พระราชบัญญัติ
                   ระเบียบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา (ฉบับที่ 4)
                              พ.ศ. 2535
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
                    ให้ไว้ ณ วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2535
                        เป็นปีที่ 47 ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้
ประกาศว่า
    โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา
    จึงทรงพระกรุณา โปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของ
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่รัฐสภา ดังต่อไปนี้

    มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา
(ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2535"

    มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป

    มาตรา 3 ให้ยกเลิกความในมาตรา 6 มาตรา 7 และมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติ
ระเบียบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. 2518 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
    "มาตรา 6 ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า "คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายรัฐสภา"
เรียกโดยย่อว่า "ก.ร." ประกอบด้วยประธานรัฐสภาเป็นประธานกรรมการ รองประธานรัฐสภา
เป็นรองประธานกรรมการ เลขาธิการ ก.พ. เลขาธิการวุฒิสภา เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
และผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐสภาเลือกมีจำนวนไม่เกินแปดคน เป็นกรรมการ ในกรณีที่มีสองสภา ให้
แต่ละสภาเลือกสภาละไม่เกินสี่คน
    ให้ประธานรัฐสภาแต่งตั้งเลขาธิการวุฒิสภาหรือเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรคนใดคนหนึ่ง
เป็นเลขานุการ ก.ร.
    มาตรา 7 ผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา 6 ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้
    (1) เคยรับราชการในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดีหรือตำแหน่งเทียบเท่ามาแล้วหรือเคยดำรง
ตำแหน่งกรรมการข้าราชการประเภทใดประเภทหนึ่งมาแล้ว
    (2) ไม่เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ ข้าราชการการเมืองข้าราชการ
รัฐสภาฝ่ายการเมือง สมาชิกรัฐสภา กรรมการพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าที่ในพรรคการเมือง
    มาตรา 8 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสามปี"

    มาตรา 4 ให้ยกเลิกความในมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา
พ.ศ. 2518 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
    "มาตรา 10 ในการเลือกผู้ทรงคุณวุฒิเป็นกรรมการ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่
ประธานรัฐสภากำหนด"

    มาตรา 5 ให้ยกเลิกความในมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา
พ.ศ. 2518 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
    "มาตรา 16 วันเวลาทำงาน วันหยุดราชการตามประเพณี วันหยุดราชการประจำปี และ
การลาหยุดราชการของข้าราชการฝ่ายรัฐสภา ให้เป็นไปตามที่ ก.ร. กำหนด"

    มาตรา 6 ให้ยกเลิกความในมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา
พ.ศ. 2518 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
    "มาตรา 20 การกำหนดตำแหน่ง การให้รับเงินเดือนและการให้ได้รับเงินประจำตำแหน่ง
ของข้าราชการรัฐสภาสามัญ ให้นำกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน ในส่วนที่เกี่ยวกับ
ข้าราชการพลเรือนสามัญมาใช้บังคับโดยอนุโลม ทั้งนี้ คำว่า "ก.พ." ให้หมายถึง ก.ร.
และคำว่า "ส่วนราชการที่มีฐานะเป็นกรม และมีหัวหน้าส่วนราชการรับผิดชอบในการปฏิบัติ
ราชการขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี" ให้หมายถึงส่วนราชการที่มีฐานะเป็นกรม และมีหัวหน้า
ส่วนราชการรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการขึ้นตรงต่อประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภา หรือ
ประธานสภาผู้แทนราษฎร แล้วแต่กรณี"

    มาตรา 7 ให้ยกเลิกมาตรา 20 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา
พ.ศ. 2518 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา (ฉบับที่ 3)
พ.ศ. 2531

    มาตรา 8 ให้ยกเลิกความในมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา
พ.ศ. 2518 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา (ฉบับที่ 3)
พ.ศ.2531 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
    "มาตรา 21 อัตราเงินเดือนและอัตราเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการรัฐสภาสามัญให้
นำกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนในส่วนที่เกี่ยวกับอัตราเงินเดือนและอัตราเงิน
ประจำตำแหน่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม ทั้งนี้ คำว่า "ก.พ." ให้หมายถึง ก.ร. และคำว่า "
ส่วนราชการที่มีฐานะเป็นกรม และมีหัวหน้าส่วนราชการรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการขึ้นตรงต่อ
นายกรัฐมนตรี"ให้หมายถึงส่วนราชการที่มีฐานะเป็นกรม และมีหัวหน้าส่วนราชการรับผิดชอบใน
การปฏิบัติราชการขึ้นตรงต่อประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภา หรือประธานสภาผู้แทนราษฎร
แล้วแต่กรณี
    การจ่ายเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งให้แก่ข้าราชการรัฐสภาสามัญให้เป็นไปตามกฎ
หมายว่าด้วยการนั้น
    เพื่อประโยชน์ในการออมทรัพย์ของข้าราชการรัฐสภาสามัญ ให้นำกฎหมายและระเบียบว่า
ด้วยการหักเงินเดือนข้าราชการไว้เป็นเงินสะสมมาใช้บังคับโดยอนุโลม"

    มาตรา 9 ให้ยกเลิกความใน (11) ของมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ
ข้าราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. 2518 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
    "(11) ไม่เป็นผู้เคยถูกลงโทษปลดออกเพราะกระทำผิดวินัยตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบ
ข้าราชการฝ่ายรัฐสภาหรือตามกฎหมายอื่น"

