พระราชบัญญัติ
               สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (ฉบับที่ 2)
                               พ.ศ.2535
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
                     ให้ไว้ ณ วันที่ 31 มีนาคม พ.ศ.2535
                        เป็นปีที่ 47 ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ
ให้ประกาศว่า
         โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรม
แห่งชาติ
         จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอม
ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่รัฐสภา ดังต่อไปนี้

         มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติสำนักงานคณะกรรมการ
วัฒนธรรมแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535"

         มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

         มาตรา 3 ให้ยกเลิกความในมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติสำนักงานคณะกรรมการ
วัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ.2522 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
         "มาตรา 3 ในพระราชบัญญัตินี้
              "คณะกรรมการ" หมายความว่า คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ
              "กองทุน" หมายความว่า กองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม
              "คณะกรรมการกองทุน" หมายความว่า คณะกรรมการกองทุนส่งเสริมงาน
วัฒนธรรม
              "รัฐมนตรี" หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้"

         มาตรา 4 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (6 ทวิ) และ (6 ตรี) ของมาตรา 5 แห่ง
พระราชบัญญัติสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2522
              "(6 ทวิ) กำหนดค่าตอบแทนคณะกรรมการกองทุนและคณะอนุกรรมการที่
คณะกรรมการกองทุนแต่งตั้ง
               (6 ตรี) แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิทางวัฒนธรรม

         มาตรา 5 ให้ยกเลิกมาตรา 14 ถึงมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติสำนักงาน
แห่งชาติ พ.ศ.2522

