พระราชบัญญัติ
                  ว่าด้วยเอกสิทธิและความคุ้มกันทางกงสุล
                            พ.ศ. ๒๕๔๑
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
                   ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๑
                     เป็นปีที่ ๕๓ ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรด
เกล้า ฯ ให้ประกาศว่า

          โดยที่เป็นการสมควรให้มีกฎหมายว่าด้วยเอกสิทธิและความคุ้มกันทางกงสุล
          จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและ
ยินยอมของรัฐสภาดังต่อไปนี้

          มาตรา ๑  พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติว่าด้วยเอกสิทธิ
และความคุ้มกันทางกงสุล พ.ศ. ๒๕๔๑"

          มาตรา ๒  พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศ
ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

          มาตรา ๓  ให้รัฐผู้ส่งคณะทำการทางกงสุล สถานทำการทางกงสุล
หัวหน้าสถานทำการทางกงสุล เจ้าพนักงานกงสุล ลูกจ้างทางกงสุล สมาชิกใน
คณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการ บุคคลในครอบครัวของสมาชิกในสถานทำการทางกงสุล
และสมาชิกในคณะคนรับใช้ส่วนตัว รวมตลอดถึงสถานที่ บรรณสารทางกงสุล
และบรรดาทรัพย์สินของสถานทำการทางกงสุลและของสมาชิกในสถานทำการ
ทางกงสุลหรือของบุคคลในครอบครัวของสมาชิกในสถานทำการทางกงสุล ตามที่
ระบุไว้ในอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางกงสุล ซึ่งทำเมื่อวันที่
๒๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๖ ท้ายพระราชบัญญัตินี้ ได้รับเอกสิทธิและความคุ้มกัน
ทางกงสุลตามที่กำหนดไว้ในอนุสัญญาดังกล่าว

          มาตรา ๔  เอกสิทธิและความคุ้มกันทางกงสุลตามมาตรา ๓ อาจถูก
เพิกถอนหรือถูกกำกัดเสียทั้งหมดหรือบางส่วนได้ตามหลักถ้อยทีถ้อยปฏิบัติ ตามประเพณี
ปฏิบัติทางกงสุล หรือตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา

          มาตรา ๕  ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรักษาการ
ตามพระราชบัญญัตินี้

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

      ชวน  หลีกภัย
      นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ประเทศไทยจะ
เข้าเป็นภาคีอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางกงสุล ซึ่งทำเมื่อวันที่ ๒๔
เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๖ เพื่อให้สอดคล้องกับประเพณีปฏิบัติในนานาอารยประเทศ ใน
การนี้ จะต้องมีกฏหมายเพื่ออนุวัตการให้เป็นไปตามอนุสัญญาฯ ดังกล่าว จึงจำเป็น
ต้องตราพระราชบัญญัติ
(ร.จ. เล่ม ๑๑๕  ตอนที่ ๑๐๒ ก  หน้า  ๙  วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๑)