พระราชบัญญัติ
               คุ้มครองการดำเนินงานขององค์การการค้าโลก
                            พ.ศ. ๒๕๓๗
                           ----------
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
                 ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๗
                     เป็นปีที่ ๔๙ ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรด
เกล้า ฯ ให้ประกาศว่า
         โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองการดำเนินงานของ
องค์การการค้าโลก
          จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและ
ยินยอมของรัฐสภาดังต่อไปนี้

         มาตรา ๑  พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงาน
ขององค์การการค้าโลก พ.ศ. ๒๕๓๗"

         มาตรา ๒  พระราชบัญญัตินี้ให้ใชับังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

         มาตรา ๓  ในพระราชบัญญัตินี้
         "องค์การ" หมายความว่า องค์การการค้าโลกที่จัดตั้งขึ้นตามความตกลง
มาร์ราเกช จัดตั้งองค์การการค้าโลก ซึ่งทำขึ้นเมื่อวันที่ ๑๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๗

         มาตรา ๔  เพื่อคุ้มครองการดำเนินงานในประเทศไทยขององค์การให้
บรรลุผลตามความมุ่งประสงค์
         (๑) ให้ยอมรับนับถือว่าองค์การเป็นนิติบุคคล และให้ถือว่ามีภูมิลำเนาใน
ประเทศไทย
         (๒) ให้องค์การ เจ้าหน้าที่ขององค์การ และผู้แทนของสมาชิกขององค์การ
ได้รับเอกสิทธิ์และความคุ้มกันทำนองเดียวกับทบวงการชำนาญพิเศษ ผู้แทนของสมาชิก
และพนักงานของทบวงการชำนาญพิเศษตามที่ระบุไว้ในอนุสัญญาว่าด้วยเอกสิทธิ์และความ
คุ้มกันของทบวงการชำนาญพิเศษฉบับที่สมัชชาแห่งสหประชาชาติได้ลงมติรับเมื่อวันที่
๒๑ จิกายน พ.ศ. ๒๔๙๐ หรือความตกลงที่อาจมีขึ้นระหว่างรัฐบาลไทยกับองค์การ
ทั้งนี้ ในระหว่างที่ปฏิบัติหน้าที่ในประเทศไทย หรือเข้ามาในประเทศไทยเพื่อปฏิบัติหน้าที่
หรือในการปฏิบัติภารกิจเกี่ยวกับองค์การ

         มาตรา ๕  ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและรัฐมนตรี
ว่าการกระทรวงพาณิชย์รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ชวน  หลีกภัย
นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ ในความตกลกมาร์ราเกช
จัดตั้งองค์การการค้าโลก ซึ่งทำขึ้นเมื่อวันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๓๗ นั้นมีวัตถุประสงค์ในองค์การ
การค้าโลกที่จัดตั้งขึ้นเป็นองค์กรกลาง คอยดูแลความเป็นธรรมในการค้าระหว่างประเทศ
และประเทศไทยได้ลงนามในความตกลงดังกล่าวด้วย ประเทศไทยจึงมีพันธะที่จะต้องให้
องค์การการค้าโลก เจ้าหน้าที่ขององค์การฯ และผู้แทนของสมาชิกขององค์การฯ ได้รับ
เอกสิทธิ์และความคุ้มกันในการดำเนินงานและการปฏิบัติงานในประเทศไทย จึงจำเป็นต้อง
ตราพระราชบัญญัตินี้
(ร.จ. เล่ม ๑๑๑  ตอนที่ ๖๒ ก  หน้า ๑   วันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๓๗)