พระราชบัญญัติ
                          วิทยุคมนาคม (ฉบับที่ 3)
                              พ.ศ. 2535
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
                    ให้ไว้ ณ วันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2535
                        เป็นปีที่ 47 ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้
ประกาศว่า
    โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยวิทยุคมนาคม
    จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของ
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่รัฐสภา ดังต่อไปนี้

    มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม (ฉบับที่ 3) พ.ศ.
2535"

    มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป

    มาตรา 3 ให้ยกเลิกความในบทนิยามคำว่า "เครื่องวิทยุคมนาคม" ในมาตรา 4 แห่ง
พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
    "เครื่องวิทยุคมนาคม" หมายความว่า เครื่องส่งวิทยุคมนาคม เครื่องรับวิทยุคมนาคม
หรือเครื่องรับและส่งวิทยุคมนาคม แต่ไม่รวมตลอดถึงเครื่องรับวิทยุกระจายเสียง เครื่องรับ
วิทยุโทรทัศน์ และเครื่องส่ง เครื่องรับหรือเครื่องรับและส่งวิทยุคมนาคมด้วยคลื่นแฮรตเซียน
ตามลักษณะหรือประเภทที่กำหนดในกฎกระทรวง
    เพื่อประโยชน์ในการควบควบการใช้เครื่องวิทยุคมนาคม ให้ถือว่าอุปกรณ์ใด ๆ ของเครื่อง
วิทยุคมนาคมตามที่กำหนดในกฎกระทรวงเป็นเครื่องวิทยุคมนาคมด้วย"

    มาตรา4 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นบทนิยามระหว่างคำว่า"นำออก"กับคำว่า"เจ้าพนักงาน
ผู้ออกใบอนุญาต"ในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498
    ""ค้า" หมายความรวมถึง การมีไว้ในครอบครองเพื่อขายหรือซ่อมแซมด้วย"

    มาตรา 5 ให้ยกเลิกความในมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 และ
ให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

    "มาตรา6 ห้ามมิให้ผู้ใด ทำ มี ใช้ นำเข้า นำออก หรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม เว้น
แต่จะได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต
    ในกรณีที่เห็นสมควร รัฐมนตรีมีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดให้เครื่องวิทยุคมนาคมบาง
ลักษณะหรือเครื่องวิทยุคมนาคมที่ใช้ในกิจการบางประเภทได้รับยกเว้นไม่ต้องได้รับใบอนุญาตตาม
วรรคหนึ่งทั้งหมดหรือเฉพาะแต่บางกรณีได้"
    "มาตรา 9 ใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ มีดังนี้
    (1) ใบอนุญาตให้ทำ ให้มีอายุหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันออก
    (2) ใบอนุญาตให้มี ให้มีอายุหนึ่งปีนับแต่วันออก
    (3) ใบอนุญาตให้ใช้ ให้มีอายุตลอดอายุของเครื่องวิทยุคมนาคม
    (4) ใบอนุญาตให้นำเข้า ให้มีอายุหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันออก
    (5) ใบอนุญาตให้นำออก ให้มีอายุสามสิบวันนับแต่วันออก
    (6) ใบอนุญาตให้ค้า ให้มีอายุหนึ่งปีนับแต่วันออก เว้นแต่ใบอนุญาตที่ออกให้เพื่อ
การซ่อมแซมโดยเฉพาะ ให้มีอายุห้าปีนับแต่วันออก
    (7) ใบอนุญาตให้ตั้งสถานีวิทยุคมนาคม ให้มีอายุตลอดระยะเวลาที่ผู้รับใบอนุญาตให้สถานี
ตามที่ระบุไว้ในใบอนุญาตเป็นสถานีวิทยุคมนาคม
    (8) ใบอนุญาตพนักงานวิทยุคมนาคม ให้มีอายุห้าปีนับแต่วันออก
    (9) ใบอนุญาตให้รับข่าววิทยุคมนาคมต่างประเทศเพื่อการโฆษณา ให้มีอายุหนึ่งปีนับแต่วัน
ออก
    ผู้ได้รับใบอนุญาตตาม (1) (3) (4) (5) (6) หรือ (7) ให้ถือว่าได้รับอนุญาตให้มี
เครื่องวิทยุคมนาคมด้วย"

    มาตรา 7 ให้ยกเลิกความในมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. 2598
และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
    "มาตรา 11 ห้ามมิให้ผู้ใดตั้งสถานีวิทยุคมนาคม เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงาน
ผู้ออกใบอนุญาต
    สถานีวิทยุคมนาคมต้องใช้ความถี่คลื่นให้ถูกต้องตามข้อบังคับว่าด้วยวิทยุคมนาคมตามภาค
ผนวกต่ออายุอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยโทรคมนาคม
    เพื่อให้การเป็นไปตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้อธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลข มีอำนาจ
กำหนดเงื่อนไขการตั้งสถานีวิทยุคมนาคม และให้อธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลข หรือผู้ที่ได้
รับมอบหมายมีอำนาจควบคุมและกำหนดการใช้ความถี่คลื่นของสถานีวิทยุคมนาคมต่าง ๆ
    ในกรณีที่เห็นสมควร รัฐมนตรีมีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดให้สถานีวิทยุคมนาคมที่ใช้ใน
กิจการบางประเภทได้รับยกเว้นไม่ต้องได้รับใบอนุญาตตามวรรคหนึ่ง"

