พระราชบัญญัติ พันธุ์พืช (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 |
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2535 เป็นปีที่ 47 ในรัชกาลปัจจุบัน |
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยพันธุ์พืช จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่รัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า"พระราชบัญญัติพันธุ์พืช (ฉบับที่2) พ.ศ. 2535"
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้ยกเลิกความในมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. 2518 และให้ใช้ ความต่อไปนี้แทน "มาตรา 3 ในพระราชบัญญัตินี้ "พันธุ์พืช" หมายความว่า พันธุ์ หรือกลุ่มของพืชที่มีพันธุกรรมและลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เหมือนหรือคล้ายคลึงกันและมีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่แตกต่างจากกลุ่มอื่นในพืชชนิดเดียวกันที่สามารถ ตรวจสอบได้ "เมล็ดพันธุ์" หมายความว่า เมล็ด หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของพืชที่ใช้เพาะปลูกหรือใช้ทำ พันธุ์ เช่น ต้น ตอ หน่อ เหง้า กิ่ง แขนง ตา ราก หัว ดอก หรือผล "เมล็ดพันธุ์ควบคุม" หมายความว่า เมล็ดพันธุ์ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดให้เป็นเมล็ดพันธุ์ ควบคุม "เมล็ดพันธุ์รับรอง" หมายความว่า เมล็ดพันธุ์ที่ได้ผ่านการทดสอบ ตรวจหรือวิเคราะห์ คุณภาพหรือคุณสมบัติและอธิบดีออกหนังสือรับรองให้ "พันธุ์พืชขึ้นทะเบียน"หมายความว่า พันธุ์พืชที่ผ่านการพิจารณาขึ้นทะเบียนและอธิบดีออก หนังสือรับรองให้ "พันธุ์พืชรับรอง" หมายความว่า พันธุ์พืชขึ้นทะเบียนที่ผ่านการพิจารณารับรองให้เป็นพันธุ์พืช รับรองและอธิบดีออกหนังสือรับรองให้ "พืชสงวน" หมายความว่า พืชที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดให้เป็นพืชสงวน "พืชต้องห้าม" หมายความว่า พืชที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดให้เป็นพืชต้องห้าม "พืชอนุรักษ์" หมายความว่า พืชชนิดที่กำหนดไว้ในบัญชีแนบท้ายอนุสัญญาว่าด้วยการค้า ระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่กำลังจะสูญพันธุ์ ซึ่งรัฐมนตรีประกาศกำหนดใน ราชกิจจานุเบกษา "การขยายพันธุ์เทียม" หมายความว่า การขยายพันธุ์ที่ไม่ใช่การขยายพันธุ์โดยธรรมชาติ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีกำหนด "ฉลาก" หมาความรวมถึง รูป รอยประดิษฐ์ หรือข้อความใด ๆ อันแสดงไว้ที่ภาชนะบรรจุ "ภาชนะบรรจุ" หมายความว่า วัตถุใด ๆ ที่ใช้บรรจุหรือห่อหุ้มเมล็ดพันธุ์โดยเฉพาะ "รวบรวม" หมายความว่า รวบรวมเมล็ดพันธุ์เพื่อคัดเลือกหรือบรรจุในภาชนะบรรจุ "ขาย" หมายความว่า จำหน่าย จ่าย แจก หรือแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ใน การค้าและหมายความรวมถึงมีไว้เพื่อขาย "นำเข้า" หมายความว่า นำหรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักร "ส่งออก" หมายความว่า นำหรือส่งออกนอกราชอาณาจักร "นำผ่าน" หมายความว่า นำหรือส่งผ่านราชอาณาจักร โดยมีการขนถ่ายหรือเปลี่ยน ยานพาหนะ "สถานที่" หมายความว่า ที่ อาคารหรือส่วนของอาคาร และหมายความรวมถึงบริเวณ ของสถานที่ด้วย "คณะกรรมการ" หมายความว่า คณะกรรมการพันธุ์พืช "พนักงานเจ้าหน้าที่" หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ "อธิบดี" หมายความว่า อธิบดีกรมวิชาการเกษตร "รัฐมนตรี" หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้"
มาตรา 4 ให้ยกเลิกความในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. 2518 และให้ใช้ ความต่อไปนี้แทน "มาตรา 4 พระราชบัญญัตินี้ไม่ใช้บังคับแก่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ หรือส่วนราชการอื่นใดส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง (1) เมล็ดพันธุ์ควบคุม (2) พืชสงวน (3) พืชต้องห้าม "
มาตรา 5 ให้ยกเลิกความในมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. 2518 และให้ใช้ ความต่อไปนี้แทน "มาตรา 6 ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า "คณะกรรมการพันธุ์พืช" ประกอบด้วยปลัด กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธานกรรมการ อธิบดีกรมวิชากรรเกษตร อธิบดีกรมส่งเสริม การเกษตร ผู้แทนกรมป่าไม้ ผู้แทนกรมศุลกากร และผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งอีกไม่เกินเก้าคน เป็นกรรมการ และผู้อำนวยการกองควบคุมพืชและวัสดุการเกษตรเป็นกรรมการและเลขานุการ"
มาตรา 6 ให้ยกเลิกความในมาตรา 10 และมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. 2518 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "มาตรา 10 ให้คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษา วิจัยหรือ ปฏิบัติการเกี่ยวกับพืชที่คณะกรรมการมอบหมาย และให้นำความในมาตรา 9 มาใช้บังคับแก่การ ประชุมของคณะอนุกรรมการโดยอนุโลม มาตรา 11 ให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ดังนี้ (1) เสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีเกี่ยวกับการควบคุม การส่งเสริม และการออกประกาศ เกี่ยวกับพืช (2) ให้คำแนะนำ หรือ คำปรึกษาแก่รัฐมนตรีในเรื่องเกี่ยวกับพืช"
มาตรา 7 ให้ยกเลิกชื่อหมวด 2 การขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับพันธุ์พืชควบคุม และความในมาตรา 12 มาตรา 13 มาตรา 14 มาตรา 15 มาตรา 16 และมาตรา 17 แห่ง พระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. 2518 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "หมวด 2 การขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์ควบคุม มาตรา 12 ให้รัฐมนตรีมีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษากำหนดชนิดและชื่อพันธุ์ของพืชชนิด ใดให้เป็นเมล็ดพันธุ์ควบคุม มาตรา 13 เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติเกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์ควบคุมให้รัฐมนตรีมีอำนาจประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา (1) กำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตตามามาตรา 17 (1) (2) หรือ (3) แจ้งชนิดชื่อพันธุ์และ ปริมาณของเมล็ดพันธุ์ควบคุมที่รวบรวมและแหล่งรวบรวม (2) กำหนดมาตรฐาน คุณภาพ วิธีเก็บหรือวิธีรักษาเมล็ดพันธุ์ควบคุมเพื่อให้ผู้รับใบอนุญาต ตามมาตรา 17 (1) (2) (3) หรือ (4) ปฏิบัติ (3) กำหนดชนิดและอัตราส่วนของวัตถุที่ใช้ หรือมี หรือผสม หรือเจือปนในเมล็ดพันธุ์ ควบคุมและกำหนดวัตถุหรือสิ่งที่เป็นศัตรูพืชซึ่งห้ามใช้ หรือมี หรือผสม หรือเจือปนในเมล็ดพันธุ์ ควบคุมเพื่อให้ผู้รับใบอนุญาตตามมาตรา 17 (1) (2) (3) หรือ (4) ปฏิบัติ (4) กำหนดสารเคมีอันตรายที่ใช้ผสมในเมล็ดพันธุ์ควบคุม โดยระบุชื่อสามัญและชื่อทางเคมี และอัตราส่วนของสารเคมีนั้น เพื่อให้ผู้รับใบอนุญาตตามมาตรา 17 (1) (2) (3) หรือ(4) ปฏิบัติ (5) กำหนดว่าเมล็ดพันธุ์ควบคุมชนิดใด และชื่อพันธุ์ใดที่ต้องบรรจุในภาชนะบรรจุ กำหนด วัตถุที่จะใช้สำหรับเป็นภาชนะบรรจุ และวิธีการบรรจุเมล็ดพันธุ์ควบคุม เพื่อให้ผู้รับใบอนุญาตตาม มาตรา 17 (1) (2) (3) หรือ (4) ปฏิบัติ (6) กำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตตามมาตรา 17 (1) หรือ (2) รวบรวมขายเมล็ดพันธุ์ ควบคุมเฉพาะที่เป็นเมล็ดพันธุ์รับรอง (7) กำหนดชนิดพันธุ์และปริมาณของเมล็ดของพันธุ์ควบคุมที่อนุญาตให้นำเข้า การออกประกาศตามมาตรานี้ ต้องระบุระยะเวลาใช้บังคับไม่น้อยกว่าหกสิบวันนับแต่วันประกาศ มาตรา 14 ห้ามมิให้ผู้ใดรวบรวม ขาย นำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านซึ่งเมล็ดพันธุ์ควบคุมเพื่อ การค้า เว้นแต่ได้รับใบอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และต้องเก็บเมล็ดพันธุ์ควบคุมไว้ในสถานที่ เก็บเมล็ดพันธุ์ควบคุมตามที่ระบุไว้ในใบอนุญาต การขออนุญาตและการออกใบอนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดใน กฎกระทรวง