    มาตรา 10 ให้ยกเลิกความในมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่าย
รัฐสภา พ.ศ. 2518 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
    "มาตรา 28 การบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการรัฐสภาสามัญและการแต่งตั้งให้
ดำรงตำแหน่ง ให้ผู้มีอำนาจดังต่อไปนี้เป็นผู้สั่งบรรจุและแต่งตั้ง
    (1) การบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งระดับ 10 และระดับ 11 ให้ประธานรัฐสภา
ประธานวุฒิสภา หรือประธานสภาผู้แทนราษฎร แล้วแต่กรณี ด้วยความเห็นชอบของ ก.ร.เป็น
ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุ และนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง
    (2) การบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งระดับ 9 ให้ประธานรัฐสภา ประธาน
วุฒิสภา หรือประธานสภาผู้แทนราษฎร แล้วแต่กรณี เป็นผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้ง
    (3) การบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ระดับ 8 ลงมา ให้หัวหน้าส่วนราชการ
ระดับกรมเป็นผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้ง"

    มาตรา 11 ให้ยกเลิกความในวรรคสามของมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการ
ฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. 2518 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
    "การเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการรัฐสภาสามัญให้ผู้บังคับบัญชาตามมาตรา 28  แล้วแต่
กรณี เป็นผู้พิจารณาและสั่งเลื่อน"

    มาตรา 12 ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา 40 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราช
การฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. 2518 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
    "มาตรา 40 การโอนข้าราชการตามกฎหมายอื่น หรือพนักงานเทศบาลมาบรรจุเป็นข้าราช
การรัฐสภาสามัญ อาจกระทำได้ถ้าเจ้าตัวสมัครใจ โดยผู้บังคับบัญชาตามมาตรา 28 แล้วแต่กรณี
ทำความตกลงกับเจ้าสังกัด แล้วเสนอ ก.ร. เพื่อพิจารณาอนุมัติ ทั้งนี้ จะแต่งตั้งให้ดำรง
ตำแหน่งระดับใดและได้รับเดือนเท่าใด ให้ ก.ร. เป็นผู้พิจารณากำหนด แต่เงินเดือนที่จะให้ได้
รับจะต้องไม่สูงกว่าข้าราชการรัฐสภาสามัญที่มีคุณวุฒิ ความสามารถ และความชำนาญงานใน
ระดับเดียวกัน"

    มาตรา 13 ให้ยกเลิกความในมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่าย
รัฐสภา พ.ศ. 2518 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
    "มาตรา 41 ข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดไปรับราชการทหารตามกฎหมายว่าด้วยการ
รับราชการทหาร เมื่อผู้นั้นพ้นจาก  ราชการทหารโดยไม่มีความเสียหายแล้วประสงค์จะเข้า
รับราชการเป็นข้าราชรัฐสภาสามัญในส่วนราชการสังกัดรัฐสภาตามเดิมภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน
นับแต่วันพ้นจากราชการทหาร ให้ผู้มีอำนาจตามมาตรา 28 สั่งบรรจุแต่งตั้ง และให้ได้รับ
เงินเดือนตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ร. กำหนด
    ข้าราชการรัฐสภาสามัญซึ่งได้รับบรรจุเข้ารับราชการตามวรรคหนึ่ง ให้มีสิทธิได้นับวันรับ
ราชการก่อนถูกสั่งให้ออกจากราชการ รวมกับวันรับราชการทหารตามกฎหมายว่าด้วย
การรับราชการทหารและวันรับราชการเมื่อได้รับบรรจุกลับเข้ารับราชการ เป็นเวลาราชการ
ติดต่อกันเพื่อประโยชน์ตามพระราชบัญญัตินี้ และตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
เสมือนว่าผู้นั้นมิได้เคยถูกสั่งให้ออกจากราชการ
    ข้าราชการรัฐสภาสามัญซึ่งอยู่ในระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการไปรับราชการทหารตาม
กฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร เมื่อได้รับบรรจุและแต่งตั้งตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้ทดลอง
ปฏิบัติหน้าที่ราชการต่อไปในตำแหน่งที่ได้รับแต่งตั้ง ทั้งนี้ ให้นำมาตรา 29 มาให้บังคับ
โดยอนุโลม"

    มาตรา 14 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 41 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการ
ฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. 2518
    "มาตรา 41 ทวิ ข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดได้รับอนุมัติจาก ก.ร. ให้ออกจากราชการ
ไปปฏิบัติงานใด ๆ ซึ่งให้นับเวลาระหว่างนั้นสำหรับการคำนวณบำเหน็จบำนาญเหมือนเต็ม
เวลาราชการตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ถ้าผู้นั้นกลับเข้ารับราชการภายใน
กำหนดเวลาสี่ปีนับแต่วันออกจากราชการไปปฏิบัติดังกล่าวให้ผู้อำนาจตามมาตรา 28 สั่งบรรจุ
และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งและรับเงินเดือนตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ร. กำหนด"

    มาตรา 15 ให้ยกเลิกความในมาตรา 44 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่าย
รัฐสภา พ.ศ. 2518 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
    "มาตรา 44 ข้าราชการรัฐสภาสามัญออกจากราชการเมื่อ
    (1) ตาย
    (2) พ้นจากราชการตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
    (3) ได้รับอนุญาตได้ลาออก หรือลาออกตามมาตรา 45 วรรคสอง
    (4) ถูกสั่งให้ออกตามมาตรา 46 มาตรา 46 ทวิ มาตรา 46 ตรี และมาตรา46 จัตวา
    (5) ถูกลงโทษไล่ออก หรือปลดออก
    วันออกจากราชการตาม (4) หรือ (5) ให้เป็นไปตามระเบียบที่ ก.ร. กำหนด
    การต่อเวลาราชการให้ข้าราชการรัฐสภาสามัญที่ต้องออกจากราชการตาม (2) รับราช
การต่อไปอีกจะกระทำมิได้"

