พระราชบัญญัติ
                         กักพืช (ฉบับที่ ๒)
                            พ.ศ. ๒๕๔๒
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
                 ให้ไว้ ณ วันที่  ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๒
                      เป็นปีที่ ๕๔ ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรด
เกล้า ฯ ให้ประกาศว่า
          โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการกักพืช
          พระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพ
ของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๕ มาตรา ๔๘ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญ
แห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
          จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและ
ยินยอมของรัฐสภาดังต่อไปนี้

          มาตรา ๑  พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติกักพืช (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๔๒"

          มาตรา ๒  พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

          มาตรา ๓  ให้ยกเลิกความในมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติกักพืช
พ.ศ. ๒๕๐๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
          "มาตรา ๔  ในพระราชบัญญัตินี้
          "พืช" หมายความว่า พันธุ์พืชทุกชนิดทั้งพืชบก พืชน้ำ และพืชประเภทอื่น
รวมทั้งส่วนหนึ่งส่วนใดของพืช เช่น ต้น ตา ตอ แขนง หน่อ กิ่ง ใบ ราก เหง้า หัว
ดอก ผล เมล็ด เชื้อและสปอร์ของเห็ด ไม่ว่าที่ยังทำพันธุ์ได้หรือตายแล้ว และให้
หมายความรวมถึงตัวห้ำ ตัวเบียน ตัวไหม ไข่ไหม รังไหม ผึ้ง รังผึ้ง และจุลินทรีย์ด้วย
          "พืชควบคุม" หมายความว่า พืชที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา
ให้เป็นพืชควบคุม
          "เชื้อพันธุ์พืช" หมายความว่า กลุ่มเซลล์ที่มีหน่วยพันธุกรรมหลากหลาย
ซึ่งถ่ายทอดได้ที่รวมตัวกันเป็นชิ้นส่วนของพืชที่ยังมีชีวิตและขยายพันธุ์ได้ ไม่ว่าจะอยู่ในรูป
ของเมล็ด เนื้อเยื่อหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของพืช และให้หมายความรวมถึงสารพันธุกรรม
ซึ่งสามารถถ่ายทอดลักษณะที่สารพันธุกรรมนั้นควบคุมอยู่ได้ ทั้งนี้ เฉพาะที่ใช้ประโยชน์
ในการปรับปรุงพันธุ์
          "ดิน" หมายความว่า ดินชนิดที่มีอินทรีย์วัตถุหรือเป็นที่อาศัยของศัตรูพืชได้
          "ศัตรูพืช" หมายความว่า สิ่งซึ่งเป็นอันตรายแก่พืช เช่น เชื้อโรคพืช แมลง
สัตว์ หรือพืชที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่พืช
          "พาหะ" หมายความว่า เครื่องปลูก ดิน ทราย ภาชนะ หรือสิ่งอื่นที่ใช้ห่อหุ้ม
มาพร้อมกับพืช ปุ๋ยอินทรีย์หรือสิ่งอื่นใดที่อาจเป็นสื่อนำศัตรูพืช
          "สิ่งต้องห้าม" หมายความว่า พืช ศัตรูพืชและพาหะที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด
ในราชกิจจานุเบกษาให้เป็นสิ่งต้องห้าม
          "สิ่งกำกัด" หมายความว่า พืช ศัตรูพืชและพาหะที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด
ในราชกิจจานุเบกษาให้เป็นสิ่งกำกัด
          "สิ่งไม่ต้องห้าม" หมายความว่า พืชอย่างอื่นที่ไม่เป็นสิ่งต้องห้ามหรือสิ่งกำกัด
          "เจ้าของ" หมายความรวมถึง ตัวแทนเจ้าของ ผู้ครอบครองสิ่งของและ
ผู้ควบคุมยานพาหนะขนส่งสิ่งของนั้นด้วย
          "นำเข้า" หมายความว่า นำหรือสั่งให้ส่งเข้ามาในราชอาณาจักรไม่ว่า
ด้วยวิธีใด ๆ
          "นำผ่าน" หมายความว่า นำหรือส่งผ่านราชอาณาจักรโดยมีการขนลง
หรือขนถ่ายยานพาหนะ
          "ส่งออก" หมายความว่า นำหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรไม่ว่าด้วยวิธีใด ๆ
          "ด่านตรวจพืช" หมายความว่า ด่านตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดใน
ราชกิจจานุเบกษาเพื่อตรวจพืช สิ่งต้องห้าม สิ่งกำกัด และเชื้อพันธุ์พืชที่นำเข้าหรือนำผ่าน
          "สถานกักพืช" หมายความว่า สถานที่ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดใน
ราชกิจจานุเบกษาให้เป็นที่สำหรับกักพืช สิ่งต้องห้าม สิ่งกำกัด และเชื้อพันธุ์พืช เพื่อสังเกต
ตรวจสอบและวิจัย
          "เขตควบคุมศัตรูพืช" หมายความว่า ท้องที่ที่อธิบดีประกาศกำหนดใน
ราชกิจจานุเบกษาให้เป็นเขตป้องกันหรือกำจัดศัตรูพืช
          "คณะกรรมการ" หมายความว่า คณะกรรมการกักพืช
          "อธิบดี" หมายความว่า อธิบดีกรมวิชาการเกษตร
          "พนักงานเจ้าหน้าที่" หมายความว่า อธิบดีและผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้
ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
          "รัฐมนตรี" หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้"

