พระราชบัญญัติ รถยนต์ (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๔๒ |
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ เป็นปีที่ ๕๔ ในรัชกาลปัจจุบัน |
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรด เกล้า ฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยรถยนตร์ พระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพ ของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๘ และมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัย อำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและ ยินยอมของรัฐสภาดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติรถยนตร์ (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๔๒"
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ ให้ยกเลิกความในบทนิยามคำว่า "รถยนตร์ส่วนบุคคล" ในมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติรถยนตร์ พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ รถยนตร์ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๓๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน ""รถยนตร์ส่วนบุคคล" หมายความว่า (๑) รถยนตร์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคน (๒) รถยนตร์นั่งส่วนบุคคลเกินเจ็ดคนแต่ไม่เกินสิบสองคน และรถยนตร์บรรทุก ส่วนบุคคลที่มีน้ำหนักรถไม่เกินหนึ่งพันหกร้อยกิโลกรัม ซึ่งมิได้ใช้ประกอบการขนส่งเพื่อสินจ้าง ตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก"
มาตรา ๔ ให้เพิ่มบทนิยามคำว่า "ผู้ตรวจการ" ระหว่างบทนิยามคำว่า "เจ้าของรถ" และคำว่า "นายทะเบียน" ในมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติรถยนตร์ พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนตร์ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๓๐ ""ผู้ตรวจการ" หมายความว่า ข้าราชการสังกัดกรมการขนส่งทางบก ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแต่งตั้งให้เป็นผู้ตรวจการตามพระราชบัญญัตินี้"
มาตรา ๕ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติ รถยนตร์ พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนตร์ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๓๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "มาตรา ๕ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งนายทะเบียนและผู้ตรวจการ กับออกกฎกระทรวงกำหนดในเรื่องดังต่อไปนี้ (๑) ลักษณะ ขนาด หรือกำลังของเครื่องยนตร์และของรถที่จะรับจดทะเบียน เป็นรถประเภทต่าง ๆ เงื่อนไขการเปลี่ยนแปลง ลักษณะ ขนาด หรือกำลังของเครื่องยนตร์ และของรถสำหรับรถประเภทดังกล่าว และการแก้ไขเพิ่มเติมทะเบียนรถและใบคู่มือ จดทะเบียนรถที่ได้เปลี่ยนแปลงแล้ว (๒) เครื่องอุปกรณ์สำหรับรถและการใช้เครื่องอุปกรณ์ดังกล่าว เช่น โคม เครื่องมองหลัง แตร เครื่องระงับเสียง ท่อไอเสีย เครื่องสัญญาณไฟ เครื่องปัดน้ำฝน และเครื่องอุปกรณ์อื่นที่จำเป็น (๓) เครื่องสื่อสาร และการใช้เครื่องสื่อสารระหว่างรถกับศูนย์บริการหรือ สถานที่อื่น (๔) แผ่นป้ายทะเบียนรถ เครื่องหมายประเภทรถและเครื่องหมายอื่น รวมทั้งวิธีแสดงแผ่นป้ายและเครื่องหมายดังกล่าว (๕) สีและเครื่องหมายสำหรับรถยนตร์สาธารณะ (๖) น้ำหนักบรรทุกอย่างมาก และจำนวนคนโดยสารอย่างมาก สำหรับ รถยนตร์ส่วนบุคคลและรถยนตร์สาธารณะ (๗) เงื่อนไขในการใช้ล้อยางตัน (๘) ประเภท ขนาด และน้ำหนักของรถที่จะไม่ให้เดินบนทางที่มิใช่ทางหลวง (๙) เงื่อนไขในการใช้รถที่มีล้ออย่างอื่น นอกจากล้อยางเดินบนทางที่มิใช่ ทางหลวง (๑๐) ประเภทรถที่ต้องกำหนดอายุการใช้ในเขตที่กำหนด (๑๑) ประเภทรถที่ห้ามใช้เดินในเขตที่กำหนด (๑๒) การงดรับจดทะเบียนรถประเภทใดประเภทหนึ่งในเขตที่กำหนด (๑๓) จำนวนรถยนตร์รับจ้างระหว่างจังหวัด จังหวัดต้นทางและจังหวัด ปลายทางสำหรับรถยนตร์ดังกล่าว (๑๔) อัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารสำหรับรถยนตร์สาธารณะ (๑๕) เครื่องแต่งกาย เครื่องหมาย และการแสดงบัตรประจำตัวคนขับรถยนตร์ สาธารณะ รถยนตร์บริการธุรกิจ และรถยนตร์บริการทัศนาจร (๑๖) หลักสูตรและอุปกรณ์การสอนและการฝึกหัดขับรถของโรงเรียนฝึกหัดขับรถ (๑๗) ค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราท้ายพระราชบัญญัตินี้ (๑๘) กิจการอื่นเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้"
มาตรา ๖ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติรถยนตร์ พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนตร์ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๓๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "มาตรา ๑๕ ในกรณีที่นายทะเบียนหรือผู้ตรวจการเห็นว่ารถใดในขณะที่ใช้ มีลักษณะที่เห็นได้ว่าน่าจะไม่ปลอดภัยในการใช้ ให้มีอำนาจสั่งเป็นหนังสือให้เจ้าของรถ นำรถนั้นไปให้นายทะเบียน หรือสถานตรวจสภาพที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการ ขนส่งทางบกตรวจสภาพภายในเวลาที่กำหนดได้"
มาตรา ๗ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา ๓๗ แห่งพระราชบัญญัติ รถยนตร์ พ.ศ. ๒๕๒๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "มาตรา ๓๗ นายทะเบียนและผู้ตรวจการซึ่งอธิบดีมอบหมายมีอำนาจเข้าตรวจ ในที่มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีรถค้างชำระภาษีประจำปีและยึดรถนั้นไว้เพื่อตรวจสอบได้"
มาตรา ๘ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๓๘ แห่งพระราชบัญญัติรถยนตร์ พ.ศ. ๒๕๒๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "มาตรา ๓๘ ในกรณีที่ผู้ตรวจการซึ่งอธิบดีมอบหมายเป็นผู้ตรวจและยึดตาม มาตรา ๓๗ ให้นำส่งนายทะเบียนโดยมิชักช้า และให้นำมาตรา ๓๕ มาใช้บังคับโดยอนุโลม"
มาตรา ๙ ให้ยกเลิกความในวรรคสองของมาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติ รถยนตร์ พ.ศ. ๒๕๒๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "ในการขายทอดตลาด ห้ามมิให้นายทะเบียนหรือผู้ตรวจการเข้าสู้ราคา"
มาตรา ๑๐ ให้ยกเลิกความในวรรคสามของมาตรา ๕๔ แห่งพระราชบัญญัติ รถยนตร์ พ.ศ. ๒๕๒๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตขับรถตามมาตรา ๔๓ (๔) หรือ (๕) เป็นผู้ต้องหา ในคดีอาญาประเภทที่ระบุไว้ในมาตรา ๔๙ (๘) ให้นายทะเบียนหรือผู้ตรวจการซึ่งอธิบดี มอบหมายยึดใบอนุญาตขับรถตามมาตรา ๔๓ (๔) หรือ (๕) ตั้งแต่วันยื่นฟ้องต่อศาลจนถึง เวลาที่มีคำพิพากษาถึงที่สุด และในระหว่างเวลาดังกล่าวห้ามมิให้นายทะเบียนต่ออายุ ใบอนุญาตขับรถดังกล่าว"
