พระราชบัญญัติ
                           เงินตรา (ฉบับที่ 5)
                              พ.ศ. 2536
                              ---------
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
                  ให้ไว้ ณ วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2536
                      เป็นปีที่ 48 ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ
ให้ประกาศว่า
         โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยเงินตรา
         จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและ
ยินยอมของรัฐสภาดังต่อไปนี้

         มาตรา ๑  พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติเงินตรา (ฉบับที่ 5)
พ.ศ. 2536"

         มาตรา ๒  พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

         มาตรา ๓  ให้เพิ่มบทนิยามคำว่า "พนักงานเจ้าหน้าที่" ระหว่างบทนิยาม
คำว่า "ใบสำคัญสิทธิพิเศษถอนเงิน" และคำว่า "รัฐมนตรี" ในมาตรา ๔ แห่ง
พระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ. ๒๕๐๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม
พระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ. ๒๕๐๑ พ.ศ. ๒๕๒๑ ดังต่อไปนี้
         ""พนักงานเจ้าหน้าที่" หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตาม
พระราชบัญญัตินี้"

         มาตรา ๔  ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ. ๒๕๐๑
และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
         "มาตรา 10 ให้กระทรวงการคลังจัดทำและนำออกใช้ซึ่งเหรียญกระษาปณ์
เหรียญกระษาปณ์ตามวรรคหนึ่ง แต่ละชนิด ราคา ที่นำออกมาใช้ ให้มีได้เพียงขนาดเดียว และ
จะมีขนาดเท่ากับเหรียญกษาปณ์ชนิด ราคา อื่นไม่ได้ เว้นแต่กรณีการจัดทำและนำออกใช้เป็น
เหรียญกระษาปณ์ที่ระลึก หรือเหรียญกระษาปณ์ที่ใช้แทนเหรียญกระษาปณ์ที่ถอนคืน
         ชนิด ราคา โลหะ อัตราเนื้อโลหะ น้ำหนัก ขนาด ลวดลาย และลักษณะอื่นๆ
(ถ้ามี) ของเหรียญกษาปณ์รวมทั้งอัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ให้กำหนดโดยกฏกระทรวง"

         มาตรา ๕  ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๒ และมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติ
เงินตรา พ.ศ. ๒๕๐๑ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
         "มาตรา ๑๒  เหรียญกระษาปณ์ชำรุดไม่เป็นเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย
         เหรียญกระษาปณ์ต่อไปนี้เป็นเหรียญกระษาปณ์ชำรุด
         (๑) เหรียญกระษาปณ์ที่ถูกตัด หรือถูกตรอก หรือถูกตี หรือถูกกระทำด้วยประการ
ใดๆ ให้บุบสลาย หรือชำรุดจนเสียรูป หรือลวดลายเลือน หรือเปลี่ยนแลงในดลภาค หรือ
ปิดงอหรือทำให้น้ำหนักลดลง ไม่ว่าโดยเหตุใดในลักษณะที่ปรากฏโดยชัดแจ้ง
         (๒) เหรียญกระษาปณ์ที่สักหรอไปตามธรรมดาจนมีน้ำหนักลดลงเกินกว่าสอง
เท่าครึ่งของอัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด
         มาตรา ๑๓  ให้กระทรวงการคลังรับแลกเปลี่ยนเหรียญกระษาปณ์ชำรุด
ตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
         (1)เหรียญกษาปณ์ชำรุดที่จะรับแลกเปลี่ยนได้ ต้องเป็นเหรียญกษาปณ์ที่มิใช่
เหรียญกษาปณ์ทองคำ เหรียญกษาปร์เงิน หรือเหรียญกษาปณ์ขัดเงา
         (2)เหรียญกษาปณ์ชำรุดตามมาตรา 12 วรรคสอง(1) ให้รับแลกเปลี่ยนได้
ครึ่งราคาของเหรียญกษาปณ์นั้น ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฏกระทรวง
         (3)เหรียญกษาปณ์ที่ชำรุดตามมาตรา 12 วรรคสอง(2) ให้รับแลกเปลี่ยนได้
เต็มราคาของเหรียญกษาปณ์นั้น
     พนักงานเจ้าหน้าที่และสถานที่รับแลกเปลี่ยนเหรียญกษาปณ์ชำรุดตามวรรคหนึ่ง(2)
และ(3)ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฏกระทรวง"