บทบัญญัติมาตรานี้มิให้ใช้บังคับแก่ผู้ปลูกเมล็ดพันธุ์ควบคุมซึ่งขายเมล็ดพันธุ์ควบคุมที่ตนปลูกเองให้ แก่ผู้รับใบอนุญาตรวบรวมเมล็ดพันธุ์ควบคุมเพื่อการค้า หรือผู้รับใบอนุญาตส่งออกซึ่งเมล็ดพันธุ์ควบคุม เพื่อการค้า หรือผู้ปลูกเมล็ดพันธุ์รายอื่นเพื่อใช้เพาะปลูกเองโดยมิได้มีการโฆษณา มาตรา 15 เมื่อรัฐมนตรีได้ประกาศกำหนดชนิดและชื่อพันธุ์ของพืชชนิดใดให้เป็นเมล็ดพันธุ์ควบ คุมตามมาตรา 12 แล้ว ให้ผู้รวบรวม ขาย นำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านซึ่งเมล็ดพันธุ์ควบคุมเพื่อ การค้าอยู่ในวันประกาศ ยื่นคำขอรับใบอนุญาตตามมาตรา 14 ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่รัฐมนตรี ประกาศ ภายในกำหนดเวลาดังกล่าวให้ผู้นั้นประกอบกิจการไปพลางก่อนได้ และเมื่อได้ยื่นคำขอรับ ใบอนุญาตแล้ว ให้ผู้นั้นประกอบกิจการต่อไปจนกว่าพนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งไม่อนุญาตตามคำขอ และ ให้นำความในมาตรา 51 มาใช้บังคับโดยอนุโลม มาตรา 16 ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ออกใบอนุญาตให้รวบรวม ขาย นำเข้า หรือส่งออกซึ่ง เมล็ดพันธุ์ควบคุมเพื่อการค้าได้ เมื่อปรากฏว่าผู้ขอใบอนุญาต (1) เป็นผู้มีฐานะดีพอที่จะดำเนินกิจการได้ (2) มีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์ (3) มีถิ่นที่อยู่หรือสำนักงานในประเทศไทย (4) ไม่เป็นบุคคลวิกลจริต คนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ (5) มีสถานที่ที่เหมาะสมในการรวบรวม ขาย นำเข้า หรือส่งออกซึ่งเมล็ดพันธุ์ควบคุม ตามที่ขอรับใบอนุญาต (6) ใช้ชื่อในการประกอบพาณิชยกิจไม่ซ้ำหรือคล้ายคลึงกับชื่อที่ใช้ในการประกอบพาณิชยกิจ ของผู้รับใบอนุญาตอยู่แล้ว หรือผู้ซึ่งอยู่ในระหว่างถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตหรือถูกเพิกถอนในอนุญาต ยังไม่ครบสองปี ในกรณีที่นิติบุคคลเป็นผู้ขอรับใบอนุญาตต้องมีลักษณะตาม (1) (3) (5) และ (6) และต้องมีผู้ ดำเนินกิจการซึ่งเข้าลักษณะตาม (2) (3) และ (4) ด้วย มาตรา 17 ประเภทของใบอนุญาตสำหรับเมล็ดพันธุ์ควบคุมมีดังนี้ (1) ใบอนุญาตรวบรวมเมล็ดพันธุ์ควบคุมเพื่อการค้า (2) ใบอนุญาตขายเมล็ดพันธุ์ควบคุม (3) ใบอนุญาตนำเข้าซึ่งเมล็ดพันธุ์ควบคุมเพื่อการค้า (4) ใบอนุญาตส่งออกซึ่งเมล็ดพันธุ์ควบคุมเพื่อการค้า (5) ใบอนุญาตนำผ่านซึ่งเมล็ดพันธุ์ควบคุมเพื่อการค้า ให้ถือว่าผู้ได้รับใบอนุญาตตาม (1) (3) หรือ (4) เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตตาม (2) สำหรับ เมล็ดพันธุ์ควบคุมที่คนรวบรวมนำเข้าหรือส่งออกด้วย และแต่กรณี"
มาตรา 8 ให้ยกเลิกความในมาตรา 19 และมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติพันธุ์พืช 2518 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "มาตรา 19 ใบอนุญาตตามมาตรา 17 ให้ใช้ได้จนถึงวันสิ้นปีปฏิทินแห่งปีที่ออกใบอนุญาตเว้น แต่ใบอนุญาตนำเข้าซึ่งเมล็ดพันธุ์ควบคุมเพื่อการค้า ใบอนุญาตส่งออกซึ่งเมล็ดพันธุ์ควบคุมเพื่อการค้า หรือใบอนุญาตนำผ่านซึ่งเมล็ดพันธุ์ควบคุมเพื่อการค้า ให้ใช้ได้ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ใน ใบอนุญาตแต่มิให้เกินกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันที่ออกใบอนุญาต ถ้าผู้รับใบอนุญาตประสงค์จะขอต่ออายุ ใบอนุญาต จะต้องยื่นคำขอเสียก่อนใบอนุญาตสิ้นอายุ เมื่อได้ยื่นคำขอดังกล่าวแล้วจะประกอบกิจการ ต่อไปก็ได้จนกว่าพนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งไม่อนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาตนั้น การขอต่ออายุใบอนุญาตและการอนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขกำหนดใน กฎกระทรวง มาตรา 20 ถ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่ออกใบอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาต ผู้ขอใบ อนุญาตหรือผู้ขอต่ออายุใบอนุญาตมีสิทธิ์อุทธรณ์เป็นหนังสือต่อรัฐมนตรีภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับ หนังสือของพนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งการไม่ออกใบอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาต คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาตรวบรวมเมล็ดพันธุ์ควบคุมเพื่อการค้า หรือใบอนุญาตขายเมล็ดพันธุ์ควบคุม ก่อนที่รัฐมนตรีจะมีคำวินิจฉัยอุทธรณ์รัฐมนตรีมีอำนาจสั่งอนุญาต ให้ประกอบกิจการไปพลางก่อนได้เมื่อมีคำขอของผู้อุทธรณ์"
