พระราชบัญญัติ
                   ระเบียบข้าราชการครู (ฉบับที่ ๓)
                            พ.ศ. ๒๕๓๘
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
                   ให้ไว้ ณ วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๘
                     เป็นปีที่ ๕๐ ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรด
เกล้า ฯ ให้ประกาศว่า
         โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการครู
          จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและ
ยินยอมของรัฐสภาดังต่อไปนี้

         มาตรา ๑  พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครู
(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๓๘"

         มาตรา ๒  พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๗
เป็นต้นไป

         มาตรา ๓  ให้ยกเลิกความในมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ
ข้าราชการครู พ.ศ. ๒๕๒๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครู
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
         "มาตรา ๒๔  อัตราเงินเดือนข้าราชการครู ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วย
เงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งที่กำหนดไว้สำหรับข้าราชการพลเรือนโดยอนุโลม
         อัตราเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครู ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วย
เงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง"

         มาตรา ๔  ให้ยกเลิกความในวรรคสองของมาตรา ๓๐ แห่งพระราชบัญญัติ
ระเบียบข้าราชการครู พ.ศ. ๒๕๒๓ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
         "ตำแหน่งข้าราชการครูตำแหน่งใดจะได้รับเงินเดือนในระดับใด ให้เป็นไป
ตามที่กำหนดในกฎ ก.ค. โดยให้คำนึงถึงการรับเงินเดือนของข้าราชการพลเรือน
ตามกฎหมายว่าด้วยเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งด้วย"

         มาตรา ๕  ให้ยกเลิกวรรคสามของมาตรา ๓๕ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ
ข้าราชการครู พ.ศ. ๒๕๒๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครู
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ชวน  หลีกภัย
นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ได้มีการแยกบัญชี
อัตราเงินเดือนและบัญชีอัตราเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนซึ่งอนุโลมนำมาใช้
กับข้าราชการครูไปบัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งซึ่งเป็น
กฎหมายเฉพาะแล้ว สมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการครูให้
สอดคล้องกัน ประกอบกับการกำหนดให้ข้าราชการครูได้เงินเดือนตามตำแหน่งก็ควรจะได้
คำนึงถึงหลักเกณฑ์การรับเงินเดือนของข้าราชการพลเรือนตามกฎหมายดังกล่าวด้วย
จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
(ร.จ. เล่ม ๑๑๒  ตอนที่ ๑ ก  หน้า ๔๗   วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๓๘)