พระราชบัญญัติ
                 จัดระเบียบปฏิบัติราชการฝ่ายรัฐสภา (ฉบับที่ 2)
                              พ.ศ. 2535
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
                     ให้ไว้ ณ วันที่ 29 มีนาคม พ.ศ.2535
                        เป็นปีที่ 47 ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดฯ ให้ประกาศว่า
   โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการจัดระเบียบปฏิบัติราชการฝ่ายรัฐสภา
   จึงทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของ
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่รัฐสภา ดังต่อไปนี้

   มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติจัดระเบียบปฏิบัติราชการฝ่ายรัฐสภา(ฉบับที่ 2)
พ.ศ.2535"

   มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อประกาศรัฐสภาตามมาตรา 16 ได้ประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษา ยกเว้นความในมาตรา 14 มาตรา 15 และมาตรา 16 ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจาก
วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา

   มาตรา 3 เมื่อพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับแล้ว บทบัญญัติแห่งกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ มติหรือ
คำสั่งใดอ้างถึงสำนักงานเลขาธิการรัฐสภา หรือเลขาธิการรัฐสภา ให้ถือว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมาย กฎ
ระเบียบ ข้อบังคับ มติหรือคำสั่งนั้น อ้างถึงสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา หรือสำนักงานเลขาธิการ
สภาผู้แทนราษฎร หรือเลขาธิการวุฒิสภา หรือเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แล้วแต่กรณี

   มาตรา 4 ให้ยกเลิกความในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติจัดระเบียบปฏิบัติราชการฝ่ายรัฐสภา
พ.ศ.2518 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
      "รัฐสภา" หมายความว่า วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ในกรณีที่
รัฐธรรมนูญบัญญัติให้มีสภานิติบัญญัติสภาเดียวให้หมายถึงสภานั้น
      "วุฒิสภา" หมายความว่า วุฒิสภาตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
      "สภาผู้แทนราษฎร" หมายความว่า สภาผู้แทนราษฎรตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
      "ประธานรัฐสภา" หมายความว่า ประธานรัฐสภาตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญในกรณีที่
รัฐธรรมนูญบัญญัติให้มีสภานิติบัญญัติสภาเดียว ให้หมายความถึงประธานแห่งสภานั้น
      "รองประธานรัฐสภา" หมายความว่า รองประธานรัฐสภาตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ในกรณี
ที่รัฐธรรมนูญบัญญัติให้มีสภานิติบัญญัติสภาเดียว ให้หมายความถึงรองประธานแห่งสภานั้น
      "ก.ร." หมายความว่า คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายรัฐสภาตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบ
ข้าราชการฝ่ายรัฐสภา"