มาตรา 9 ให้ยกเลิกชื่อหมวด 3 หน้าที่ของผู้รับใบอนุญาตเกี่ยวกับพันธุ์พืชควบคุม และความใน มาตรา 21 มาตรา 22 มาตรา 23 และมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. 2518 และ ให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "หมวด 3 หน้าที่ของผู้รับใบอนุญาตเกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์ควบคุม มาตรา 21 ห้ามมิให้ผู้รับใบอนุญาตรวบรวมเมล็ดพันธุ์ควบคุมเพื่อการค้า (1) บรรจุเมล็ดพันธุ์ควบคุมในภาชนะบรรจุนอกสถานที่ที่กำหนดไว้ในใบอนุญาตหรือ (2) ขายเมล็ดพันธุ์ควบคุมที่บรรจุในภาชนะบรรจุไม่ตรงตามฉลาก (1) จัดให้มีป้ายไว้ในที่เปิดเผยซึ่งเห็นได้ง่ายจากภายนอกอาคารแสดงว่าเป็นสถานที่ รวบรวมเมล็ดพันธุ์ควบคุม ลักษณะ ขนาดของป้าย และข้อความที่แสดงในป้ายให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง (2) จัดให้มีฉลากภาษาไทยที่ภาชนะบรรจุเมล็ดพันธุ์ควบคุมที่รวบรวมขึ้นและในฉลากต้อง แสดง (ก) ชนิดและชื่อพันธุ์ของเมล็ดพันธุ์ควบคุม และมีคำว่า "เมล็ดพันธุ์ควบคุม" (ข) เครื่องหมายการค้าสำหรับเมล็ดพันธุ์ควบคุม (ค) ชื่อผู้รวบรวมและแหล่งรวบรวม (ง) น้ำหนักสุทธิของเมล็ดพันธุ์ควบคุมตามระบบเมตริก (จ) อัตราความงอกของเมล็ดพันธุ์ควบคุม และระบุวันเดือนปีที่ทดสอบ (ฉ) เดือนและปีที่รวบรวมหรือนำเข้า (ช) อายุความงอกของเมล็ดพันธุ์ควบคุม เดือนและปีที่สิ้นอายุการใช้เพาะปลูกหรือ ใช้ทำพันธุ์ (ซ) ถ้าเมล็ดพันธุ์ควบคุมมีวัตถุอื่นผสมอยู่ด้วย ต้องแจ้งชื่อและอัตราส่วนของวัตถุนั้นที่ ผสมอยู่ในเมล็ดพันธุ์ควบคุม (ฌ) ถ้าเมล็ดพันธุ์ควบคุม มีสารเคมีอันตรายตามมาตรา 13 ผสมอยู่ด้วยต้องแจ้งชื่อ และอัตราส่วนของสารเคมีอันตรายที่ผสมอยู่ในเมล็ดพันธุ์ควบคุม ทั้งต้องแสดงเครื่องหมาย หัวกะโหลกกับกระดูกไขว้ และมีคำว่า "อันตราย" ด้วยอักษรสีแดงไว้ด้วย (ญ) ข้อความอื่นที่รัฐมนตรีเห็นสมควรประกาศในราชกิจจานุเบกษาระบุเพิ่มเติมใน ฉลาก มาตรา 23 ให้ผู้รับใบอนุญาตนำเข้าซึ่งเมล็ดพันธุ์ควบคุมเพื่อการค้าปฏิบัติดังนี้ (1) จัดให้มีป้ายไว้ในที่เปิดเผยซึ่งเห็นได้ง่ายจากภายนอกอาคารแสดงว่าเป็นสถานที่นำ เข้าซึ่งเมล็ดพันธุ์ควบคุม (2) นำใบรับรองของผู้รวบรวมจากประเทศซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมเมล็ดพันธุ์ควบคุมมาแสดง ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามแบบและภายในระยะเวลาที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา (3) นำตัวอย่างเมล็ดพันธุ์ควบคุมที่นำเข้าทุกคราวมามอบให้พนักงานเจ้าหน้าที่ในปริมาณ พอสมควร เพื่อทำการทดสอบภายในระยะเวลาที่พนักงานเจ้าหน้าที่กำหนด (4) จดให้มีฉลากที่ภาชนะบรรจุเมล็ดพันธุ์ควบคุมที่นำเข้าตามมาตรา 22 (2) ในกรณีที่ ผู้รับใบอนุญาตนำเข้าซึ่งเมล็ดพันธุ์ควบคุมเพื่อการค้า นำเมล็ดพันธุ์นั้นมาแบ่งบรรจุในภาชนะบรรจุ เอง ต้องจัดให้มีฉลากที่ภาชนะบรรจุตามมาตรา 22 (2) ด้วย มาตรา 24 ให้ผู้รับใบอนุญาตขายเมล็ดพันธุ์ควบคุมปฏิบัติดังนี้ (1) จัดให้มีป้ายไว้ในที่เปิดเผยซึ่งเห็นได้ง่ายจากภายนอกอาคารแสดงว่าเป็นสถานที่ขาย เมล็ดพันธุ์ควบคุม ลักษณะ ขนาดของป้าย และข้อความที่แสดงในป้าย ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง (2) ดูแลฉลากที่ภาชนะบรรจุเมล็ดพันธุ์ควบคุมตามมาตรา 22 (2) ให้คงอยู่ครบถ้วนและ ชัดเจน"