    "มาตรา 8 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 11 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.
2598
    "มาตรา 11 ทวิ ให้รัฐมนตรีมีอำนาจประกาศกำหนดให้ผู้ใช้ความถี่คลื่นเพื่อกิจการใดหรือ
ในลักษณะใดต้องเสียค่าตอบแทนในการใช้ความถี่คลื่นนั้นให้แก่รัฐบาลได้ตามอัตราที่เห็นสมควร
    ประกาศตามวรรคหนึ่งให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา"

    มาตรา 9 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นวรรคสองของมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติวิทยุ
คมนาคม พ.ศ. 2528
    "เมื่อปรากฏว่าผู้ใดกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ากระทำ
การเช่นว่านั้น ให้เจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายตามความในวรรคหนึ่ง
มีอำนาจจับกุมผู้นั้นพร้อมด้วยของกลางที่ใช้ในการกระทำความผิดเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย"

    มาตรา 10 ให้ยกเลิกความในมาตรา 23 มาตรา 24 มาตรา 25 มาตรา 26 และ
มาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
    "มาตรา 23 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 6 มาตรา 11 หรือมาตรา 16 มีความผิดต้องระวาง
โทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือจำคุกไม่เกินห้าปี หรือทั้งปรับทั้งจำ
    มาตรา 24 ในกรณีที่มีการฝ่าฝืนมาตรา 12 หรือมาตรา 13 ผู้ควบคุมสถานีวิทยุคมนาคม
หรือผู้ควบคุมเครื่องวิทยุคมนาคม และผู้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้นมีความผิด ต้อง
ระวางโทษปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือจำคุกไม่เกินสองปี หรือทั้งปรับทั้งจำ
    มาตรา25 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 7 มาตรา 8 หรือมาตรา 17 มีความผิดต้องระวางโทษ
ปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือจำคุกไม่เกินสองปี หรือทั้งปรับทั้งจำ
    มาตรา 26 ผู้ใดจงใจกระทำให้เกิดการรบกวน หรือขัดขวางต่อการวิทยุคมนาคมมีความผิด
ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือจำคุกไม่เกินห้าปี หรือทั้งปรับทั้งจำ
    มาตรา 27 ผู้ใดฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายตาม
ความในมาตรา 15 มีความผิด ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือจำคุกไม่เกินสองปี
หรือทั้งปรับทั้งจำ"

    มาตรา 11 ให้ยกเลิกความใน (3) ของมาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม
พ.ศ. 2498 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
    "(3) กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมตามพระราชบัญญัตินี้"

    มาตรา 12 ให้ยกเลิกอัตราค่าธรรมเนียมท้ายพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. 24987

    มาตรา 13 บรรดาใบอนุญาตที่ออกตามพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 ก่อน
วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ยังคงมีผลใช้ได้ต่อไปจนกว่าจะสิ้นอายุใบอนุญาต

    มาตรา 14 ผู้ใดประกอบการค้าเครื่องวิทยุคมนาคมอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับหาก
ประสงค์จะประกอบกิจการดังกล่าวต่อไป ให้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่
วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ และเมื่อได้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตแล้วให้ประกอบกิจการได้ต่อไปอีก
จนกว่าจะได้รับแจ้งว่าไม่ได้รับอนุญาต
    ผู้ไม่ได้รับอนุญาตอาจอุทธรณ์ไปยังอธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลขภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้
รับแจ้งว่าไม่ได้รับอนุญาต คำชี้ขาดของอธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลขให้เป็นที่สุด
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
อานันท์  ปันยารชุน
นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่กฎหมายว่าด้วย
วิทยุคมนาคมได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานานแล้ว ประกอบกับเทคโนโลยีด้านวิทยุคมนาคมของโลกได้
ก้าวหน้าไปโดยรวดเร็วบทบัญญัติที่เกี่ยวกับการควบคุมเครื่องวิทยุคมนาคมหรือส่วนใด ๆ แห่ง
เครื่องวิทยุคมนาคมและการตั้งสถานีวิทยุคมนาคมที่ใช้บังคับอยู่บางส่วนยังไม่เหมาะสมกับ
สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปมากและอย่างรวดเร็ว และยังไม่มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการเก็บค่าใช้
ความถี่คลื่นซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีจำกัด ตลอดจนการกำหนดโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืน ทำให้การบังคับให้
เป็นไปตามกฎหมายไม่สามารถดำเนินการไปตามความมุ่งหมาย และบทบัญญัติที่เกี่ยวกับ
การกำหนดอายุของใบอนุญาตและการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมและบทบัญญัติเกี่ยวกบอัตราโทษ
สำหรับผู้ฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวที่ใช้บังคับอยู่ไม่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน
ดังนั้น สมควรแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยวิทยุคมนาคมให้เหมาะสมยิ่งขึ้น จึง
จำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
(ร.จ. เล่ม 109 ตอนที่ 51 หน้า 1 วันที่ 19 เมษายน 2535)