   มาตรา 5 ให้ยกเลิกหมวด 1 และมาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 8 และมาตรา 9 แห่ง
พระราชบัญญัติจัดระเบียบปฏิบัติราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ.2518 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
                               "หมวด 1
                    การจัดระเบียบปฏิบัติราชการของรัฐสภา
   มาตรา 6 ให้มีส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ดังนี้
      (1) สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา
      (2) สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
      (3) ส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่น
   ส่วนราชการตาม (1) (2) และ (3) มีฐานะเทียบกรมและเป็นนิติบุคคล
   มาตรา 6 ทวิ ในกรณีที่มีสภานิติบัญญัติสภาเดียว ให้ประธานขอสภานิติบัญญัติดังกล่าวเป็นผู้กำหนดให้
สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาหรือสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรสำนักงานหนึ่งสำนักงานใดหรือทั้ง
สองสำนักงานร่วมกัน ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการของสภานิติบัญญัติดังกล่าวข้างต้น
   การกำหนดตามวรรคหนึ่งให้ทำเป็นประกาศของสภานิติบัญญัติดังกล่าวและให้ประธานของ
สภานิติบัญญัติเป็นลงนาม
   มาตรา 7 การจัดตั้งส่วนราชการตามมาตรา 6(3) หรือการยุบส่วนราชการตามมาตรา 6 (1)
(2) หรือ (3) ให้ตราเป็นพระราชบัญญัติ
   การแบ่งส่วนราชการภายในของส่วนราชการตามมาตรา 6 ให้ทำเป็นประกาศรัฐสภา  ด้วย
ความเห็นชอบของ ก.ร.
   ให้ ก.ร. เป็นผู้พิจารณาแบ่งส่วนราชการภายในตามวรรคสอง กำหนดอำนาจหน้าที่และจัดอัตรา
กำลังของส่วนราชการดังกล่าวด้วย
   ประกาศรัฐสภาตามวรรคสอง ให้ประธานรัฐสภาเป็นผู้ลงนามและประกาศในราชกิจจานุเบกษา
   มาตรา 8 สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภามีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับราชการประจำทั่วไปของ
วุฒิสภา มีเลขาธิการวุฒิสภาเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการ และรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการขึ้นตรง
ต่อประธานวุฒิสภา และจะให้มีรองเลขาธิการวุฒิสภา หรือผู้ช่วยเลขาธิการวุฒิสภา หรือมีทั้งตำแหน่ง
รองเลขาธิการวุฒิสภา และผู้ช่วยเลขาธิการวุฒิสภา เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการรองจากเลขาธิการ
วุฒิสภา และช่วยเลขาธิการวุฒิสภาปฏิบัติราชการก็ได้
   รองเลขาธิการวุฒิสภา หรือผู้ช่วยเลขาธิการวุฒิสภา มีอำนาจหน้าที่ตามที่เลขาธิการวุฒิสภา
กำหนดหรือมอบหมาย
   มาตรา 8 ทวิ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับราชการประจำ
ทั่วไปของสภาผู้แทนราษฎร มีเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและรับผิดชอบ
ในการปฏิบัติราชการขึ้นตรงต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร และจะให้มีรองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
หรือผู้ช่วยเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร หรือมีทั้งตำแหน่งรองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และผู้ช่วย
เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการรองจากเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และ
ช่วยเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรปฏิบัติราชการก็ได้
   รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร หรือผู้ช่วยเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรมีอำนาจหน้าที่ตาม
ที่เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรกำหนดหรือมอบหมาย
   มาตรา 9 ส่วนราชการตามมาตรา 6 (3) จะมีเลขาธิการ ผู้อำนวยการหรือตำแหน่งที่
เรียกชื่ออย่างอื่น เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการ และรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของส่วน
ราชการนั้น ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และจะให้มีรองเลขาธิการ รองผู้อำนวยการ หรือ
ตำแหน่งรองของตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่น หรือผู้ช่วยเลขาธิการหรือทั้งรองผู้อำนวยการ และ
ผู้ช่วยผู้อำนวยการ หรือทั้งตำแหน่งรองและตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่น เป็นผู้บังคับบัญชา
ข้าราชการรองจากเลขาธิการ ผู้อำนวยการหรือตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่น และช่วยเลขาธิการ
ผู้อำนวยการหรือตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นปฏิบัติราชการก็ได้
   รองเลขาธิการ รองผู้อำนวยการ ตำแหน่งรองของตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่น ผู้ช่วย
เลขาธิการผู้ช่วยผู้อำนวยการ หรือตำแหน่งผู้ช่วยของตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นมีอำนาจหน้าที่
ตามที่เลขาธิการผู้อำนวยการ หรือตำแหน่งผู้ช่วยของตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นมีอำนาจหน้าที่
ตามที่เลขาธิการผู้อำนวยการ หรือตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่น กำหนดหรือมอบหมาย"

   มาตรา 6 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 9 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติจัดระเบียบปฏิบัติราชการฝ่าย
รัฐสภา พ.ศ.2518
   "มาตรา 9 ทวิ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร  หรือ
ส่วนราชการตามมาตรา 6 (3) อาจแบ่งส่วนราชการภายในเป็นกองหรือส่วนราชการที่เรียกชื่อ
อย่างอื่นซึ่งมีฐานะเทียบกอง
   ในกรณีที่มีความจำเป็น จะแบ่งส่วนราชการโดยให้มีส่วนราชการอื่นนอกจากที่กำหนดใน
วรรคหนึ่งก็ได้
   ส่วนราชการตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้มีอำนาจหน้าที่ตามที่ได้กำหนดไว้ให้เป็นหน้าที่ของ
ส่วนราชการนั้น ๆ โดยมีผู้อำนวยการกอง หัวหน้ากอง หัวหน้ากอง หรือหัวหน้าส่วนราชการที่เรียกชื่อ
อย่างอื่นเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการ และรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการ"