มาตรา 10 ให้ยกเลิกความในมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. 2518 และให้ใช้ ความต่อไปนี้แทน "มาตรา 27 ห้ามมิให้ผู้รับใยอนุญาตย้ายสถานที่รวบรวมเมล็ดพันธุ์ควบคุมเพื่อการค้าสถานที่ขาย เมล็ดพันธุ์ควบคุม สถานที่นำเข้าซึ่งเมล็ดพันธุ์ควบคุมเพื่อการค้า สถานที่ส่งออกซึ่งเมล็ดพันธุ์ควบคุม เพื่อการค้า หรือสถานที่เก็บเมล็ดพันธุ์ควบคุม ตามที่ระบุไว้ในใบอนุญาต เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็น หนังสือจากพนักงานเจ้าหน้าที่ การขออนุญาตและการอนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดใน กฎกระทรวง"
มาตรา 11 ให้ยกเลิกความในหมวด 4 การรับรองและการควบคุมพันธุ์พืช มาตรา 28 ถึง มาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. 2518 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "หมวด 4 การรับรองและการควบคุม มาตรา 28 ผู้ใดประสงค์จะได้หนังสือรับรองพืชชนิดใดให้เป็นเมล็ดพันธุ์รับรอง พันธุ์พืชขึ้น ทะเบียน หรือพันธุ์พืชรับรองตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ การขอให้ออกหนังสือรับรองและการออกหนังสือรับรอง ให้เป็นไปตามแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา มาตรา 28 ทวิ ในกรณีที่มีผู้ขอให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัตินี้ในวันหยุด ราชการหรือนอกเวลาราชการ หรือนอกสถานที่ทำการไม่ว่าใน หรือนอกเวลาราชการ ผู้ขอจะต้อง เสียค่าป่วยการ ค่าพาหนะ ค่าเช่าที่พัก และค่าใช้จ่ายให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ตามหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา มาตรา 29 ให้รัฐมนตรีมีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษากำหนดชนิดและชื่อพันธุ์ของพืช ชนิดใดให้เป็นพืชสงวน มาตรา 29 ทวิ ให้พืชที่กำหนดไว้ในบัญชีแนบท้ายอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่ง สัตว์ป่าและพืชป่าที่กำลังจะสูญพันธุ์ ซึ่งรัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา เป็นพืชอนุรักษ์ ตามพระราชบัญญัตินี้ มาตรา 29 ตรี ห้ามมิให้ผู้ใดนำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านพืชอนุรักษ์และซากของพืชอนุรักษ์ เว้นแต่ได้รับหนังสืออนุญาตจากอธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย การขออนุญาต การออกหนังสืออนุญาต และการปฏิบัติในการนำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านพืช อนุรักษ์ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา หนังสืออนุญาตนำเข้า ส่งอก หรือนำผ่านพืชอนุรักษ์ ให้ใช้ได้ไม่เกินหกเดือนนับแต่วันที่ออก หนังสืออนุญาต มาตรา 29 จัตวา ผู้ใดประสงค์จะขยายพันธุ์เทียมพืชอนุรักษ์เพื่อการค้าให้ยื่นคำขอเป็นหนังสือ เพื่อขอขึ้นทะเบียนสถานที่เพาะเลี้ยงพืชอนุรักษ์ต่อกรมวิชาการเกษตร การขอขึ้นทะเบียนและการขึ้นทะเบียน ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขอธิบดี ประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา ใบสำคัญการขึ้นทะเบียนสถานที่เพาะเลี้ยงพืชอนุรักษ์ ให้ใช้ได้ห้าปีนับแต่วันออกใบสำคัญการขึ้น ทะเบียน มาตรา 30 ห้ามมิให้ผู้ใดส่งออกซึ่งพืชสงวน เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากรัฐมนตรีและ เฉพาะเพื่อประโยชน์ในการทดลอง หรือวิจัยในทางวิชาการเท่านั้น มาตรา 31 ให้รัฐมนตรีมีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษากำหนดห้ามมิให้ผู้ใดนำหรือส่งพืช สงวนชนิดใดและปริมาณเท่าใด ออกนอกเขตท้องที่ใดหรือนำหรือส่งพืชดังกล่าวไปยังท้องที่ใดใน ราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากพนักงานเจ้าหน้าที่ การขออนุญาตและการอนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศ กำหนดในราชกิจจานุเบกษา มาตรา 32 ให้รัฐมนตรีมีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษา กำหนดชนิด และชื่อพันธุ์ของพืช ชนิดใดให้เป็นพืชต้องห้าม มาตรา 33 ห้ามมิให้ผู้ใดนำเข่าซึ่งพืชต้องห้าม มาตรา 34 เมล็ดพันธุ์ที่มีลักษณะต่อไปนี้ ให้ถือว่าเป็นเมล็ดพันธุ์เสื่อมคุณภาพ (1) เมล็ดพันธุ์ที่สิ้นอายุการใช้เพาะปลูกหรือใช้ทำพันธุ์ตามที่แสดงไว้ในฉลาก (2) เมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐานที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดตามมาตรา 13 มาตรา 35 เมล็ดพันธุ์หรือวัตถุที่ทำเทียมเมล็ดพันธุ์ที่มีลักษณะต่อไปนี้ให้ถือว่าเป็นเมล็ดพันธุ์ ปลอมปน (1) เมล็ดพันธุ์หรือวัตถุที่ทำเทียมเมล็ดพันธุ์ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนเพื่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อหรือ สำคัญผิดว่าเป็นเมล็ดพันธุ์แท้ (2) เมล็ดพันธุ์ที่แสดงชนิด ชื่อพันธุ์ เครื่องหมายการค้า แหล่งรวบรวมหรือระบุเดือนปีที่ รวบรวม หรือนำเข้า ซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริง (3) เมล็ดพันธุ์ที่มีเมล็ดพันธุ์อื่นหรือวัตถุอื่นผสมหรือเจือปนอยู่เกินปริมาณที่แจ้งไว้ในฉลาก หรือเกินอัตราส่วนที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดมาตรา 13 มาตรา 36 ห้ามมิให้ผู้ใดรวบรวม ขาย นำเข้า หรือส่งออกซึ่งเมล็ดพันธุ์เสื่อมคุณภาพ มาตรา 37 ห้ามมิให้ผู้ใดรวบรวม ขาย นำเข้า หรือส่งออกซึ่งเมล็ดพันธุ์ปลอมปน มาตรา 38 ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาคุณภาพของเมล็ดพันธุ์ควบคุมอันเป็นเท็จหรือเกินความจริง ซึ่ง อาจทำให้ผู้อื่นหลงเชื่อหรือสำคัญผิดในคุณภาพของเมล็ดพันธุ์นั้น"
มาตรา 12 ให้ยกเลิกความในมาตรา 39 แห่งพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. 2518 และให้ใช้ ความต่อไปนี้แทน "มาตรา 39 ในการปฏิบัติหน้าที่ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจออกคำสั่งเป็นหนังสือเรียกบุคคล ใดมาให้ถอยคำ หรือให้ส่งเอกสาร หรือวัตถุใด ๆ เพื่อประกอบการพิจารณาได้ และมีอำนาจเข้า ไปในสถานที่รวบรวมเมล็ดพันธุ์ควบคุมเพื่อการค้า สถานที่ขายเมล็ดพันธุ์ควบคุม สถานที่เก็บ เมล็ดพันธุ์ควบคุมเพื่อการค้า หรือสถานที่เพาะเลี้ยงพืชอนุรักษ์ ในระหว่างเวลาทำการ หรือเข้าไป ในยานพาหนะที่บรรทุกเมล็ดพันธุ์หรืออนุรักษ์ ในกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทำความผิดตาม พระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ เพื่อ (1) ตรวจสอบเมล็ดพันธุ์ พืชอนุรักษ์ ภาชนะบรรจุ ฉลาก สมุดบัญชี หรือ เอกสารใด ๆที่ เกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์ หรือพืชอนุรักษ์ (2) นำเมล็ดพันธุ์ หรือวัตถุที่สงสัยว่าเป็นเมล็ดพันธุ์เสื่อมคุณภาพ เมล็ดพันธุ์ปลอมปนหรือพืช อนุรักษ์ ในปริมาณพอสมควรไปเป็นตัวอย่างเพื่อทดสอบ ตรวจ หรือวิเคราะห์ (3) ค้น ยึด หรืออายัดเมล็ดพันธุ์ พืชอนุรักษ์ ภาชนะบรรจุ ฉลาก สมุดบัญชีหรือเอกสารใด ๆ ที่เกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์ หรือพืชอนุรักษ์ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้รับใบอนุญาตและผู้ที่เกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกตาม สมควร"
มาตรา 13 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 19 ทวิ และมาตรา 39 ตรี แห่งพระราชบัญญัติ พันธุ์พืช พ.ศ. 2518 "มาตรา 39 ทวิ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจตรวจค้นคลังสินค้า ยานพาหนะ กระเป๋าหีบห่อ ตลอดจนตัวบุคคลภายในเขตด่านตรวจพืชที่ประกาศตามกฎหมายว่าด้วยการกักพืชภายในด่านศุลกากร ด่านตรวจ ด่านพรมแดน เขตศุลกากร แลทางอนุมัติซึ่งประกาศตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร มาตรา 39 ตรี ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจยึดหรือส่งกลับพืชอนุรักษ์ที่นำเข้าโดยไม่ถูกต้อง ตามพระราชบัญญัตินี้ ในกรณีที่ยึดพืชอนุรักษ์ให้พืชอนุรักษ์ที่ถูกยึดตกเป็นของกรมวิชาการเกษตรสำหรับ การส่งกลับต้องได้รับความยินยอมจากประเทศต้นทางของพืชอนุรักษ์ และประเทศต้นทางต้องเป็นผู้ ออกค่าใช้จ่ายในการขนส่งทั้งสิ้น ถ้าประเทศต้นทางของพืชอนุรักษ์ไม่ให้ความยินยอมหรือไม่ยินยอม ออกค่าใช้จ่าย ให้พืชอนุรักษ์ดังกล่าวตกเป็นของกรมวิชาการเกษตร"