          มาตรา ๔  ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๕ ทวิ มาตรา ๕ ตรี
มาตรา ๕ จัตวา มาตรา ๕ เบญจ มาตรา ๕ ฉ และมาตรา ๕ สัตต แห่งพระราชบัญญัติ
กักพืช พ.ศ. ๒๕๐๗
          "มาตรา ๕ ทวิ  ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า "คณะกรรมการกักพืช"
ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธานกรรมการ อธิบดีกรมประมง
หรือผู้แทน อธิบดีกรมปศุสัตว์หรือผู้แทน อธิบดีกรมป่าไม้หรือผู้แทน อธิบดีกรมวิชาการเกษตร
หรือผู้แทน อธิบดีกรมศุลกากรหรือผู้แทน อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรหรือผู้แทน
เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดหรือผู้แทน ผู้อำนวยการการท่าเรือ
แห่งประเทศไทยหรือผู้แทน ผู้ว่าการการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยหรือผู้แทน ผู้ว่าการ
การสื่อสารแห่งประเทศไทยหรือผู้แทน ผู้อำนวยการศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยี
ชีวภาพแห่งชาติหรือผู้แทน ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์และผู้แทนกระทรวงมหาดไทยแห่งละหนึ่งคน
และผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งอีกไม่เกินสี่คน เป็นกรรมการ และให้ผู้อำนวยการ
กองควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร กรมวิชาการเกษตร เป็นกรรมการและเลขานุการ
          ให้กรมวิชาการเกษตรทำหน้าที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับงานวิชาการ งานธุรการ
และดำเนินงานตามมติของคณะกรรมการให้แก่คณะกรรมการ
          มาตรา ๕ ตรี  กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสองปี
แต่อาจได้รับแต่งตั้งอีกได้
          ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระหรือในกรณีที่รัฐมนตรี
แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพิ่มขึ้นในระหว่างที่กรรมการซึ่งแต่งตั้งไว้แล้วยังมีวาระอยู่
ในตำแหน่ง ให้ผู้ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนหรือให้เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพิ่มขึ้น
อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
          มาตรา ๕ จัตวา  นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามมาตรา ๕ ตรี
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
          (๑) ตาย
          (๒) ลาออก
          (๓) รัฐมนตรีให้ออก
          (๔) เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ
          (๕) ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับ
ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
          มาตรา ๕ เบญจ  ในการประชุมของคณะกรรมการ ต้องมีกรรมการมาประชุม
ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม ถ้าประธานกรรมการไม่มา
ประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้กรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็น
ประธานในที่ประชุม
          การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งให้มี
เสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้น
อีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
          มาตรา ๕ ฉ  ให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ให้คำแนะนำแก่รัฐมนตรี
ในเรื่องดังต่อไปนี้
          (๑) การกำหนดชื่อพืช ศัตรูพืช หรือพาหะเป็นสิ่งต้องห้ามหรือสิ่งกำกัด
และการกำหนดชื่อเชื้อพันธุ์พืชที่จะควบคุมและการกำหนดพืชควบคุม
          (๒) การกำหนดด่านตรวจพืชและสถานกักพืช
          (๓) การออกกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัตินี้
          (๔) ปฏิบัติการอื่นใดที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ
          มาตรา ๕ สัตต  คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งอนุกรรมการคณะหนึ่งหรือ
หลายคณะ เพื่อปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่คณะกรรมการมอบหมาย
          ให้นำมาตรา ๕ เบญจ มาใช้บังคับแก่การประชุมของคณะอนุกรรมการ
โดยอนุโลม"

