พระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลจังหวัดหนองบัวลำภู พ.ศ. ๒๕๓๗ ---------- |
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๗ เป็นปีที่ ๔๙ ในรัชกาลปัจจุบัน |
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรด เกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรจัดตั้งศาลจังหวัดขึ้นที่อำเภอเมืองหนองบัวลำภู จังหวัด หนองบัวลำภู จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและ ยินยอมของรัฐสภาดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลจังหวัด หนองบัวลำภู พ.ศ. ๒๕๓๗"
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ ให้จัดตั้งศาลจังหวัดขึ้นที่อำเภอเมืองหนองบัวลำภู จังหวัด หนองบัวลำภู เรียกว่า "ศาลจังหวัดหนองบัวลำภู" และจะเปิดทำการเมื่อใด ให้ประกาศ โดยพระราชกฤษฎีกา
มาตรา ๔ ให้ศาลจังหวัดหนองบัวลำภู มีเขตตลอดท้องที่จังหวัดหนองบัวลำภู
มาตรา ๕ ในระหว่างที่ยังไม่ได้เปิดทำการศาลจังหวัดหนองบัวลำภูตาม พระราชกฤษฎีกาที่ออกตามมาตรา ๓ ให้ศาลจังหวัดอุดรธานีมีเขตตลอดถึงเขตศาลจังหวัด หนองบัวลำภู และให้ศาลแขวงอุดรธานีมีเขตอำนาจในอำเภอเมืองหนองบัวลำภู อำเภอ นากลาง อำเภอโนนสัง และอำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภูด้วย บรรดาคดีของเขตท้องที่จังหวัดหนองบัวลำภู ซึ่งค้างพิจารณาอยู่ในศาลจังหวัด อุดรธานีหรือศาลแขวงอุดรธานีในวันเปิดทำการศาลจังหวัดหนองบัวลำภูตามมาตรา ๓ ให้คงพิจารณาพิพากษาในศาลจังหวัดอุดรธานีหรือศาลแขวงอุดรธานี แล้วแต่กรณี
มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี |
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชบัญญัติตั้ง จังหวัดหนองบัวลำภู พ.ศ. ๒๕๓๖ ได้แยกอำเภอหนองบัวลำภู อำเภอนากลาง อำเภอ โนนสัง อำเภอศรีบุญเรือง และอำเภอสุวรรณคูหา ออกจากการปกครองของจังหวัดอุดรธานี รวมตั้งขึ้นเป็นจังหวัดหนองบัวลำภู สมควรจัดตั้งศาลจังหวัดขึ้นที่อำเภอเมืองหนองบัวลำภู จังหวัดหนองบัวลำภู ให้มีเขตตลอดท้องที่จังหวัดหนองบัวลำภู เพื่อประโยชน์ในการอำนวย ความยุติธรรมแก่ประชาชนในท้องที่จังหวัดหนองบัวลำภู และโดยที่มาตรา ๑๘๗ ของ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติว่า บรรดาศาลทั้งหมายจะตั้งขึ้นได้ก็แต่โดย พระราชบัญญัติ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ (ร.จ. เล่ม ๑๑๑ ตอนที่ ๖๑ ก หน้า ๗ วันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๓๗) |