พระราชบัญญัติ เวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างทางพิเศษ สายบางซื่อ-หัวลำโพง-พระโขนง และสายลาดพร้าว-สาธร ในท้องที่เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๕๔๐ |
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๐ เป็นปีที่ ๕๒ ในรัชกาลปัจจุบัน |
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรด เกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรให้เวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างทางพิเศษสายบางซื่อ -หัวลำโพง-พระโขนง และสายลาดพร้าว-สาธร ในท้องที่เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและ ยินยอมของรัฐสภาดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางพิเศษสายบางซื่อ-หัวลำโพง-พระโขนง และสายลาดพร้าว-สาธร ในท้องที่ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๕๔๐"
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ ให้ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทยเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืน ตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๔ ให้เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชบัญญัตินี้ ซึ่งปรากฏรายชื่อเจ้าของ หรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ให้แก่การทางพิเศษ แห่งประเทศไทย เพื่อสร้างทางพิเศษสายบางซื่อ-หัวลำโพง-พระโขนง และสายลาดพร้าว -สาธร
มาตรา ๕ ให้เจ้าหน้าที่เวนคืนเข้าใช้อสังหาริมทรัพย์ที่เวนคืนตามมาตรา ๔ ภายในระยะเวลาสิบห้าปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตาม พระราชบัญญัตินี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรี (แผนที่ท้ายพระราชบัญญัติ ฉบับนี้กรุณาดูจาก ร.จ. เล่ม ๑๑๔ ตอนที่ ๕๓ ก หน้า ๕) |
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากการทางพิเศษแห่ง ประเทศไทยได้ทำการสำรวจที่ที่จะต้องเวนคืนเพื่อสร้างทางพิเศษสายบางซื่อ-หัวลำโพง และสายลาดพร้าว-สาธร ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ เขตจตุจักร เขตบางซื่อ เขตดุสิต เขตพญาไท เขตพระนคร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตสัมพันธวงศ์ เขตปทุมวัน เขตบางรัก เขตสาธร เขตคลองเตย เขตพระโขนง เขตห้วยขวาง และเขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๕๓๕ เสร็จแล้วบางส่วน สมควร ดำเนินการเพื่อเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวต่อไป จึงจำเป็นต้องตรา พระราชบัญญัตินี้ (ร.จ. เล่ม ๑๑๔ ตอนที่ ๕๓ ก หน้า ๔ วันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๔๐) |