    มาตรา 16 ให้ยกเลิกความในมาตรา 46 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่าย
รัฐสภา พ.ศ. 2518 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
    "มาตรา 46 ผู้บังคับบัญชาตามมาตรา 28 มีอำนาจสั่งให้ข้าราชการรัฐสภาสามัญออกจาก
ราชการเพื่อรับบำเหน็จบำนาญตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการได้ แต่ในการสั่งให้
ออกจากราชการเพื่อรับบำเหน็จบำนาญตามกฏหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการได้ แต่ใน
การสั่งให้ออกจากราชการเพื่อบำเหน็จบำนาญเหตุผลทดแทน นอกจากให้ทำได้ในกรณีที่ระบุไว้
ในกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการแล้ว ให้ทำได้ในกรณีต่อไปนี้ด้วย คือ
    (1) เมื่อข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดเจ็บป่วยไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ราชการของตนได้โดย
สม่ำเสมอถ้าผู้บังคับบัญชาดังกล่าวเห็นสมควรให้ออกจากราชการแล้วให้สั่งให้ผู้นั้นออกจาก
ราชการได้
    (2) เมื่อข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดสมัครไปปฏิบัติงานใด ๆ ตามความประสงค์ของ
ทางราชการ ให้ผู้บังคับบัญชาดังกล่าวสั่งให้ผู้นั้นออกจากราชการ
    (3) เมื่อข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดไม่สามารถปฏิบัติราชการให้มีประสิทธิภาพและเกิด
ประสิทธิผลในระดับอันเป็นที่พอใจของทางราชการ ให้ผู้บังคับบัญชาดังกล่าวสั่งให้ผู้นั้นออกจาก
ราชการ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎ ก.ร.
    (4) เมื่อข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดขาดคุณสมบัติตามมาตรา 24 (1) (4) หรือ (5)
ให้ผู้บังคับบัญชาดังกล่าวสั่งให้ผู้นั้นออกจากราชการ
    (5) เมื่อข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดไปรับราชการทหารตามกฎหมายว่าด้วยการรับราช
การทหาร ให้ผู้บังคับบัญชาตามมาตรา 28 สั่งให้ผู้นั้นออกจากราชการ"

    มาตรา 17 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 46 ทวิ มาตรา 46 ตรี และมาตรา 46
จัตวา แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. 2518
    "มาตรา 46 ทวิ ข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดมีกรณีถูกกล่าวหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่า
หย่อนความสามารถในอันที่จะปฏิบัติหน้าที่ราชการ บกพร่องในหน้าที่ราชการหรือประพฤติตนไม่
เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ราชการ และผู้บังคับบัญชาตามมาตรา 28 เห็นว่ากรณีมีมูล ถ้าให้ผู้นั้น
รับราชการต่อไปจะเป็นการเสียหายแก่ราชการ ก็ให้ผู้บังคับบัญชาดังกล่าวสั่งแต่งตั้ง
คณะกรรมการสอบสวนโดยไม่ชักช้า ในการสอบสวนนี้จะต้องแจ้งข้อกล่าวหา
และสรุปพยาน
หลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาเท่าที่มีให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ โดยจะระบุหรือไม่ระบุชื่อพยานก็ได้
และต้องให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงและนำสืบแก้ข้อกล่าวหาได้ด้วยเมื่อได้มีการสอบสวนพิจารณา
แล้วและผู้บังคับบัญชาดังกล่าวเห็นสมควรให้ออกจากราชการเพื่อรับบำเหน็จบำนาญเหตุทดแทนได้
ทั้งนี้ให้นำมาตรา มาใช้บังคับโดยอนุโลม
    ในกรณีที่ผู้บังคับบัญชาชั้นต้นได้สอบสวน หรือคณะกรรมการสอบสวนได้สอบสวนในกรณีที่
เกี่ยวข้อง หรือพนักงานสอบสวนได้สอบสวนทางอาญา หรือศาลได้มีคำพิพากษาเกี่ยวกับเรื่องที่จะ
ต้องสอบสวนตามวรรคหนึ่งอยู่แล้ว คณะกรรมการสอบสวนตามวรรคหนึ่งจะนำสำนวนการสอบสวน
ของผู้บังคับบัญชาชั้นต้น สำนวนการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวน สำนวนการสอบสวนของ
พนักงานสอบสวน สำนวนของพนักงานอัยการ สำนวนการพิจารณาของศาล หรือสำเนา
คำพิพากษาอย่างหนึ่งอย่างใดมาใช้เป็นสำนวนการสอบสวนและทำความเห็นเสนอผู้สั่งแต่งตั้ง
คณะกรรมการสอบสวนโดยถือว่าได้มีการสอบสวนตามวรรคหนึ่งแล้วก็ได้ แต่ทั้งนี้ ต้องแจ้ง
ข้อกล่าวหาและสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาเท่าที่มีให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ โดยจะระบุ
หรือไม่ระบุชื่อพยานก็ได้ และต้องให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงและนำสืบแก้ข้อกล่าวหาได้ด้วย
    หลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการสอบสวนพิจารณา ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎ ก.ร.
    ในกรณีที่เป็นกรณีที่ปรากฏชัดแจ้งตามที่กำหนดในกฎ ก.ร. จะดำเนินการตามวรรคหนึ่งโดย
ไม่สอบสวนก็ได้
    มาตรา 46 ตรี ข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดมีกรณีถูกแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตาม
มาตรา 53 และการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว ผู้บังคับบัญชาตามมาตรา 28 เห็นว่ากรณีมีเหตุอันควร
สงสัยอย่างยิ่งว่าผู้นั้นได้กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง แต่การสอบสวนไม่ได้ความแน่ชัดพอที่จะฟัง
ลงโทษตามมาตรา 53 ถ้าให้รับราชการต่อไปจะเป็นการเสียหายแก่ราชการ ก็ให้ผู้บังคับบัญชา
ดังกล่าวสั่งให้ผู้นั้นออกจากราชการเพราะมีมลทินหรือมัวหมองในกรณีที่ถูกสอบสวนเพื่อรับบำเหน็จ
บำนาญเหตุทดแทนได้
    มาตรา 46 จัตวา เมื่อข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดต้องรับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุด
ให้จำคุกในความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษซึ่งยังไม่ถึงกับจะต้องถูกลงโทษ
ปลดออกหรือไล่ออก ผู้บังคับบัญชาตามมาตรา 28 จะสั่งให้ผู้นั้นออกจากราชการเพื่อรับบำเหน็จ
บำนาญเหตุทดแทนก็ได้"

