พระราชบัญญัติ เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ในท้องที่ตำบลทับมาอำเภอเมืองระยองจังหวัดระยอง เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓ สายกรุงเทพฯ - ตราด ตอนเลี่ยงเมืองระยองด้านตะวันตก พ.ศ. ๒๕๓๗ ---------- |
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๗ เป็นปีที่ ๔๙ ในราชกาลปัจจุบัน |
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรด เกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรให้เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลทับมา อำเภอ เมืองระยอง จังหวัดระยอง เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓ สายกรุงเทพฯ - ตราด ตอนเลี่ยงเมืองระยองด้านตะวันตก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและ ยินยอมของรัฐสภาดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลทับมา อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข ๓ สายกรุงเทพฯ - ตราด ตอนเลี่ยงเมืองระยองด้านตะวันตก พ.ศ. ๒๕๓๗"
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ ให้อธิบดีกรมทางหลวงเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๔ ให้เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลทับมา อำเภอเมือง ระยอง จังหวัดระยอง ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชบัญญัตินี้ ซึ่งปรากฏรายชื่อ เจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ ให้แก่กรม ทางหลวง เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓ สายกรุงเทพฯ - ตราด ตอนเลี่ยง เมืองระยองด้านตะวันตก
มาตรา ๕ ให้เจ้าหน้าที่เวนคืนเข้าใช้อสังหาริมทรัพย์ที่เวนคืนตาม มาตรา ๔ ภายในระยะเวลาสองปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี (แผนที่ท้ายพระราชบัญญัติ ฉบับนี้กรุณาดูจาก ร.จ. เล่ม ๑๑๑ ตอน ๕๓ ก หน้า ๕) |
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากกรมทางหลวง ได้ทำการสำรวจที่ที่จะต้องเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓ สายกรุงเทพฯ- ตราด ตอนเลี่ยงเมืองระยองด้านตะวันตก ตามที่ได้มีการกำหนดแนวทางหลวงที่จะสร้างไว้ แล้วตามพระราชกฤษฎีกากำหนดแนวทางหลวงที่จะสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓ สายกรุงเทพฯ-ระยอง-ตราด ตอนเลี่ยงเมืองระยองด้านตะวันตก พ.ศ. ๒๕๒๙ เสร็จแล้ว สมควรดำเนินการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวต่อไป จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ (ร.จ. เล่ม ๑๑๑ ตอนที่ ๕๓ ก หน้า ๕ วันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๓๗) |