มาตรา 14 ให้ยกเลิกความในมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. 2518 และให้ใช้ ความต่อไปนี้แทน "มาตรา 42 การค้นในสถานที่หรือในยานพาหนะตามมาตรา 39 หรือมาตรา 39 ทวิ ก่อน ลงมือค้นให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ค้นแสดงความบริสุทธิ์เสียก่อน และให้ค้นต่อหน้าผู้รับใบอนุญาตผู้รับ หนังสืออนุญาต ผู้ครองครองสถานที่ บุคคลที่ทำงานในสถานที่นั้น หรือผู้ครอบครองยานพาหนะหรือถ้า หาบุคคลดังกล่าวนั้นไม่ได้ ให้ค้นต่อหน้าบุคคลอื่นอย่างน้อยสองคนซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ขอร้องมา เป็นพยาน สิ่งของที่ได้ยึดหรืออายัดต้องให้ผู้รับใบอนุญาต ผู้รับหนังสืออนุญาตผู้ครอบครองสถานที่บุคคลที่ ทำงานในสถานที่นั้น ผู้ครอบครองยานพาหนะ หรือพยานแล้วแต่กรณี ดูเพื่อให้รับรองว่าสิ่งของนั้นได้ ค้นได้ในสถานที่ หรือในยานพาหนะนั้น ถ้าบุคคลดังกล่าวนั้นไม่ยอมรับรอง ให้หนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ค้น บันทึกไว้"
มาตรา 15 ให้ยกเลิกความในมาตรา 45 แห่งพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. 2518 และให้ใช้ ความต่อไปนี้แทน "มาตรา 45 เมล็ดพันธุ์ พืชอนุรักษ์ ภาชนะบรรจุ ฉลาก สมุดบัญชี หรือเอกสารใด ๆ ที่ได้ยึด หรืออายัดไว้ตามมาตรา 39 (3) ถ้าไม่ปรากฏเจ้าของหรือผู้ครอบครองหรือพนักงานอัยการสั่ง เด็ดขาดไม่ฟ้องคดี หรือศาลโดยคำพิพากษาถึงที่สุดไม่พิพากษาให้ริบ และผู้เป็นเจ้าของหรือผู้ ครอบครองมิได้ร้องขอรับคืนภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ยึดหรืออายัด หรือวันที่ทราบคำสั่งเด็ดขาดไม่ ฟ้องคดี หรือวันที่ศาลพิพากษาถึงที่สุดไม่พิพากษาให้ริบ แล้วแต่กรณี ให้ตกเป็นของกรมวิชาการ เกษตรเพื่อจัดการตามที่เห็นสมควร"
มาตรา 16 ให้ยกเลิกความในมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. 2518 และให้ใช้ ความต่อไปนี้แทน "มาตรา 51 ผู้ถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาตจะขายเมล็ดพันธุ์ควบคุมของตนที่เหลืออยู่แก่ผู้รับ ใบอนุญาตอื่นหรือแก่ผู้ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่เห็นสมควรก็ได้ ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ทราบคำสั่ง เพิกถอนใบอนุญาต หรือในกรณีที่มีการอุทธรณ์ให้นับตั้งแต่วันที่ทราบคำวินิจฉัยของรัฐมนตรีเว้นแต่ พนักงานเจ้าหน้าที่จะผ่อนผันขยายเวลาให้อีกแต่ต้องไม่เกินหกสิบวัน"
มาตรา 17 ให้ยกเลิกความในมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. 2518 และให้ใช้ ความต่อไปนี้แทน "มาตรา 57 ผู้รับใบอนุญาตผู้ใดรวบรวม ขาย นำเข้า หรือส่งออก ซึ่งเมล็ดพันธุ์ควบคุมภาย หลังที่ใบอนุญาตสิ้นอายุแล้ว โดยมิได้ยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตตามมาตรา 19 ต้องระวางโทษปรับ วันละไม่เกินหนึ่งร้อยบาทตลอดเวลาที่ใบอนุญาตสิ้นอายุ"
มาตรา 18 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 61 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. 2518 "มาตรา 61 ทวิ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 29 ตรี หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 29 จัตวา ต้องระวาง โทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินสามพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"
มาตรา 19 ให้ยกเลิกความในมาตรา 66 แห่งพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. 2518 และให้ใช้ ความต่อไปนี้แทน "มาตรา 66 ผู้ใดโฆษณาคุณภาพเมล็ดพันธุ์ควบคุมอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 38 หรือขัดขวาง หรือไม่อำนวยความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ หรือไม่ให้ถ้อยคำ หรือส่งเอกสาร หรือวัตถุใด ๆ ตามที่พนักงานเจ้าหน้าที่มีหนังสือเรียกตามมาตรา 39 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือนหรือ ปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"