    มาตรา 18 ให้ยกเลิกความในมาตรา 50 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่าย
รัฐสภา พ.ศ. 2518 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

    "มาตรา 50 โทษผิดวินัย มี 5 สถาน คือ
    (1) ภาคทัณฑ์
    (2) ตัดเงินเดือน
    (3) ลดขั้นเงินเดือน
    (4) ปลดออก
    (5) ไล่ออก"

    มาตรา 19 ให้ยกเลิกความในมาตรา 53 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่าย
รัฐสภา พ.ศ. 2518 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
    "มาตรา 53 ข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดถูกกล่าวหาหรือมีกรณีเป็นที่สงสัยว่ากระทำผิดวินัย
อย่างร้ายแรงตามที่กำหนดในกฎ ก.ร. ให้ผู้บังคับบัญชาตามมาตรา 28 แต่งตั้งคณะกรรมการ
สอบสวนโดยไม่ชักช้า ในการสอบสวนนี้จะต้องให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาด้วย
เมื่อได้มีการสอบสวนแล้วและผู้บังคับบัญชาดังกล่าวพิจารณาเห็นว่าผู้นั้นกระทำผิดวินัย
อย่างร้ายแรงตามที่กำหนดในกฎก.ร. ก็ให้สั่งลงโทษปลดออกหรือไล่ออกตามความร้ายแรงแห่ง
กรณี ถ้ามีเหตุอันควรลดหย่อนจะนำมาประกอบการพิจารณาลดโทษให้ก็ได้แต่ห้ามมิให้ลดโทษลงต่ำ
กว่าปลดออก ผู้ถูกสั่งปลดออกตามมาตรานี้ให้มีสิทธิได้รับบำเหน็จบำนาญเสมือนว่าผู้นั้นลาออกจาก
ราชการ
    ในการสอบสวนตามวรรคหนึ่ง ให้นำมาตรา 46 ทวิ วรรคสอง มาใช้บังคับโดยอนุโลม
    ให้ ก.ร. มีอำนาจออกกฎ ก.ร. กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการสอบสวน
พิจารณาระยะเวลาสอบสวนพิจารณาและสั่งลงโทษ การสั่งสอบสวน การมอบหมายให้สอบสวน
การตั้งกรรมการสอบสวน ตลอดจนการส่งประเด็นไปสอบสวนพยานบุคคลซึ่งอยู่ต่างท้องที่ การ
รวบรวมพยานหลักฐานและกิจการอื่น ๆ เพื่อให้ได้ความจริง"

    มาตรา 20 ให้ยกเลิกความในมาตรา57 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่าย
รัฐสภา พ.ศ. 2518 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
    "มาตรา 57 ข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดมีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง
จนถูกสอบสวน หรือถูกฟ้องคดีอาญาหรือต้องหาว่ากระทำความผิดอาญา เว้นแต่เป็นความผิดที่ได้
กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ ผู้บังคับบัญชาตามมาตรา 28 มีอำนาจสั่งพักราชการหรือ
สั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนเพื่อรอฟังผลการสอบสวนพิจารณาได้ แต่ถ้าภายหลังปรากฏผลการ
สอบสวนพิจารณาว่าผู้นั้นมิได้กระทำผิดหรือกระทำผิดไม่ถึงกับจะต้องถูกลงโทษปลดออกหรือไล่ออก
และไม่มีกรณีที่จะต้องออกจากราชการด้วยเหตุอื่นให้ผู้บังคับบัญชาดังกล่าวสั่งให้ผู้นั้นกลับเข้า
รับราชการในตำแหน่งเดิมหรือตำแหน่งในระดับเดียวกันที่ต้องใช้คุณสมบัติเฉพาะที่ผู้นั้นมีอยู่
    เงินเดือนของผู้ถูกสั่งพักราชการ ให้เป็นไปตามกฎหมายหรือระเบียบว่าด้วยการนั้น ส่วนใน
กรณีสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ถ้าปรากฏผลการสอบสวนพิจารณาเป็นยุติแล้วว่าผู้ถูกสั่งให้
ออกจากราชการไว้ก่อนมิได้กระทำผิดหรือกระทำผิดไม่ถึงกับจะต้องถูกลงโทษปลดออกหรือไล่ออก
ให้ผู้นั้นมีสิทธิได้รับเงินเดือนในระหว่างถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนเสมือนว่าผู้นั้นถูกสั่ง
พักราชการ
    ให้ ก.ร. มีอำนาจออกกฎ ก.ร. กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการสั่งพักราชการ
การสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนและการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามผลการสอบสวนพิจารณา"

    มาตรา 21 ให้ยกเลิกความในวรรคสามของมาตรา 58 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้า
ราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. 2518 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
    "ในกรณีที่ผู้บังคับบัญชาได้สั่งลงโทษหรือดำเนินการทางวินัยแก่ข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใด
แล้ว แต่ผู้บังคับบัญชาตามมาตรา 28 แล้วแต่กรณี เห็นว่ากรณีเป็นการกระทำผิดวินัย
อย่างร้ายแรงให้ผู้บังคับบัญชาดังกล่าวมีอำนาจดำเนินการตามมาตรา 53 ถ้าจะต้องสอบสวนตาม
มาตรา 53 ก่อนก็ให้ผู้บังคับบัญชาดังกล่าวมีอำนาจสอบสวนตามมาตรา 53 ในกรณีที่จะต้อง
ลงโทษตามมาตรา 53 ถ้ามีการตัดเงินเดือนหรือลดขั้นเงินเดือนไปแล้ว ก็ให้เป็นอันพับไป"

    มาตรา 22 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 60 ทวิ และมาตรา 60 ตรี แห่งพระราช
บัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. 2518
    "มาตรา 60 ทวิ ข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดถูกสั่งให้ออกจากราชการตามพระราชบัญญัตินี้
ด้วยเหตุใด ๆ ให้ผู้นั้นมีสิทธิร้องทุกข์ได้
    การร้องทุกข์ตามวรรคหนึ่ง ให้ร้อยทุกข์ต่อ ก.ร. ภายในสามสิบวันนับแต่วันทราบคำสั่งและ
ให้นำมาตรา 60 ตลอดจนหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎ ก.ร. มาใช้บังคับโดยอนุโลม
    มาตรา 60 ตรี ข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดเห็นว่าผู้บังคับบัญชาใช้อำนาจหน้าที่ปฏิบัติต่อตน
โดยไม่ถูกต้องหรือไม่ปฏิบัติต่อตนให้ถูกต้องตามกฎหมายหรือมีความคับข้องใจอันเกิดจากการปฏิบัติ
ของผู้บังคับบัญชาต่อตนในกรณีตามที่กำหนดในกฎ ก.ร. ผู้นั้นอาจร้องทุกข์ต่อผู้บังคับบัญชาหรือ
ก.ร. แล้วแต่กรณี ตามที่กำหนดไว้ในกฎ ก.ร. เพื่อขอให้แก้ไขหรือแก้ความคับข้องใจได้ ทั้งนี้
เว้นแต่กรณีที่มีสิทธิอุทธรณ์ตามมาตรา 60
    การร้องทุกข์และการพิจารณาเรื่องร้องทุกข์ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดใน
กฎ ก.ร."

    มาตรา 23 ให้ยกเลิกความในมาตรา 61 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายรัฐ
สภา พ.ศ. 2518 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
    "มาตรา 61 ตำแหน่งข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมืองมีดังนี้
    (1) ที่ปรึกษาประธานรัฐสภา
    (2) ที่ปรึกษารองประธานรัฐสภา
    (3) ที่ปรึกษาประธานวุฒิสภา
    (4) ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร
    (5) ที่ปรึกษารองประธานวุฒิสภา
    (6) ที่ปรึกษารองประธานสภาผู้แทนราษฎร
    (7) เลขานุการประธานรัฐสภา
    (8) เลขานุการรองประธานรัฐสภา
    (9) เลขานุการประธานวุฒิสภา
    (10) เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร
    (11) เลขานุการรองประธานวุฒิสภา
    (12) เลขานุการรองประธานสภาผู้แทนราษฎร
    (13) เลขานุการผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
    ข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมืองตามวรรคหนึ่งจะมีจำนวนเท่าใด ให้เป็นไปตามอัตราใน
บัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้"

    มาตรา 24 ให้ยกเลิกความในมาตรา 62 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่าย
รัฐสภา พ.ศ. 2518 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
    "มาตรา 62 ให้ข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมืองได้รับเงินเดือนและเงินเพิ่มสำหรับตำ
แหน่งข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมืองตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้
    ให้ใช้บัญชีอัตราเงินเดือนและเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง
หมายเลข 1 ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2535 เป็นต้นไป และเมื่อได้มีพระราชกฤษฎีกา
ประกาศใช้บัญชีอัตราตำแหน่ง เงินเดือนและเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งข้าราชการการเมือง
หมายเลข 2 หมายเลข 3 หมายเลข 4 หรือหมายเลข 5 ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบ
ข้าราชการการเมืองแล้ว ให้ประธานรัฐสภาประกาศปรับใช้อัตราเงินเดือนและเงินเพิ่มสำหรับ
ตำแหน่งข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมืองตามบัญชีอัตราเงินเดือนและเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่ง
ข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง หมายเลข 2  หมายเลข 3 หมายเลข 4 หรือหมายเลข 5
ให้สอดคล้องกัน
    บทบัญญัติตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 ซึ่ง
แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2499 มิให้ใช้
บังคับแก่การรับบำเหน็จบำนาญข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมืองผู้กลับเข้ารับราชการใหม่ตาม
พระราชบัญญัตินี้
    ข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมืองซึ่งดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาหรือสมาชิกสภาผู้
แทนราษฎรด้วย ถ้าได้รับเงินประจำตำแหน่ง เงินเพิ่ม หรือเงินค่ารับรองสำหรับสมาชิกสภาดังกล่าว
แล้ว ไม่มีสิทธิได้รับเงินเดือนและเงินเพิ่มตามพระราชบัญญัตินี้อีก
    การจ่ายเงินเดือนและเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมืองให้เป็นไป
ตามระเบียบที่กระทรวงการคลังกำหนด"