         มาตรา 6 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 14 ถึงมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติ
สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ.2522
         "มาตรา 14 ให้จัดตั้งกองทุนขึ้นในสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ
เรียกว่า"กองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม" โดยมีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
              (1) ส่งเสริมและสนับสนุน การวิจัย การพัฒนา การฟื้นฟู การอนุรักษ์ การ
ศึกษาและเผยแพร่งานศิลปะและวัฒนธรรมของบุคคล คณะบุคคล และหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาค
ราชการและเอกชน
              (2) ส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมที่สร้างความร่วมมือขององค์กรและสถาบัน
ด้านศิลปวัฒนธรรม
              (3) ส่งเสริมกิจกรรมการจัดการแสดง การจัดนิทรรศการทางศิลปะและ
กิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับศิลปะและวัฒนธรรม ทั้งใดระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับนานาชาติ
              (4) ช่วยเหลือผู้มีผลงานด้านวัฒนธรรม และศิลปินในด้านสวัสดีการและ
ความเป็นอยู่
              (5) สนับสนุนให้มีการจัดตั้งซื้อผลงานทางศิลปะที่เป็นผลงานของศิลปินไทย
และเป็นสมบัติของชาติ
              (6) ส่งเสริมการเรียนการสอนด้านศิลปะและวัฒนธรรม และการสืบทอดงาน
ศิลปะ ทั้งในและนอกระบบโรงเรียน
              (7) ส่งเสริมการวิจัย พัฒนา และการเรียนการสอนภาษาไทย
              (8) ส่งเสริมและสนับสนุนการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ระหว่างประเทศไทยกับ
ต่างประเทศ ตลอดจนองค์กร สมาคม และมูลนิธิต่างประเทศ
              (9) ส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรด้านศิลปะและวัฒนธรรม
             (10) ส่งเสริมและสนับสนุนองค์กรสาธารณประโยชน์ที่เกี่ยวกับงานศิลปะและ
วัฒนธรรม
         มาตรา 15 กองทุนประกอบด้วย
              (1) เงินทุนประเดิมที่รัฐบาลจัดสรรให้
              (2) เงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรให้จากงบประมาณแผ่นดินประจำปี
              (3) กองทุนศิลปินในสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ
              (4) เงินอุดหนุนกิจการของสภาวัฒนธรรมแห่งชาติที่สำนักงานคณะกรรมการ
วัฒนธรรมชาติรับโอนจากกองวัฒนธรรม กรมการศาสนา
              (5) เงินอุดหนุนจากต่างประเทศ รวมทั้งองค์กรระหว่างประเทศ
              (6) เงินและทรัพย์สินที่มีผู้มอบให้เพื่อสมทบกองทุน
              (7) ค่าธรรมเนียมการจัดการลิขสิทธิ์
              (8) เงินและทรัพย์สินอื่นที่ตกเป็นของกองทุน
              (9) ดอกผลและรายได้ของกองทุน
         คณะกรรมการกองทุนอาจตั้งกองทุนเฉพาะเรื่องขึ้นในกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม
วัตถุประสงค์ของผู้บริจาคเงินหรือทรัพย์สินก็ได้
         มาตรา 16 รายได้ของกองทุนให้นำเข้าสมทบกองทุนโดยไม่ต้องส่งกระทรวง
การคลังตามกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลังและกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ
         มาตรา 17 เงินกองทุนให้นำมาใช้จ่ายได้เฉพาะเงินในมาตรา 15 (2) (5) (7)
และ (9) เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในมาตรา 15 และตามวัตถุประสงค์ของ
ผู้บริจาค และเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงานของกองทุนตามระเบียบที่คณะกรรมการทุนกำหนด
โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง รวมทั้งค่าตอบแทนต่าง ๆ ตามพระราชบัญญัตินี้
         มาตรา 18 ให้สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติวางและถือไว้ซึ่งระบบ
การบัญชีที่เหมาะสมแก่กิจการ ตามที่คณะกรรมการกองทุนกำหนด แยกตามประเภทงานส่วนที่
สำคัญ มีสมุดบัญชีลงรายการรับและจ่ายเงิน สินทรัพย์และหนี้สิน ที่แสดงกิจการที่เป็นอยู่ตามความ
จริงและตามที่ควร ตามประเภทงาน พร้อมด้วยข้อความอันเป็นที่มาของรายการนั้น ๆ และให้มี
การตรวจสอบบัญชีภายในเป็นประจำ
         มาตรา 19 ให้สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติจัดทำงบดุลและบัญชีทำการ
ส่งผู้สอบบัญชีตรวจสอบภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันสิ้นปีบัญชีทุกปี
         ให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้สอบบัญชีของกองทุนทุกรอบปี แล้วทำรายงานผล
การสอบบัญชีเสนอต่อคณะกรรมการกองทุน
         มาตรา 20 ให้คณะกรรมการกองทุนเสนองบดุลแสดฐานะการเงินโดยมีคำรับรอง
การตรวจสอบของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และเสนอรายงานประจำปีต่อคณะกรรมการทุกปี
         มาตรา 21 ในกิจการของกองทุนที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก ให้ถือเป็นกิจการของ
สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ โดยมีเลขาธิการคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติเป็น
ผู้แทน และเพื่อการนี้ เลขาธิการคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติจะมอบอำนาจให้บุคคลใด
ปฏิบัติการแทนเฉพาะอย่างก็ได้ แต่ต้องเป็นไปตามข้อบังคับที่คณะกรรมการกองทุนกำหนด
         มาตรา 22 ให้จัดตั้งหน่วยงานระดับกองขึ้นในสำนักงานคณะกรรมการ
วัฒนธรรมแห่งชาติเพื่อทำหน้าที่ธุรการให้กับกองทุนและคณะกรรมการกองทุน
         มาตรา 23 ให้มีคณะกรรมการกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม ประกอบด้วย
ผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านวัฒนธรรม ซึ่งคณะกรรมการแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการกองทุนเลขาธิการ
คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติเป็นรองประธานกรรมการกองทุน ผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านวัฒนธรรม
