พระราชบัญญัติ
    โอนอำนาจหน้าที่และกิจการบริหารของกรมการฝึกหัดครู กระทรวงศึกษาธิการ
          ไปเป็นของสำนักงานสภาสถาบันราชภัฏ กระทรวงศึกษาธิการ
                            พ.ศ. ๒๕๓๘
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
                 ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๘
                     เป็นปีที่ ๕๐ ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรด
เกล้า ฯ ให้ประกาศว่า
          โดยที่เป็นการสมควรโอนอำนาจหน้าที่ กิจการ ทรัพย์สิน หนี้ ข้าราชการ
ลูกจ้าง และเงินงบประมาณของกรมการฝึกหัดครู กระทรวงศึกษาธิการ ไปเป็นของ
สำนักงานสภาสถาบันราชภัฏ กระทรวงศึกษาธิการ
          จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและ
ยินยอมของรัฐสภาดังต่อไปนี้

          มาตรา ๑  พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติโอนอำนาจหน้าที่
และกิจการบริหารของกรมการฝึกหัดครู กระทรวงศึกษาธิการ ไปเป็นของสำนักงาน
สภาสถาบันราชภัฏ กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๓๘"

          มาตรา ๒  พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

          มาตรา ๓  ให้โอนบรรดาอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวกับราชการของกรมการฝึกหัดครู
กระทรวงศึกษาธิการ และบรรดาอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กรมการฝึกหัดครู กระทรวง
ศึกษาธิการ ไปเป็นของสำนักงานสภาสถาบันราชภัฏ กระทรวงศึกษาธิการ หรือของเจ้าหน้าที่
สำนักงานสภาสถาบันราชภัฏ กระทรวงศึกษาธิการ แล้วแต่กรณี

          มาตรา ๔  ให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน หนี้ ข้าราชการ ลูกจ้าง และ
เงินงบประมาณของกรมการฝึกหัดครู กระทรวงศึกษาธิการ ไปเป็นของสำนักงาน
สภาสถาบันราชภัฏ กระทรวงศึกษาธิการ

          มาตรา ๕  ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ชวน  หลีกภัย
นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชบัญญัติ
สถาบันราชภัฏ พ.ศ. ๒๕๓๘ บัญญัติให้สำนักงานสภาสถาบันราชภัฏเป็นนิติบุคคล มีฐานะเป็น
กรมในกระทรวงศึกษาธิการ และพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ๑๒)
พ.ศ. ๒๕๓๘ บัญญัติให้สำนักงานสภาสถาบันราชภัฏเป็นส่วนราชการในกระทรวงศึกษาธิการ
แทนกรมการฝึกหัดครู สมควรโอนบรรดาอำนาจหน้าที่ กิจการ ทรัพย์สิน หนี้ ข้าราชการ
ลูกจ้าง และเงินงบประมาณของกรมการฝึกหัดครู กระทรวงศึกษาธิการ ไปเป็นของ
สำนักงานสภาสถาบันราชภัฏ กระทรวงศึกษาธิการ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
(ร.จ. เล่ม ๑๑๒  ตอนที่ ๔ ก  หน้า ๒๕   วันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๓๘)