    มาตรา 25 ให้ยกเลิกความในมาตรา 63 และมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้า
ราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. 2518 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
    "มาตรา 63 การแต่งตั้งข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมืองตามมาตรา 61 (1) (2) (3)
(4) (5) และ (6) ให้ประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภาหรือประธานสภาผู้แทนราษฎร
แล้วแต่กรณี แต่งตั้งบุคคลซึ่งเห็นสมควรตามเหตุผลในทางการเมืองและต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติทั่วไป
ที่จะเป็นข้าราชการรัฐสภาสามัญได้ตามมาตรา 24 ยกเว้น (4) และไม่เป็นข้าราชการซึ่งมี
ตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ
    การแต่งตั้งข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมืองตามมาตรา 61 (7) (8) (9) (10) (11)
(12) และ (13) ให้ประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภาหรือประธานสภาผู้แทนราษฎร แล้วแต่กรณี
แต่งตั้งบุคคลซึ่งเห็นสมควรตามเหตุผลในทางการเมืองและต้องเป็นผู้คุณสมบัติทั่วไปที่จะเป็น
ข้าราชการรัฐสภาสามัญได้ตามมาตรา 24 ยกเว้น (4) และไม่เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือ
เงินเดือนประจำ
    มาตรา 64 ข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมืองออกจากตำแหน่งเมื่อ
    (1) ตาย
    (2) ลาออก
    (3) สำหรับข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมืองตามมาตรา 61 (1) (2) (3) (4) (5)
และ (6) ผู้แต่งตั้งสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง หรือผู้แต่งตั้งพ้นจากตำแหน่งหรือเมื่อรัฐสภาสิ้นอายุหรือ
ถูกยุบ
    (4) สำหรับข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมืองตามมาตรา 61 (7) (8) (9) (10) (11)
(12) และ (13) ผู้แต่งตั้งสั่งให้พ้นจากตำแหน่งจะโดยมีความผิดหรือไม่มีความผิดก็ตาม หรือ
ประธานหรือรองประธานแห่งสภาที่ผู้นั้นสังกัด หรือผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรพ้นจาก
ตำแหน่งแล้วแต่กรณี"

    มาตรา 26 ให้ยกเลิกบัญชีอัตราเงินเดือนสำหรับตำแหน่งข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง
ท้ายพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. 2518 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย
พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2531 และให้ใช้บัญชีอัตรา
เงินเดือนและเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมืองท้ายพระราชบัญญัตินี้แทน

    มาตรา 27 ให้กรรมการซึ่งรัฐสภาเลือกจากประธานคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาและ
ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับนี้ใช้บังคับดำรงตำแหน่งอยู่ต่อไป
จนกว่าจะพ้นจากตำแหน่งหรือครบวาระ แล้วแต่กรณี แต่ต้องไม่เกินสามปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัติ
นี้ใช้บังคับ

    มาตรา 28 นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับจนถึงวันก่อนวันที่ประกาศรัฐสภาแบ่งส่วน
ราชการของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา และสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรตามกฎหมาย
ว่าด้วยการจัดระเบียบปฏิบัติราชการฝ่ายรัฐสภาใช้บังคับ
    (1) ให้เลขาธิการรัฐสภาดำรงตำแหน่งกรรมการและเลขานุการก.ร. ตามมาตรา 6
วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. 2518 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย
พระราชบัญญัตินี้
    (2) การบรรจุและแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งระดับ 10 และระดับ 11 ตาม  มาตรา
28 (1) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. 2518 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย
พระราชบัญญัตินี้ ให้ประธานรัฐสภาด้วยความเห็นชอบของ ก.ร. เป็นผู้มีอำนาจสั่งบรรจุ และนำ
ความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง
    (3) การบรรจุและแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งระดับ 9 ตามมาตรา 28 (2)  แห่ง
พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. 2518 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้
ให้ประธานรัฐสภาเป็นผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้ง
    (4) การบรรจุและแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงแหน่งตั้งแต่ระดับ 8 ลงมาตามมาตรา 28 (3)
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. 2518 ซึ่งแก้ไขเพิ่มโดยพระราชบัญญัตินี้
ให้เลขาธิการรัฐสภาเป็นผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้ง
    (5) การเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ระดับ 9 ขึ้นไป
ตามมาตรา 36 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. 2518 ซึ่ง
แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้ประธานรัฐสภาเป็นผู้พิจารณาและสั่งเลื่อน
    (6) การเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ระดับ 8 ลงตาม
มาตรา 36 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. 2518 ซึ่งแก้ไข
เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้เลขาธิการรัฐสภาเป็นผู้พิจารณาและสั่งเลื่อน
    (7) การโอนข้าราชการตามมาตรา 40 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการ
ฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. 2518 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้ประธานรัฐสภาหรือ
เลขาธิการรัฐสภา แล้วแต่กรณี ทำความตกลงกับเจ้าสังกัดแล้วเสนอ ก.ร. เพื่อพิจารณาอนุมัติ

    มาตรา 29 ให้นำบทบัญญัติมาตรา 24 (11) และมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ
ข้าราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. 2518 มาใช้บังคับแก่ผู้เคยถูกลงโทษออกเพราะกระทำผิดวินัยก่อน
วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