   มาตรา 7 ให้ยกเลิกความในมาตรา 11 และมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติจัดระเบียบปฏิบัติ
ราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ.2518 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
   "มาตรา 11 อำนาจในการสั่ง การอนุญาต การอนุมัติ การปฏิบัติราชการหรือการดำเนินการ
อื่นที่ผู้ดำรงตำแหน่งใดจะพึงปฏิบัติหรือดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่งใด
หรือมติของคณะรัฐมนตรีในเรื่องใด ถ้ากฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่งนั้น หรือมติของ
คณะรัฐมนตรีในเรื่องนั้นมิได้กำหนดเรื่องการมอบอำนาจไว้เป็นอย่างอื่น หรือมิได้ห้ามเรื่อง
การมอบอำนาจไว้ ผู้ดำรงตำแหน่งนั้นอาจมอบอำนาจให้ผู้ดำรงตำแหน่งอื่นปฏิบัติราชการแทนได้
ดังต่อไปนี้
      (1) ประธานรัฐสภาอาจมอบอำนาจให้รองประธานรัฐสภา เลขาธิการวุฒิสภาหรือ
เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร หรือหัวหน้าส่วนราชการตามมาตรา 6 (3)
      (2) ประธานวุฒิสภาอาจมอบอำนาจให้รองประธานวุฒิสภา หรือเลขาธิการวุฒิสภา
      (3) เลขาธิการวุฒิสภาอาจมอบอำนาจให้รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรหรือ
เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
      (4) เลขาธิการวุฒิสภาอาจมอบอำนาจให้รองเลขาธิการวุฒิสภา ผู้ช่วยเลขาธิการ
วุฒิสภาผู้อำนวยการกอง หัวหน้ากอง หัวหน้าส่วนราชการตามมาตรา 9 ทวิ วรรคสอง หรือผู้
ดำรงตำแหน่งเทียบเท่า
      (5) เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรอาจมอบอำนาจให้รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ผู้ช่วย
เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ผู้อำนวยการกอง หัวหน้ากอง หัวหน้าส่วนราชการตามมาตรา 9 ทวิ
วรรคสอง หรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่า
      (6) หัวหน้าส่วนราชการตามมาตรา 6(3) อาจมอบอำนาจให้รองหัวหน้าส่วนราชการ ผู้ช่วย
หัวหน้าส่วนราชการ ผู้อำนวยการกอง หัวหน้ากอง หัวหน้าส่วนราชการตามมาตรา 9 ทวิ วรรคสอง
หรือผู้ดำรงแหน่งเทียบเท่า
      (7) ผู้อำนวยการกอง หัวหน้ากอง หัวหน้าส่วนราชการตามมาตรา 9 ทวิ วรรค
สอง หรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่า อาจมอบอำนาจให้ข้าราชการในกอง หรือส่วนราชการที่มีฐานะ
เทียบกอง หรือส่วนราชการตามมาตรา 9 ทวิ วรรคสอง ได้ตามระเบียบที่เลขาธิการวุฒิสภา
เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร หรือหัวหน้าส่วนราชการตามมาตรา 6(3) กำหนด
   การมอบอำนาจตามมาตรานี้ให้ทำเป็นหนังสือ
   มาตรา 12 ในกรณีที่ประธานรัฐสภาไม่อาจปฏิบัติราชการได้ให้รองประธานรัฐสภาเป็น
ผู้รักษาราชการแทน
   ในกรณีที่ประธานวุฒิสภาไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่งเป็นผู้รักษาราชการ
แทน ถ้ารองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่งไม่สามารถปฏิบัติราชการได้ให้รองประธานวุฒิสภาคนต่อไปเป็น
ผู้รักษาราชการแทน
   ในกรณีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนหนึ่ง
เป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้ารองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนหนึ่งไม่สามารถปฏิบัติราชการได้ให้
รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนต่อไปเป็นผู้รักษาราชการแทน
   ผู้รักษาราชการแทนตามมาตรานี้ มีอำนาจเช่นเดียวกับผู้ซึ่งตนแทน"

   มาตรา 8 ให้ยกเลิกมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติจัดระเบียบปฏิบัติราชการฝ่ายรัฐสภาพ.ศ.2518