          มาตรา ๕  ให้ยกเลิกความในมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติกักพืช
พ.ศ. ๒๕๐๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
          "มาตรา ๖  เมื่อมีกรณีจำเป็นจะต้องป้องกันศัตรูพืชชนิดหนึ่งชนิดใดมิให้ระบาด
เข้ามาในราชอาณาจักร ให้รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการมีอำนาจประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษากำหนดชื่อพืช ศัตรูพืช หรือพาหะชนิดใดเป็นสิ่งต้องห้ามหรือสิ่งกำกัด
ตามพระราชบัญญัตินี้ แล้วแต่กรณี และในประกาศนั้นจะระบุกำหนดชื่อพืช ศัตรูพืช หรือพาหะ
ชนิดใด จากแหล่งใด หรือจะกำหนดข้อยกเว้นหรือเงื่อนไขใด ๆ ไว้ด้วยก็ได้
          ในการกำหนดเงื่อนไขเพื่อป้องกันศัตรูพืชชนิดใดโดยเฉพาะมิให้ระบาดเข้ามา
ในราชอาณาจักรนั้น รัฐมนตรีจะกำหนดให้ผู้เดินทางมาจากแหล่งที่มีศัตรูพืชชนิดนั้นกำลัง
ระบาดอยู่แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามแบบที่อธิบดีกำหนดไว้อีกด้วยก็ได้
          สิ่งต้องห้ามหรือสิ่งกำกัดดังกล่าวในวรรคหนึ่ง เมื่อหมดความจำเป็นแล้ว
ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพิกถอนเสีย"

          มาตรา ๖  ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๖ ทวิ และมาตรา ๖ ตรี
แห่งพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. ๒๕๐๗
          "มาตรา ๖ ทวิ  เพื่อควบคุมและป้องกันการระบาดของศัตรูพืช
ให้รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการมีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษากำหนด
ชื่อเชื้อพันธุ์พืชที่จะควบคุม
          ห้ามมิให้ผู้ใดนำเข้าหรือส่งออกซึ่งเชื้อพันธุ์พืชที่รัฐมนตรีประกาศตามวรรคหนึ่ง
เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากอธิบดี และในการนำเข้าจะต้องมีใบรับรองปลอดศัตรูพืชกำกับมาด้วย
          การขออนุญาตและการอนุญาตตามวรรคสองให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด
          มาตรา ๖ ตรี  ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าไปในแหล่งปลูกพืช
สถานที่รวบรวมหรือเก็บรักษาเชื้อพันธุ์พืชที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดตามมาตรา ๖ ทวิ
วรรคหนึ่ง ในระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกหรือในเวลาทำการ เพื่อตรวจสอบ
และศึกษาการใช้ประโยชน์ของเชื้อพันธุ์พืช ในการนี้ให้มีอำนาจสอบถามข้อเท็จจริงหรือ
เรียกใบอนุญาตหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องจากเจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งปลูกพืชหรือ
สถานที่นั้นได้"

          มาตรา ๗  ให้ยกเลิกความในมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติกักพืช
พ.ศ. ๒๕๐๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
          "มาตรา ๗  ให้รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการมีอำนาจประกาศ
ในราชกิจจานุเบกษากำหนดท่าเรือ ท่าอากาศยาน หรือสถานที่แห่งใดอันมีเขตกำหนด
เป็นด่านตรวจพืชหรือเป็นสถานกักพืชได้"

