พระราชบัญญัติ
                    โอนอำนาจหน้าที่และกิจการบริหาร
                 ของสถาบันสุขภาพจิตกระทรวงสาธารณสุข
               ไปเป็นของกรมสุขภาพจิตกระทรวงสาธารณสุข
                            พ.ศ. ๒๕๓๗
                         --------------
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
                ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๗
                     เป็นปีที่ ๔๙ ในราชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรด
เกล้า ฯ ให้ประกาศว่า
         โดยที่เป็นการสมควรโอนอำนาจหน้าที่ กิจการ ทรัพย์สิน หนี้ ข้าราชการ
ลูกจ้างและเงินงบประมาณของสถาบันสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ไปเป็นของ
กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข
          จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและ
ยินยอมของรัฐสภาดังต่อไปนี้

         มาตรา ๑  พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติโอนอำนาจหน้าที่และ
กิจการบริหารของสถาบันสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ไปเป็นของกรมสุขภาพจิต
กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๗"

         มาตรา ๒  พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

         มาตรา ๓  ให้โอนบรรดาอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวกับราชการของสถาบัน
สุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข และบรรดาอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่สถาบันสุขภาพจิต
กระทรวงสาธารณสุข ไปเป็นของกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข หรือของเจ้าหน้าที่
กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข แล้วแต่กรณี

         มาตรา ๔  ให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน หนี้ ข้าราชการ ลูกจ้างและ
เงินงบประมาณของสถาบันสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ไปเป็นของกรมสุขภาพจิต
กระทรวงสาธารณสุข

         มาตรา ๕  ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ชวน  หลีกภัย
นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ได้มีพระราชบัญญัติ
ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๓๗ แก้ไขเพิ่มเติมการมีส่วนราชการ
ของกระทรวงสาธารณสุขโดยเปลี่ยนชื่อสถาบันสุขภาพจิตเป็นกรมสุขภาพจิต ในการนี้สมควร
โอนบรรดาอำนาจหน้าที่ กิจการ ทรัพย์สิน หนี้ ข้าราชการ ลูกจ้าง และเงินงบประมาณ
ของสถาบันสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ไปเป็นของกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข
จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
(ร.จ. เล่ม ๑๑๑  ตอนที่ ๕๓ ก  หน้า ๓  วันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๓๗)