   มาตรา 9 ให้ยกเลิกความในมาตรา 15 มาตรา 16 และมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติจัด
ระเบียบปฏิบัติราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ.2518 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
   "มาตรา 15 ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการวุฒิสภา หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ให้
รองเลขาธิการวุฒิสภาเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้ามีรองเลขาธิการวุฒิสภาหลายคน  ให้ประธานวุฒิสภา
แต่งตั้งรองเลขาธิการวุฒิสภาคนใดหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้าไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ
วุฒิสภา หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ให้ประธานวุฒิสภา แต่งตั้งผู้ช่วยเลขาธิการวุฒิสภาหรือ
ข้าราชการรัฐสภาสามัญในส่วนราชการนั้นซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าหัวหน้ากองหรือเทียบเท่าขึ้นไป
คนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน
   ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ให้
รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้ามีรองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรหลายคน
ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรแต่งตั้งรองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน
ถ้าไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรหรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้ประธานสภา
ผู้แทนราษฎรแต่งตั้งผู้ช่วยเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรหรือข้าราชการรัฐสภาสามัญในส่วนราชการนั้น ซึ่ง
ดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าหัวหน้ากองหรือเทียบเท่าขึ้นไปคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน
   ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการตามมาตรา 6(3) หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้
ให้รองหัวหน้าส่วนราชการตามมาตรา 6(3) เป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้ามีรองหัวหน้าส่วนราชการตาม
มาตรา 6(3) หลายคน ให้ประธานรัฐสภาแต่งตั้งรองหัวหน้าส่วนราชการคนใดคนหนึ่งเป็น
ผู้รักษาราชการแทน ถ้าไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าส่วนราชการตามมาตรา 6(3) หรือมีแต่ไม่อาจ
ปฏิบัติราชการได้ ให้ประธานรัฐสภาแต่งตั้งผู้ช่วยหัวหน้าส่วนราชการตามมาตรา 6(3) หรือข้าราชการ
รัฐสภาสามัญในส่วนราชการนั้น ซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าหัวหน้ากองหรือเทียบเท่าขึ้นไปคนใดคนหนึ่ง
เป็นผู้รักษาราชการแทนก็ได้
   มาตรา 16 ในกรณีที่มีผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการวุฒิสภา เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร หรือหัวหน้า
ส่วนราชการตามมาตรา 6(3) แต่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง รองเลขาธิการวุฒิสภา รองเลขาธิการ
สภาผู้แทนราษฎร หรือรองหัวหน้าส่วนราชการตามมาตรา 6(3) หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้
เลขาธิการวุฒิสภา เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร หรือหัวหน้าส่วนราชการตามมาตรา 6(3) แล้วแต่กรณี
จะแต่งตั้งผู้ช่วยเลขาธิการวุฒิสภา ผู้ช่วยเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ผู้ช่วยหัวหน้าส่วนราชการตาม
มาตรา 6(3) หรือข้าราชการรัฐสภาสามัญในส่วนราชการนั้น ซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าหัวหน้ากอง
หรือเทียบเท่าขึ้นไปคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทนก็ได้
   มาตรา 17 ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการตามมาตรา 9 ทวิ วรรคสองหรือมีแต่
ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ เลขาธิการวุฒิสภา เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร หรือหัวหน้าส่วนราชการตาม
มาตรา 6(3) แล้วแต่กรณี จะแต่งตั้งข้าราชการรัฐสภาสามัญในส่วนราชการนั้น ซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำ
กว่าหัวหน้ากองหรือเทียบเท่าขึ้นไปคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทนก็ได้"

   มาตรา 10 ให้ยกเลิกความในมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติจัดระเบียบปฏิบัติราชการฝ่ายรัฐสภา
พ.ศ.2518 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
   "มาตรา 19 ให้ข้าราชการรัฐสภาสามัญตำแหน่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทำหน้าที่รักษา
ความสงบเรียบร้อยในบริเวณของรัฐสภา
   เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตามวรรคหนึ่งเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญาและให้
มีอำนาจเช่นเดียงกับพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาภายใน
บริเวณของรัฐสภา"

   มาตรา 11 ให้ยกเลิกความในมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติจัดระเบียบปฏิบัติราชการฝ่ายรัฐสภา
พ.ศ.2518 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
   "มาตรา 22 บรรดาอำนาจในการสั่ง การอนุญาต การอนุมัติ หรือการปฏิบัติราชการตามที่กฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่งใด กำหนดว่าเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีให้เป็นอำนาจของ
ประธานรัฐสภา อำนาจของรัฐมนตรีเจ้าสังกัด ให้เป็นอำนาจของประธานวุฒิสภาสำหรับสำนักงาน
เลขาธิการวุฒิสภา หรือของประธานสภาผู้แทนราษฎรสำหรับสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและ
อำนาจของปลัดกระทรวง ให้เป็นอำนาจของเลขาธิการวุฒิสภา หรือเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเฉพาะ
ที่เกี่ยวกับราชการของส่วนราชการในสังกัด"