          มาตรา ๘  ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๓ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๑๕
แห่งพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. ๒๕๐๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
          "มาตรา ๑๓  เพื่อป้องกันศัตรูพืชมิให้ระบาดเข้ามาในราชอาณาจักร
ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจปฏิบัติการเกี่ยวกับพืช สิ่งต้องห้าม สิ่งกำกัด หรือเชื้อพันธุ์พืช
ที่นำเข้าหรือนำผ่านดังต่อไปนี้
          (๑) รมยา พ่นยา หรือใช้วิธีการอื่นใดตามที่เห็นจำเป็น โดยเจ้าของเป็น
ผู้ออกค่าใช้จ่าย
          (๒) ยึดหรือกักไว้ ณ สถานกักพืชหรือ ณ ที่ใด ๆ ตามกำหนดเวลาที่เห็นจำเป็น
          (๓) สั่งให้ผู้นำเข้าซึ่งพืช สิ่งต้องห้าม สิ่งกำกัด หรือเชื้อพันธุ์พืชที่มีศัตรูพืช
ติดเข้ามาด้วย ส่งสิ่งนั้นออกไปนอกราชอาณาจักร
          (๔) ทำลายเท่าที่เห็นจำเป็น ในกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อว่ามีศัตรูพืช
          มาตรา ๑๔  ห้ามมิให้บุคคลใดนำพืช สิ่งต้องห้าม สิ่งกำกัด หรือเชื้อพันธุ์พืช
ออกไปจากด่านตรวจพืช สถานกักพืช หรือยานพาหนะในกรณีนำผ่านราชอาณาจักร หรือจาก
ที่ใด ๆ ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้สั่งยึดหรือกักไว้ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจาก
พนักงานเจ้าหน้าที่
          มาตรา ๑๕  บุคคลใดประสงค์จะขอใบรับรองปลอดศัตรูพืชเพื่อแสดงว่าพืช
หรือผลิตผลของพืชที่จะส่งออกนั้นปลอดศัตรูพืช ให้ยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ โดยต้อง
เสียค่าธรรมเนียมและค่าตรวจสอบศัตรูพืชตามที่กำหนดในกฎกระทรวง และต้องเสียค่าใช้จ่าย
ในการกำจัดศัตรูพืชและค่าบรรจุหีบห่อเท่าที่จำเป็นและใช้จ่ายไปจริง
          การขอใบรับรองปลอดศัตรูพืชและการออกใบรับรองปลอดศัตรูพืชให้เป็นไป
ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง"

          มาตรา ๙  ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๑๕ ทวิ มาตรา ๑๕ ตรี
และมาตรา ๑๕ จัตวา แห่งพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. ๒๕๐๗
          "มาตรา ๑๕ ทวิ  เพื่อประโยชน์ในการป้องกันมิให้ศัตรูพืชระบาดออกไป
นอกราชอาณาจักร ให้รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการมีอำนาจประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษากำหนดชื่อพืชชนิดใดเป็นพืชควบคุมได้
          บุคคลใดประสงค์จะส่งออกพืชควบคุมตามวรรคหนึ่ง จะต้องมีใบรับรอง
ปลอดศัตรูพืชตามมาตรา ๑๕ วรรคสอง กำกับไปด้วย
          มาตรา ๑๕ ตรี  ในกรณีที่ใบรับรองปลอดศัตรูพืชสูญหาย หรือถูกทำลาย
ในสาระสำคัญและผู้รับใบรับรองดังกล่าวต้องการใบแทน ให้ยื่นคำขอรับใบแทนต่อพนักงาน
เจ้าหน้าที่
          การขอรับใบแทนใบรับรองปลอดศัตรูพืชและการออกใบแทนใบรับรองปลอดศัตรูพืช
ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด
          มาตรา ๑๕ จัตวา  เพื่อประโยชน์ในการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ปลูกพืช
เพื่อการส่งออก บุคคลใดประสงค์จะขอให้พนักงานเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจหรือให้คำแนะนำ
เกี่ยวกับการกำจัดศัตรูพืชในโรงเรือนปลูกพืชหรือแปลงปลูกพืชเพื่อการส่งออก ให้ยื่นคำขอ
เพื่อขึ้นทะเบียนสถานที่เพาะปลูกพืชเพื่อการส่งออกต่อกรมวิชาการเกษตร
          การขอขึ้นทะเบียนและการขึ้นทะเบียนให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด"