มาตรา ๑๑ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๕๗ ทวิ และมาตรา ๕๗ ตรี แห่งพระราชบัญญัติรถยนตร์ พ.ศ. ๒๕๒๒ "มาตรา ๕๗ ทวิ ให้ผู้ตรวจการมีอำนาจสั่งให้ผู้ขับรถหยุดรถเพื่อทำการ ตรวจสอบการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ กับมีอำนาจสั่งให้บุคคลใดปฏิบัติการเท่าที่จำเป็น เพื่อประโยชน์แก่การตรวจสอบนั้นได้ และเมื่อพบว่าผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติ แห่งพระราชบัญญัตินี้ จะว่ากล่าวตักเตือนหรือสั่งเป็นหนังสือให้ผู้นั้นไปรายงานตนต่อ นายทะเบียนภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่มีคำสั่งเพื่อดำเนินการเปรียบเทียบปรับก็ได้ เว้นแต่ เป็นกรณีที่ความผิดดังกล่าวมีโทษจำคุก ให้ผู้ตรวจการนำตัวผู้นั้นส่งพนักงานสอบสวนผู้มีอำนาจ เพื่อดำเนินคดีต่อไป ในการออกคำสั่งให้ไปรายงานตนต่อนายทะเบียนตามวรรคหนึ่ง ผู้ตรวจการ จะเรียกเก็บใบอนุญาตขับรถของผู้นั้นไว้เป็นการชั่วคราวก็ได้ แต่ต้องรีบนำใบอนุญาตขับรถ ที่เรียกเก็บไว้ไปส่งมอบแก่นายทะเบียนภายในแปดชั่วโมงนับแต่เวลาที่ออกคำสั่งและให้ถือว่า คำสั่งนั้นเป็นใบอนุญาตขับรถชั่วคราวภายในกำหนดเวลาที่ให้ไปรายงานตนดังกล่าว คำสั่งให้ไปรายงานตนต่อนายทะเบียนตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามแบบที่อธิบดี กำหนด มาตรา ๕๗ ตรี ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ให้ผู้ตรวจการแสดง บัตรประจำตัวต่อผู้ซึ่งเกี่ยวข้อง บัตรประจำตัวผู้ตรวจการให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีกำหนด"
มาตรา ๑๒ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๖๖ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติ รถยนตร์ พ.ศ. ๒๕๒๒ "มาตรา ๖๖ ทวิ ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้ตรวจการซึ่งสั่ง ตามมาตรา ๕๗ ทวิ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท"
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี |
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่กฎหมายว่าด้วยรถยนตร์ ในปัจจุบันได้กำหนดบทนิยามคำว่า "รถยนตร์ส่วนบุคคล" ไว้ไม่ชัดเจนและไม่สอดคลัองกับหลัก การเกี่ยวกับการใช้บังคับกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก นอกจากนั้น ยังมิได้กำหนดให้มีผู้ตรวจ การเพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบการปฏิบัติเกี่ยวกับรถยนตร์ให้เป็นไปตามกฎหมายโดยเฉพาะ ดังนั้น เพื่อให้บทนิยามคำว่า "รถยนตร์ส่วนบุคคล" ตามกฎมหายว่าด้วยรถยนตร์มีความหมาย ชัดเจนโดยไม่มีความหมายครอบคลุมถึงรถยนตร์นั่งส่วนบุคคลเกินเจ็ดคนแต่ไม่เกินสิบสองคน และรถยนตร์บรรทุกส่วนบุคคลทีมีน้ำหนักรถไม่เกินหนึ่งพันหกร้อยกิโลกรัมซึ่งใช้ประกอบการ ขนส่งเพื่อสินจ้างที่อยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก และเพื่อให้การตรวจ สอบการปฏิบัติเกี่ยวกับรถยนตร์เป็นไปตามกฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับ แนวทางการตรวจสอบการขนส่งตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก สมควรแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติรถยนตร์ พ.ศ. ๒๕๒๒ ในส่วนที่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตรา พระราชบัญญัตินี้
(ร.จ. เล่ม ๑๑๖ ตอนที่ ๒๐ ก หน้า ๑๘ วันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๔๒) |