ซึ่งคณะกรรมการแต่งตั้งจำนวนหกคนเป็นกรรมการกองทุน และให้หัวหน้าหน่วยงานตามมาตรา
22 เป็นกรรมการและเลขานุการกองทุน
         มาตรา 24 คณะกรรมการกองทุนมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
              (1) บริหารกองทุนให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์
              (2) ออกระเบียบหรือข้อบังคับใด ๆ เพื่อให้การบริหารกองทุนเป็นไปด้วย
ความเรียบร้อย
              (3) กำหนดแผนการเงินและงบประมาณประจำปีของกองทุน
              (4) พิจารณาอนุมัติโครงการ หรือกิจกรรมที่ขอรับการอุดหนุนจากกองทุนให้
สอดคล้องกับนโยบายวัฒนธรรมแห่งชาติในเรื่องการวิจัย การพัฒนา การฟื้นฟู การอนุรักษ์ ให้
การศึกษา ส่งเสริม และเผยแพร่งานวัฒนธรรม
              (5) ติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการ หรือกิจกรรมที่ได้รับการ
ส่งเสริมหรือสนับสนุนจากกองทุน
              (6) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่กฎหมายกำหนดหรือคณะกรรมการมอบหมาย
         ในการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวข้างต้น คณะกรรมการกองทุนอาจมอบให้สำนักงาน
คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติเป็นผู้ปฏิบัติการหรือเตรียมข้อเสนอต่อคณะกรรมการกองทุนเพื่อ
พิจารณาดำเนินการต่อไปได้
         มาตรา 25 ให้ประธานกรรมการกองทุนและกรรมการกองทุนซึ่งคณะกรรมการ
แต่งตั้ง  อยู่ในตำแหน่งคราวละสองปี
         ประธานกรรมการกองทุน และกรรมการกองทุนซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระอาจได้
รับแต่งตั้งอีกได้
         เมื่อครบกำหนดตามวาระดังกล่าวในวรรคหนึ่ง หากยังมิได้มีการแต่งตั้ง
ประธานกรรมการกองทุนหรือกรรมการทุนขึ้นใหม่ ให้ประธานกรรมการกองทุนหรือกรรมการ
กองทุนซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระนั้น คงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าประธานการกองทุนหรือ
กรรมการกองทุนซึ่งได้รับแต่งตั้งใหม่เข้ารับหน้าที่ ตามแต่กรณี
         มาตรา 26 นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามมาตรา 25 ประธาน
กรรมการกองทุนและกรรมการกองทุนซึ่งคณะกรรมการแต่งตั้งพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
              (1) ตาย
              (2) ลาออก
              (3) คณะกรรมการให้ออก
              (4) เป็นบุคคลล้มละลาย
              (5) เป็นคนไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ
              (6) ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษ
สำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ
         ให้นำมาตรา 7 วรรคสองและวรรคสาม มาใช้บังคับโดยอนุโลม
         มาตรา 27 ให้นำมาตรา 8 มาใช้บังคับแก่การประชุมของคณะกรรมการกองทุน
โดยอนุโลม
         มาตรา 28 คณะกรรมการกองทุนมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือ
ปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่คณะกรรมการกองทุนมอบหมายได้
         ให้นำมาตรา 8 มาใช้บังคับแก่การประชุมของคณะอนุกรรมการโดยอนุโลม
         มาตรา 29 ให้สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติมีผู้ทรงคุณวุฒิทางวัฒนธรรม
โดยคณะกรรมการกองทุนคัดเลือกจากผู้ที่มีผลงานด้านวัฒนธรรม ตามจำนวนที่คณะกรรมการ
ทั้งหมด
         เมื่อคณะกรรมการกองทุนคัดเลือกผู้ใดเป็นผู้ทรงคุณวุฒิทางวัฒนธรรมแล้ว ให้
สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาตินำเสนอคณะกรรมการเพื่อแต่งตั้งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิทาง
วัฒนธรรม
         มาตรา 30 บุคคลที่มีสิทธิได้รับการคัดเลือกเป็นผู้ทรงคุณวุฒิทางวัฒนธรรมต้องมี
คุณสมบัติดังนี้
              (1) มีสัญชาติไทย
              (2) ไม่เคยมีความประพฤติเสื่อมเสีย
              (3) เป็นผู้มีผลงานดีเด่นเป็นที่ประจักษ์ทางด้านศิลปะและวัฒนธรรม
         มาตรา 31 ผู้ทรงคุณวุฒิทางวัฒนธรรมมีหน้าทีดังต่อไปนี้
              (1) วิจัย พัฒนา ฟื้นฟู อนุรักษ์ ให้การศึกษา ส่งเสริม และเผยแพร่งาน
วัฒนธรรม
              (2) ให้คำแนะนำและคำปรึกษาทางวัฒนธรรมแก่สำนักงานคณะกรรมการ
วัฒนธรรมแห่งชาติ และหน่วยงานต่าง ๆ
              (3) วินิจฉัยปัญหาทางวัฒนธรรมของสำนักงานคณะกรรมการ
วัฒนธรรมแห่งชาติ
              (4) ดำเนินการอื่นตามที่คณะกรรมการกองทุนกำหนด หรือสำนักงานคณะ
กรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติร้องขอ
         มาตรา 32 ผู้ทรงคุณวุฒิทางวัฒนธรรมมีสิทธิได้รับเงินตอบแทนประจำตำแหน่งและ
ประโยชน์ ตอบแทนอื่นจากกองทุน ตามระเบียบที่คณะกรรมการกองทุนกำหนด โดยความเห็นชอบ
ของคณะกรรมการ
         มาตรา 33 ผู้ทรงคุณวุฒิทางวัฒนธรรมพ้นจากการเป็นผู้ทรงคุณวุฒิเมื่อ
              (1) ตาย
              (2) ลาออก
              (3) ขาดคุณสมบัติตามมาตรา 30
              (4) เป็นคนไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ
              (5) ไม่สามารถปฏิบัติหน้าทีได้ตามมาตรา 31 และที่ประชุมคณะกรรมการ
ลงมติให้พ้นจากการเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ด้วยคะแนนเสียงไม่ต่ำกว่าสองในสามของจำนวน
คณะกรรมการทั้งหมด
              (6) มีความประพฤติเสื่อมเสีย และที่ประชุมคณะกรรมการลงมติให้พ้นจาก
การเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ด้วยคะแนนเสียงไม่ต่ำกว่าสองในสามของจำนวนคณะกรรมการทั้งหมด
              (7) ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับ
ความผิดทีได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
         มาตรา 34 เมื่อจำนวนผู้ทรงคุณวุฒิทางวัฒนธรรมไม่ครบจำนวนตามที่คณะกรรมการ
กำหนดไว้ในมาตรา 29 คณะกรรมการอาจพิจารณาแต่งตั้งเพิ่มขึ้นได้โดยให้นำความในมาตรา
29 มาใช้บังคับโดยอนุโลม
         มาตรา 35 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้"