    มาตรา 30 ให้ประธานรัฐสภารักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
อานันท์  ปันยารชุน
นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ ในกรณีที่ประธานวุฒิสภาเป็นประธานรัฐสภาหรือรองประธานรัฐสภา ให้แต่งตั้ง
เลขานุการประธานรัฐสภาหรือเลขานุการรองประธานรัฐสภาหรือเลขานุการประธานวุฒิสภาได้
เพียงตำแหน่งเดียวในกรณีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานรัฐสภาหรือรองประธานรัฐสภา
ให้ตำแหน่งตั้งเลขานุการประธานรัฐสภาหรือเลขานุการรองประธานรัฐสภาหรือเลขานุการ
ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้เพียงตำแหน่งเดียว
( ร.จ. เล่มที่ 109 ตอนที่ 35 หน้าที่ 50 วันที่ 3 เมษายน 2535)
   บัญชีอัตราเงินเดือนและเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งข้าราชการ
                      รัฐสภาฝ่ายการเมือง  หมายเลข 1
                           (หน่วย   :   บาท)
     ตำแหน่ง                  จำนวนอัตรา        เงินเดือน     เงินเพิ่ม    รวม
1. ที่ปรึกษาประธานรัฐสภา          1           38,870     10,820   49,690
2.  ที่ปรึกษารองประธานรัฐสภา      เท่าจำนวน        38,870      10,820   49,690
                            รองประธานรัฐสภา
3.  ที่ปรึกษาประธานวุฒิสภา            2            38,870      10,820   49,690
4.  ที่ปรึกษาประธาน
    สภาผู้แทนราษฎร                 2            38,870      10,820   49,690
5.  ที่ปรึกษารองประธานวุฒิสภา      เท่าจำนวน        31,990       7,000   38,990
                            รองประธานวุฒิสภา
6.  ที่ปรึกษารองประธาน           เท่าจำนวน
    สภาผู้แทนราษฎร              รองประธาน       31,990       7,000   38,990
                            สภาผู้แทนราษฎร
7.  เลขานุการประธานรัฐสภา          1            29,580       3,400   32,980
8.  เลขานุการรองประธานรัฐสภา    เท่าจำนวน        29,580       3,400   32,980
                            รองประธานรัฐสภา
9.  เลขานุการประธานวุฒิสภา           1           29,580       3,400   32,980
10. เลขานุการประธาน
    สภาผู้แทนราษฎร                  1           29,580       3,400   32,980
11. เลขานุการรองประธานวุฒิสภา    เท่าจำนวน        29,580       3,400   32,980
                            รองประธานวุฒิสภา
12. เลขานุการรองประธาน         เท่าจำนวน
    สภาผู้แทนราษฎร              รองประธาน       29,580       3,400   32,980
                            สภาผู้แทนราษฎร
13. เลขานุการผู้นำฝ่ายค้าน            1            26,620       3,060   29,680
    ในสภาผู้แทนราษฎร

              บัญชีอัตราเงินเดือนและเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งข้าราชการ
                      รัฐสภาฝ่ายการเมือง  หมายเลข 2
                           (หน่วย   :   บาท)
     ตำแหน่ง                  จำนวนอัตรา        เงินเดือน     เงินเพิ่ม    รวม
1. ที่ปรึกษาประธานรัฐสภา          1           44,060     14,940   59,000
2.  ที่ปรึกษารองประธานรัฐสภา      เท่าจำนวน        44,060      14,940   59,000
                            รองประธานรัฐสภา
3.  ที่ปรึกษาประธานวุฒิสภา             2            44,060      14,060   59,000
4.  ที่ปรึกษาประธาน
    สภาผู้แทนราษฎร                 2            44,060      14,060   59,000
5.  ที่ปรึกษารองประธานวุฒิสภา      เท่าจำนวน        36,260      10,000   46,260
                            รองประธานวุฒิสภา
6.  ที่ปรึกษารองประธาน           เท่าจำนวน
    สภาผู้แทนราษฎร              รองประธาน       36,260      10,000   46,260
                            สภาผู้แทนราษฎร
7.  เลขานุการประธานรัฐสภา          1            33,530       4,900   38,430
8.  เลขานุการรองประธานรัฐสภา    เท่าจำนวน        33,530       4,900   38,430
                            รองประธานรัฐสภา
9.  เลขานุการประธานวุฒิสภา           1           33,530       4,900   38,430
10. เลขานุการประธาน
    สภาผู้แทนราษฎร                  1           33,530       4,900   38,430
11. เลขานุการรองประธานวุฒิสภา    เท่าจำนวน        33,530       4,900   38,430
                            รองประธานวุฒิสภา
12. เลขานุการรองประธาน         เท่าจำนวน
    สภาผู้แทนราษฎร              รองประธาน       33,530       4,900   38,430
                            สภาผู้แทนราษฎร
13. เลขานุการผู้นำฝ่ายค้าน            1            30,180       4,410   34,590
    ในสภาผู้แทนราษฎร

              บัญชีอัตราเงินเดือนและเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งข้าราชการ
                      รัฐสภาฝ่ายการเมือง  หมายเลข 3
                           (หน่วย   :   บาท)
     ตำแหน่ง                  จำนวนอัตรา        เงินเดือน     เงินเพิ่ม    รวม
1. ที่ปรึกษาประธานรัฐสภา          1           50,680     21,110   71,790
2.  ที่ปรึกษารองประธานรัฐสภา      เท่าจำนวน        50,680      21,110   71,790
                            รองประธานรัฐสภา
3.  ที่ปรึกษาประธานวุฒิสภา             2            50,680      21,110   71,790
4.  ที่ปรึกษาประธาน
    สภาผู้แทนราษฎร                 2            50,680      21,110   71,790     21,110   71,790
5.  ที่ปรึกษารองประธานวุฒิสภา      เท่าจำนวน        41,630      14,500   56,130
                            รองประธานวุฒิสภา
6.  ที่ปรึกษารองประธาน           เท่าจำนวน
    สภาผู้แทนราษฎร              รองประธาน       41,630      14,500   56,130
                            สภาผู้แทนราษฎร
7.  เลขานุการประธานรัฐสภา          1            38,490       7,500   45,990
8.  เลขานุการรองประธานรัฐสภา    เท่าจำนวน        38,490       7,500   45,990
                            รองประธานรัฐสภา
9.  เลขานุการประธานวุฒิสภา           1           38,490       7,500   45,990
10. เลขานุการประธาน
    สภาผู้แทนราษฎร                  1           38,490       7,500   45,990
11. เลขานุการรองประธานวุฒิสภา    เท่าจำนวน        38,490       7,500   45,990
                            รองประธานวุฒิสภา
12. เลขานุการรองประธาน         เท่าจำนวน
    สภาผู้แทนราษฎร              รองประธาน       38,490       7,500   45,990
                            สภาผู้แทนราษฎร
13. เลขานุการผู้นำฝ่ายค้าน            1            34,640       6,750   41,390
    ในสภาผู้แทนราษฎร

              บัญชีอัตราเงินเดือนและเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งข้าราชการ
                      รัฐสภาฝ่ายการเมือง  หมายเลข 4
                           (หน่วย   :   บาท)
     ตำแหน่ง                  จำนวนอัตรา        เงินเดือน     เงินเพิ่ม    รวม
1. ที่ปรึกษาประธานรัฐสภา          1           58,150     30,390   88,540
2.  ที่ปรึกษารองประธานรัฐสภา      เท่าจำนวน        58,150      30,390   88,540
                            รองประธานรัฐสภา
3.  ที่ปรึกษาประธานวุฒิสภา             2            58,150      30,390   88,540
4.  ที่ปรึกษาประธาน
    สภาผู้แทนราษฎร                 2            58,150      30,390   88,540     21,110   71,790
5.  ที่ปรึกษารองประธานวุฒิสภา      เท่าจำนวน        47,810      21,500   69,310
                            รองประธานวุฒิสภา
6.  ที่ปรึกษารองประธาน           เท่าจำนวน
    สภาผู้แทนราษฎร              รองประธาน       47,810      21,500   69,310
                            สภาผู้แทนราษฎร
7.  เลขานุการประธานรัฐสภา          1            44,200      11,200   55,400
8.  เลขานุการรองประธานรัฐสภา    เท่าจำนวน        44,200      11,200   55,400
                            รองประธานรัฐสภา
9.  เลขานุการประธานวุฒิสภา           1           44,200      11,200   55,400
10. เลขานุการประธาน
    สภาผู้แทนราษฎร                  1           44,200      11,200   55,400
11. เลขานุการรองประธานวุฒิสภา    เท่าจำนวน        44,200      11,200   55,400
                            รองประธานวุฒิสภา
12. เลขานุการรองประธาน         เท่าจำนวน
    สภาผู้แทนราษฎร              รองประธาน       44,200      11,200   55,400
                            สภาผู้แทนราษฎร
13. เลขานุการผู้นำฝ่ายค้าน            1            38,780      10,080   49,860
    ในสภาผู้แทนราษฎร

              บัญชีอัตราเงินเดือนและเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งข้าราชการ
                      รัฐสภาฝ่ายการเมือง  หมายเลข 5
                           (หน่วย   :   บาท)
     ตำแหน่ง                  จำนวนอัตรา        เงินเดือน     เงินเพิ่ม    รวม
1. ที่ปรึกษาประธานรัฐสภา          1           69,220     55,380  124,600
2.  ที่ปรึกษารองประธานรัฐสภา      เท่าจำนวน        69,220      55,380  124,600
                            รองประธานรัฐสภา
3.  ที่ปรึกษาประธานวุฒิสภา             2            69,220      55,380  124,600
4.  ที่ปรึกษาประธาน
    สภาผู้แทนราษฎร                 2            69,220      55,380  124,600
5.  ที่ปรึกษารองประธานวุฒิสภา      เท่าจำนวน        53,610      42,890   96,500
                            รองประธานวุฒิสภา
6.  ที่ปรึกษารองประธาน           เท่าจำนวน
    สภาผู้แทนราษฎร              รองประธาน       53,610      42,890   96,500
                            สภาผู้แทนราษฎร
7.  เลขานุการประธานรัฐสภา          1            50,790      17,890   68,680
8.  เลขานุการรองประธานรัฐสภา    เท่าจำนวน        50,790      17,890   68,680
                            รองประธานรัฐสภา
9.  เลขานุการประธานวุฒิสภา           1           50,790      17,890   68,680
10. เลขานุการประธาน
    สภาผู้แทนราษฎร                  1           50,890      17,890   68,680
11. เลขานุการรองประธานวุฒิสภา    เท่าจำนวน        50,890      17,890   68,680
                            รองประธานวุฒิสภา
12. เลขานุการรองประธาน         เท่าจำนวน
    สภาผู้แทนราษฎร              รองประธาน       50,890      17,890   68,680
                            สภาผู้แทนราษฎร
13. เลขานุการผู้นำฝ่ายค้าน            1            45,710      16,100   61,810
    ในสภาผู้แทนราษฎร