พระราชบัญญัติ คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2535 |
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ 31 มีนาคม พ.ศ.2535 เป็นปีที่ 47 ในรัชกาลปัจจุบัน |
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่รัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2535"
มาตรา 2 พระราชบัญญัติให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2521 บรรดากฎหมาย กฎ และข้อบังคับอื่นในส่วนที่มีบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้ หรือ ซึ่งขัดหรือแย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้พระราชบัญญัติแทน
มาตรา 4 ให้มีคณะกรรมการศึกษาแห่งชาติ ประกอบด้วยนายกรัฐมนตรีหรือรองนายก รัฐมนตรีคนหนึ่งซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นประธานกรรมการ รัฐมนตรีประจำสักนักนายกรัฐมนตรี คนหนึ่งซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นรองประธานกรรมการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัย ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวง มหาดไทย ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ปลัด กระทรวงสาธารณสุข ปลัดทบวงมหาวิทยาลัย ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เลขาธิการคณะกรรมการ พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนสิบสองคนซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง โดยต้องแต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิจากเอกชนอย่างน้อยห้าคน เป็นกรรมการ และให้เลขาธิการ คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ เป็นกรรมการและเลขานุการ และรองเลขาธิการคณะกรรมการการ ศึกษาแห่งชาติคนหนึ่งซึ่งเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติมอบหมายเป็นผู้ช่วยเลขานุการ
มาตรา 5 คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติหน้าที่ดังต่อไปนี้ (1) พิจารณาและเสนอแผนการศึกษาแห่งชาติ แผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติ แนวนโยบายทางการศึกษา และข้อเสนออื่น ๆ ต่อคณะรัฐมนตรี (2) พิจารณาและให้เห็นความเห็นต่อคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับนโยบาย แผนงาน และโครงการทางการศึกษานอกจากที่กำหนดไว้ในแผนการศึกษาแห่งชาติ และแผนพัฒนาการศึกษา แห่งชาติ ตามที่คณะรัฐมนตรีมอบหมาย (3) ประสานการดำเนินงานเกี่ยวกับการจัดและพัฒนาการศึกษาของกระทรวง ทบวง กรมและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวกับการศึกษาให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนทางด้านการ ศึกษาของชาติ (4) เสนอความเห็นต่อนายกรัฐมนตรีในกิจการเกี่ยวกับการศึกษาตามที่นายก รัฐมนตรีขอให้พิจารณา (5) กำกับดูแลการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ
มาตรา 6 กรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสี่ปี กรรมการซึ่ง พ้นจากตำแหน่งอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้ ให้กรรมการที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระปฏิบัติหน้าที่ไปพลางก่อนจนกว่าจะมีการแต่งตั้งใหม่
มาตรา 7 นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามมาตรา 6 กรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรี แต่งตั้งพ้นจากแหน่งเมื่อ (1) ตาย (2) ลาออก (3) เป็นบุคคลล้มละลาย (4) เป็นคนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ (5) ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับ ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ (6) คณะรัฐมนตรีให้ออก ในกรณีที่กรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ คณะรัฐมนตรีอาจ แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิอื่นเป็นกรรมการแทนได้ ให้กรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งตามวรรคสอง อยู่ในตำแหน่งตามวาระของกรรมการซึ่งตนแทน
มาตรา 8 ในการประชุมคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ ต้องมีกรรมการมาประชุมไม่ น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม ในการประชุมครั้งใด ถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อยู่ในที่ประชุม ให้รองประธานกรรมการเป็นประธานในที่ประชุม ถ้าประธานกรรมการและรองประธาน กรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อยู่ในที่ประชุม ให้กรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการ คนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม
มาตรา 9 การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งให้มี เสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียง หนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
มาตรา 10 ให้มีสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติหน้าที่ดังต่อไปนี้ (1) ศึกษา วิเคราะห์ และวิจัยปัญหาและภาวะการจัดการศึกษาของประเทศ เพื่อเสนอนโยบายและมาตรการทั้งระยะสั้นและระยะยาวในอันที่จะเสริมสร้างการพัฒนาการศึกษา (2) ดำเนินการจัดทำแผนการศึกษาแห่งชาติ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดการ ศึกษาของประเทศ (3) ดำเนินการจัดการทำแผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติ สำหรับช่วงเวลาหนึ่งให้ สอดคล้องกับแผนการศึกษาแห่งชาติและการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ (4) ติดตามและประเมินผลการพัฒนาการศึกษาตามแผนการศึกษาแห่งชาติ แผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติ และนโยบายการศึกษาของรัฐบาล (5) เสนอผลการพัฒนาการศึกษา รวมทั้งปัญหาและอุปสรรคในการพัฒนาการ ศึกษา เพื่อประกอบการพิจารณาในการกำหนดนโยบายการศึกษาของรัฐบาล (6) รวบรวมข้อมูล และข้อสนเทศทางศึกษาและที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา เพื่อใช้ประโยชน์ในการพัฒนาการศึกษา (7) ประสานงานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ทั้งในด้านการจัดทำ แผนงาน โครงการพัฒนาและการปฏิบัติงานตามแผน (8) ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการ การศึกษาแห่งชาติหรือสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ
มาตรา 11 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติอาจขอให้กระทรวง ทบวง กรม และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวกับการศึกษาเสนอรายละเอียดทางวิชาการ การเงิน สถิติ และ เรื่องต่าง ๆ ที่จำเป็นแก่การปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติตามมาตรา 10
มาตรา 12 คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ หรือสำนักงานคณะกรรมการการศึกษา แห่งชาติอาจเชิญบุคคลหนึ่งบุคคลใดมาให้ข้อเท็จจริง คำอธิบาย ความเห็นหรือคำแนะนำได้ตามที่ เห็นสมควร
มาตรา 13 ให้กระทรวง ทบวง กรม และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวกับการศึกษ กำกับดูแล และดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายการศึกษา แผนการศึกษาแห่งชาติและแผนพัฒนาการศึกษา แห่งชาติ และรายงานการดำเนินงานการพัฒนาการศึกษาไปยังคณะกรรมการศึกษาแห่งชาติ ตาม ระเบียนที่คณะกรรมการศึกษาแห่งชาติกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
มาตรา 14 ให้มีเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ มีหน้าที่ควบคุมและดูแลโดย ทั่วไป ซึ่งราชการของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติมอบหมาย
มาตรา 15 คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติอาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ เพื่อพิจารณาหรือ ปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติมอบหมาย การประชุมคณะอนุกรรมการตามวรรคหนึ่ง ให้นำมาตรา 8 และมาตรา 9 มาใช้บังคับโดย อนุโลม
มาตรา 16 ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ อานันท์ ปันยารชุน นายกรัฐมนตรี |
หมายเหตุ : เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควร ปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ เพื่อให้เหมาะสมชัดเจนและสอดคล้องกับ การดำเนินงานด้านการพัฒนาการศึกษาของชาติในสถานการณ์ปัจจุบัน จึงจำเป็นต้อง ตราพระราชบัญญัตินี้ (ร.จ. เล่ม 109 ตอนที่ 42 หน้า 58 วันที่ 8 เมษายน 2535) |