         มาตรา ๖  ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๑๓ ทวิ และมาตรา ๑๓ ตรี
แห่งพระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ. ๒๕๐๑
         "มาตรา ๑๓ ทวิ เมื่อเห็นสมควร รัฐมนตรีมีอำนาจถอนคืนเหรียญกระษาปณ์
ที่ออกใช้ ชนิด และราคาใด ๆ โดยให้นำมาแลกเปลี่ยนกับธนบัตรหรือเหรียญกระษาปณ์อื่นได้
         การถอนคืนเหรียญกระษาปณ์ตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่กำหนดใน
กฎกระทรวงซึ่งอย่างน้อยต้องมีข้อกำหนด ดังต่อไปนี้
         (๑) ชนิด ราคา และลักษณะของเหรียญกระษาปณ์ที่ถอนคืน
         (๒) ระยะเวลาให้นำส่งเหรียญกระษาปณ์ที่ถอนคืน ซึ่งต้องไม่น้อยกว่า
หนึ่งปีนับแต่วันที่กฎกระทรวงใช้บังคับ
         (๓) พนักงานเจ้าหน้าที่และสถานที่รับเหรียญกระษาปณ์ที่ถอนคืน
     เหรียญกษาปณ์ที่นำมาแลกเปลี่ยน ถ้าเป็นเหรียญกษาปณ์ชำรุดตามมาตรา 12 วรรค
สองให้รับแลกเปลี่ยนตามมาตรา 13
     มาตรา 13 ตรี เหรียญกษาปณ์ที่ได้รับจากการถอนคืนตามมาตรา 13 ทวิ วรรคสอง
(2)รัฐมนตรีมีอำนาจสั่งให้กรมธนารักษ์นำไปยุบหลอมหรือทำลายเพื่อนำไปใช้ประโยชน์
อย่างอื่นหรือจำหน่ายต่อไปได้ หรือสั่งให้กรมธนารักษ์จัดการจำหน่ายโดยให้ผู้ซื้อต้องนำไป
ยุบหลอมหรือทำลายตามเงื่อนไขที่อธิบดีกรมธนารักษ์กำหนด และต้องยุบหลอมหรือทำลาย
ภายใต้การควบคุมและตรวจสอบของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่รัฐมนตรีกำหนด
     เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาให้แลกเปลี่ยนเหรียญกษาปณ์ที่ถอนคืนตามที่กำหนด
ในกฏกระทรวงตามมาตรา 13 ทิว วรรคสอง(2) บรรดาเหรียญกษาปณ์ที่ถอนคืนไม่เป็น
เงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฏหมาย
     เหรียญกษาปณ์ที่ชำระหนี้ไม่ได้ตามกฏหมายเพราะพ้นกำหนดระยะเวลาการถอนคืน
ถ้าผู้ใดนำเหรียญกษาปณ์มาขอแลกเปลี่ยนกับธนบัตรหรือเหรียญกษาปณ์อื่นได้แสดงเหตุผล
และความจำเป็น ให้กระทรวงการคลังรับแลกเปลี่ยนตามมาตรา 13 ทวิ ได้ตลอดไป"

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
     ชวน  หลีกภัย
     นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่พระราช
บัญญัติเงินตรา พ.ศ. 2501 ได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานานแล้ว บทบัญญัติเกี่ยวกับการจัดทำ
และนำออกใช้เหรียญกษาปณ์ การรับแลกเปลี่ยนเหรียญกษาปณ์ การรับแลกเปลี่ยนเหรียญ
กษาปณ์ชำรุดยังไม่เหมาะสม สมควรแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติดังกล่าว โดยกำหนดให้
เหรียญกษาปณ์ที่จัดทำและนำออกใช้แต่ละชนิดราคาต้องมีเพียงขนาดเดียว และให้มีการรับ
แลกเปลี่ยนเหรียญกษาปณ์ชำรุดได้กว้างขวางขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้สมควรกำหนดหลัก
เกณฑ์เกี่ยวกับการถอนคืนเหรียญกษาปณ์ไว้ด้วย โดยให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฏกระทรวง
จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
(ร.จ. ฉบับพิเศษ เล่ม 110 ตอนที่ 213 หน้า 1 วันที่ 17 ธันวาคม 2536)