มาตรา 20 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 66 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. 2518 "มาตรา 66 ทวิ ผู้ใดขัดขวางไม่อำนวยความสะดวกแก่พักงานเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่ตาม มาตรา 39 ทวิ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"
มาตรา 21 ให้ยกเลิกความในมาตรา 63 แห่งพระราชบัญญัติพันธุ์ พ.ศ. 2518 และให้ใช้ ความต่อไปนี้แทน "มาตรา 68 ผู้ถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาตผู้ใดขายเมล็ดพันธุ์ควบคุมของตนที่เหลืออยู่ให้แก่บุคคลอื่น ซึ่งมิได้กำหนดไว้ในมาตรา 51 หรือขายภายหลังระยะเวลาที่กำหนดไว้ในมาตรา 51 ต้อง ระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท"
มาตรา 22 ให้ยกเลิกความในมาตรา 71 แห่งพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. 2518 และให้ใช้ ความต่อไปนี้แทน "มาตรา 71 เมื่อศาลเห็นว่ามีการกระทำความผิดเพราะฝ่าฝืนประกาศที่ออกตามมาตรา 13(3) หรือ(4) หรือฝ่าฝืนมาตรา 30 มาตรา 33 มาตรา 36 หรือมาตรา 37 แม้ศาลจะเห็นว่าจำเลย ไม่มีความผิดก็ให้ศาลสั่งริบเมล็ดพันธุ์ เครื่องมืออุปกรณ์และภาชนะที่ใช้เกี่ยวกับการกระทำความผิด นั้นเสียทั้งสิ้น บรรดาสิ่งที่ศาลสั่งริบให้ตกเป็นของกรมวิชาการเกษตรเพื่อจัดการตามที่เห็นสมควร"
มาตรา 23 ให้ยกเลิกอัตราค่าธรรมเนียมท้ายพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. 2518 และให้ใช้ อัตราค่าธรรมเนียมท้ายพระราชบัญญัตินี้แทน ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ อานันท์ ปันยารชุน นายกรัฐมนตรี |
หมายเหตุ:-เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากกฎหมายว่าด้วยพันธุ์พืช ที่ใช้บังคับอยู่ยังไม่เหมาะสมกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน เนื่องจากไม่สามารถควบคุมการขยายพันธุ์พืช โดยวิธีอื่นนอกเหนือจากวิธีธรรมชาติและในการกำหนดความหมายของพันธุ์พืชยังไม่ตรงตามหลักวิชา การและสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ต้องการให้มีการขึ้นทะเบียนพันธุ์พืชการรับรองพันธุ์พืช เพื่อเป็นการส่งเสริมให้มีการคิด ค้น และปรับปรุงพันธุ์พืชใหม่ ๆ อันจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อ การพัฒนาประเทศ และเนื่องจากประเทศไทยได้เข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่กำลังจะสูญพันธุ์ (Converntion on International Trade in Endangered Species of Wiold Fauba and Flora) เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2526 ซึ่ง อนุสัญญามีวัตถุประสงค์ในการคุ้มครองพืชป่ามิให้สูญพันธุ์ไปจากโลกโดยการควบคุม การค้าระหว่างประเทศดังนั้น เพื่อเป็นการส่งเสริมให้มีการเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์พืชป่า นอกเหนือจากวิธีธรรมชาติให้สอดคล้องกับอนุสัญญาดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ (ร.จ. เล่ม 109 ตอนที่ 40 หน้า 39 วันที่ 7 เมษายน 2535) |
อัตราค่าธรรมเนียม 1. ใบอนุญาตรวบรวมเมล็ดพันธุ์ควบคุมเพื่อการค้า ฉบับละ 400 บาท 2. ใบอนุญาตขายเมล็ดพันธุ์ควบคุม ฉบับละ 200 บาท 3. ใบอนุญาตนำเข้าซึ่งเมล็ดพันธุ์ควบคุมเพื่อการค้า ฉบับละ 400 บาท 4. ใบอนุญาตส่งออกซึ่งเมล็ดพันธุ์ควบคุมเพื่อการค้า ฉบับละ 400 บาท 5. ใบอนุญาตนำผ่านซึ่งเมล็ดพันธุ์ควบคุมเพื่อการค้า ฉบับละ 200 บาท 6. ค่าทดสอบ ตรวจ หรือวิเคราะห์คุณภาพหรือคุณสมบัติ ของเมล็ดพันธุ์เพื่อออกหนังสือรับรอง ตัวอย่างละ 400 บาท 7. หนังสือรับรองพืชชนิดใดให้เป็นเมล็ดพันธุ์รับรอง พันธุ์พืชขึ้นทะเบียน หรือพันธุ์พืชรับรอง ฉบับละ 100 บาท 8. ใบแทนใบอนุญาต ฉบับละ 50 บาท 9. การต่ออายุใบอนุญาตครั้งละเท่ากับค่าธรรมเนียม สำหรับใบอนุญาตแต่ละฉบับ 10. หนังสืออนุญาตนำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านพืชอนุรักษ์ ฉบับละ 200 บาท 11. ใบสำคัญการขึ้นทะเบียนสถานที่เพาะเลี้ยงพืชอนุรักษ์ ฉบับละ 1,000 บาท |