แล้ว และกองทุนประสงค์ที่จะให้ผู้จัดการกองทุนนั้น
จัดการกองทุนตามบทบัญญัติที่เกี่ยวกับการจัดการกองทุนส่วนบุคคลตามกฎหมายว่าด้วย
หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ให้ผู้จัดการกองทุนยื่นคำขอต่อนายทะเบียน และเมื่อ
ได้รับความเห็นชอบแล้วจึงจะดำเนินการตามที่ยื่นขอได้

          มาตรา ๑๖  ผู้จัดการกองทุนใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขที่นายทะเบียนกำหนดตามมาตรา ๑๕ วรรคสอง ต้องระวางโทษ
ปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท

          มาตรา ๑๗  ความผิดตามมาตรา ๑๖ ให้คณะกรรมการซึ่งรัฐมนตรี
แต่งตั้งตามมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. ๒๕๓๐
มีอำนาจเปรียบเทียบได้

          มาตรา ๑๘  บรรดากฎกระทรวงที่เกี่ยวกับหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข
ในการจัดการกองทุน ประกาศกระทรวงการคลัง ประกาศสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
คำสั่ง และหนังสือเวียนเกี่ยวกับการจัดการกองทุน ให้ยังคงใช้บังคับกับผู้จัดการกองทุน
ตามมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัตินี้ได้ต่อไปอีกไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้
ใช้บังคับ

          มาตรา ๑๙  ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

       ชวน  หลีกภัย
       นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากการจัดการกอง
ทุนสำรองเลี้ยงชีพตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นการประกอบธุรกิจการจัด
การลงทุนประเภทหนึ่งซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัด
การกองทุนส่วนบุคคล ดังนั้น เพื่อให้การจัดการกองทุนดังกล่าวเป็นไปตามมาตรฐานและหลัก
การเดียวกันกับการจัดการกองทุนส่วนบุคคล รวมทั้งเพื่อบรรเทาภาระการจ่ายเงินเข้ากอง
ทุนสำรองเลี้ยงชีพของนายจ้างและลูกจ้างให้น้อยลง สมควรปรับปรุงอำนาจของรัฐมนตรี
และนายทะเบียนในการกำกับดูแลการจัดการกองทุนให้เหมาะสมยิ่งขึ้นและกำหนดให้การ
จัดการกองทุนดังกล่าวอยู่ภายใต้บังคับบทบัญญัติที่เกี่ยวกับการจัดการกองทุนส่วนบุคคลตาม
กฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
(ร.จ. เล่ม ๑๑๖  ตอนที่ ๑๓๗ ก  หน้า  ๙  วันที่  ๓๐ ธันวาคม  ๒๕๔๒)