         มาตรา 7 ให้โอนเงินอุดหนุนกิจการของสภาวัฒนธรรมแห่งชาติ ที่สำนักงาน
คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติรับโอนจากกองวัฒนธรรม กรมการศาสนา และเงินกองทุนศิลปิน
ในสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ มาเป็นของกองทุนตามพระราชบัญญัตินี้

         มาตรา 8 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
อานันท์ ปันยารชุน
นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ : เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่มีความจำเป็น
ต้องเสริมสมรรถนะในการส่งเสริมสนับสนุนการดำเนินงานด้านวัฒนธรรมของชาติให้มีประสิทธิ
ภายยิ่งขึ้นกว่าที่อยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริหารงานภายใต้ระบบบริหารราชการที่มี
ข้อจำกัดในเรื่องงบประมาณทำให้ไม่สามารถบริหารงานวัฒนธรรมให้บรรลุผลตามเป้าหมายที่วาง
ไว้ได้ สมควรกำหนดให้มีกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม ซึ่งสามารถระดมทรัพยากรจาก
ทางราชการและเอกชนมาสนับสนุนการบริหารงานวัฒนธรรมได้อย่างคล่องตัว โดยไม่ผูกพันกับ
กฎระเบียบ และข้อบังคับของทางราชการ และกำหนดให้มีผู้ทรงคุณวุฒิทางวัฒนธรรมเพื่อช่วย
เผยแพร่งานวัฒนธรรมและเป็นที่ปรึกษาทางวัฒนธรรมแก่หน่วยงานต่าง ๆ จึงจำเป็นต้องตรา
พระราชบัญญัตินี้
(ร.จ. เล่ม 109 ตอนที่ 42 หน้า 109 วันที่ 8 เมษายน 2535)