          มาตรา ๑๐  ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติกักพืช
พ.ศ. ๒๕๐๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
          "มาตรา ๑๖  บุคคลใดประสงค์จะให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานตาม
พระราชบัญญัตินี้ในวันหยุดราชการหรือนอกเวลาราชการ หรือนอกสถานที่ราชการไม่ว่าใน
หรือนอกเวลาราชการ จะต้องเสียค่าป่วยการสำหรับการที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติงาน
ดังกล่าวตามอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง และต้องจ่ายค่าพาหนะเดินทางให้แก่พนักงาน
เจ้าหน้าที่เท่าที่จำเป็นและใช้จ่ายไปจริง
          หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจ่ายค่าป่วยการและค่าพาหนะเดินทาง
ตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด"

          มาตรา ๑๑  ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๙ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ
กักพืช พ.ศ. ๒๕๐๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
          "ในกรณีที่มีศัตรูพืชชนิดที่อาจก่อความเสียหายร้ายแรงมาก ซึ่งหากไม่รีบ
ทำลายเสียอาจจะระบาดลุกลามทำความเสียหายได้มาก พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจสั่งให้
เจ้าของจัดการทำลายพืช ศัตรูพืช และพาหะนั้นเสีย หรือในกรณีจำเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่
จะจัดการทำลายเสียเอง โดยอธิบดีจะสั่งให้เจ้าของเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายในการทำลาย
เท่าที่จำเป็นและใช้จ่ายไปจริงก็ได้"

          มาตรา ๑๒  ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๒๐ ทวิ มาตรา ๒๐ ตรี
และมาตรา ๒๐ จัตวา แห่งพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. ๒๕๐๗
          "มาตรา ๒๐ ทวิ  เงินที่ได้จากค่าตรวจสอบศัตรูพืชตามมาตรา ๑๕
และค่าป่วยการตามมาตรา ๑๖ มิให้ถือว่าเป็นรายรับตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ
และให้นำไปใช้จ่ายในกิจการที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้โดยเฉพาะ จะจ่ายเพื่อการอื่นมิได้
          มาตรา ๒๐ ตรี  ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๖ วรรคสอง หรือฝ่าฝืน
มาตรา ๖ ทวิ วรรคสอง มาตรา ๙ หรือมาตรา ๑๘ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน
สองหมื่นบาท
          มาตรา ๒๐ จัตวา  ผู้ใดขัดขืนหรือขัดขวางมิให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติ
ตามมาตรา ๖ ตรี ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท"

          มาตรา ๑๓  ให้ยกเลิกความในมาตรา ๒๑ มาตรา ๒๒ มาตรา ๒๓
มาตรา ๒๔ มาตรา ๒๕ และมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. ๒๕๐๗
และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
          "มาตรา ๒๑  ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๘ หรือมาตรา ๑๔ หรือไม่ปฏิบัติตาม
มาตรา ๑๐ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
          มาตรา ๒๒  ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๑๑ หรือมาตรา ๑๕ ทวิ วรรคสอง
ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท
          มาตรา ๒๓  ผู้ใดขัดขืนหรือขัดขวางมิให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามมาตรา ๑๒
หรือมาตรา ๑๓ (๑) (๒) หรือ (๔) หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่สั่ง
ตามมาตรา ๑๓ (๓) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
          มาตรา ๒๔  ผู้ใดขัดคำสั่งหรือขัดขวางการกระทำของพนักงานเจ้าหน้าที่
ที่ปฏิบัติตามมาตรา ๑๙ วรรคสอง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกิน
หนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
          มาตรา ๒๕  บรรดาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ที่มีโทษปรับสถานเดียว
ให้อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายมีอำนาจเปรียบเทียบปรับได้
          มาตรา ๒๖  บรรดาพืช ศัตรูพืช หรือพาหะภายใต้บังคับแห่งพระราชบัญญัตินี้
ที่มิได้นำเข้ามาทางด่านตรวจพืชก็ดี หรือนำเข้าหรือนำผ่านราชอาณาจักรโดยไม่ชอบด้วย
พระราชบัญญัตินี้ด้วยประการใด ๆ ก็ดี หรือพืช ศัตรูพืชหรือพาหะ ซึ่งเป็นวัตถุแห่งการกระทำผิด
เกี่ยวกับเขตควบคุมพืชตามที่ระบุไว้ในมาตรา ๘ มาตรา ๙ มาตรา ๑๔ หรือมาตรา ๑๘
ให้ริบเสียทั้งสิ้น ไม่ว่าจะมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่ บรรดาสิ่งที่ศาลสั่งริบให้ตกเป็น
ของกรมวิชาการเกษตร เพื่อจัดการตามที่เห็นสมควร"

          มาตรา ๑๔  ให้ยกเลิกความในมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติกักพืช
พ.ศ. ๒๕๐๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
          "มาตรา ๒๗  ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการ
ตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ ออกกฎกระทรวงกำหนด
ค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราท้ายพระราชบัญญัตินี้ กำหนดค่าตรวจสอบศัตรูพืชและค่าป่วยการ
ยกเว้นค่าธรรมเนียม และกำหนดกิจการอื่นเพื่อปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้
          กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้"

          มาตรา ๑๕  ให้ยกเลิกความในบัญชีอัตราค่าธรรมเนียมท้ายพระราชบัญญัติ
กักพืช พ.ศ. ๒๕๐๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

      ชวน  หลีกภัย
      นายกรัฐมนตรี

                         "อัตราค่าธรรมเนียม

(๑) ใบอนุญาตนำเข้าหรือนำผ่านสิ่งต้องห้าม            ฉบับละ   ๒๐๐   บาท
(๒) ใบอนุญาตนำเข้าหรือส่งออกเชื้อพันธุ์พืช             ฉบับละ   ๒๐๐   บาท
(๓) ใบรับรองปลอดศัตรูพืช                           ฉบับละ   ๒๐๐   บาท
(๔) ใบแทนใบรับรองปลอดศัตรูพืช                     ฉบับละ   ๑๐๐   บาท"
   หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชบัญญัติกักพืช
พ.ศ. ๒๕๐๗ มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับมาตรการในการป้องกันและควบคุมการระบาด
ของศัตรูพืชไม่เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน ทำให้การควบคุมและป้องกัน
การแพร่ระบาดของศัตรูพืชไม่เหมาะสมและขาดประสิทธิภาพสมควรแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติ
บางมาตราเพื่อกำหนดให้มีคณะกรรมการกักพืชขึ้นทำหน้าที่ให้คำแนะนำแก่รัฐมนตรีในการ
ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติดังกล่าว และเพิ่มมาตรการเกี่ยวกับการควบคุมและตรวขสอบ
การนำเข้าและส่งออกซึ่งพืชและเชื้อพันธุ์พืช การตรวจและควบคุมเชื้อพันธุ์พืช การกำหนด
ให้มีการจดทะเบียนสถานที่เพาะพืชเพื่อการส่งออกการออกใบรับรองปลอดศัตรูพืช ตลอด
ตนแก้ไขเพิ่มเติมบทกำหนดโทษและอำนาจในการเปรียบเทียบปรับให้เมาะสมยิ่งขึ้นนอก
จากนี้ ได้กำหนดให้แยกค่าป่วยการของพนักงานเจ้าหน้าที่ และค่าตรวจสอบศัตรูพืชออก
จากค่าธรรมเนียมทั่วไปเพื่อให้สามารถนำไปใช้ได้ในกิจการที่กำนหดไว้ในพระราชบัญญัติ
กับได้ปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน จึงจำเป็นต้องตรา
พระราชบัญญัตินี้
(ร.จ. เล่ม ๑๑๖  ตอนที่ ๓๙ ก  หน้า ๑ วันที่ ๑๘ พฤษภาคม  ๒๕๔๒)