   มาตรา 12 ให้โอนบรรดาอำนาจที่เกี่ยวกับราชการของสำนักงานเลขาธิการรัฐสภาและบรรดา
อำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่สำนักงานเลขาธิการรัฐสภาตามมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติจัดระเบียบ
ปฏิบัติราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ.2518 มาเป็นของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา และสำนักงาน
เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร หรือของเจ้าหน้าที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา และของหน้าที่สำนักงาน
เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรตามพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ ตามที่ ก.ร. กำหนด แล้วแต่กรณี

   มาตรา 13 ให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ ข้าราชการ ลูกจ้าง และเงินงบประมาณของ
สำนักงานเลขาธิการรัฐสภาตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติจัดระเบียบปฏิบัติราชการฝ่ายรัฐสภา
พ.ศ.2518 มาเป็นของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาและสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรตาม
พระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ ตามที่ ก.ร. กำหนดแล้วแต่กรณี

   มาตรา 14 ให้เลขาธิการรัฐสภาและรองเลขาธิการรัฐสภาร่วมกันดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรา
12 และมาตรา 13 ดังต่อไปนี้
      (1) แบ่งส่วนราชการภายในและกำหนดสถานที่ทำงานของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา และ
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
      (2) จัดอัตรากำลังของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา และสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
      (3) จัดแบ่งบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ ข้าราชการ ลูกจ้าง และเงินงบประมาณของ
สำนักงานเลขาธิการรัฐสภา ให้แก่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา และสำนักงานเลขาธิการ
สภาผู้แทนราษฎร
   ให้เสนอผลการดำเนินการตามวรรคหนึ่งต่อ ก.ร. ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่
พระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

   มาตรา 15 การจัดแบ่งข้าราชการและลูกจ้างตามมาตรา 14 (3) ให้ใช้วิธีสอบถามความสมัครใจ
ของข้าราชการและลูกจ้างก่อน ถ้าจำนวนผู้แสดงความจำนงเกินอัตรากำลังที่กำหนดไว้สำหรับ
สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา หรือสำนักงานเลขาธิการผู้แทนราษฎร ให้ผู้บังคับบัญชาตามมาตรา 14
ร่วมกันวินิจฉัยชี้ขาดว่าผู้ใดสมควรโอนไปรับราชการในสำนักงานใด
   ส่วนราชการจัดแบ่งเงินงบประมาณและการกำหนดสถานที่ทำงานให้คำนึงถึงจำนวนข้าราชการ
ลูกจ้าง และปริมาณงานของแต่ละสำนักงาน

   มาตรา 16 เมื่อ ก.ร. ให้ความเห็นชอบตามมาตรา 14 แล้ว ให้ประธานรัฐสภาประกาศแบ่ง
ส่วนราชการภายในของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา และสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรตามที่
ก.ร.เห็นชอบ โดยทำเป็นประกาศรัฐสภา และประกาศในราชกิจจานุเบกษา

   มาตรา 17 เมื่อประกาศรัฐสภาตามมาตรา 16 ใช้บังคับแล้ว ให้ประธานวุฒิสภาดำเนินการแต่งตั้ง
เลขาธิการวุฒิสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎรดำเนินการแต่งตั้งเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทั้งนี้
โดยความเห็นชอบของ ก.ร.

   มาตรา 18 ให้ประธานรัฐสภารักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
อานันท์ ปันยารชุน
นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ:-เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชบัญญัติระเบียบข้า
ราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. 2518 ได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานาน บทบัญญัติต่าง ๆ ไม่เหมาะสมกับ
สภาวการณ์ในปัจจุบัน สมควรปรับปรุงบทบัญญัติว่าด้วยคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายรัฐสภา  การกำหนด
วันหยุดราชการ การกำหนดตำแหน่ง การบรรจุแต่งตั้ง การรับเงินเดือน การรับเงินประจำตำแหน่ง
ของข้าราชการ รัฐสภาสามัญ การให้ข้าราชการรัฐสภาสามัญไปรับราชการทหาร  การให้ข้าราชการ
รัฐสภาสามัญไปปฏิบัติงานใด ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรี การออกจากราชการ และการสั่งให้ข้าราชการ
รัฐสภาสามัญออกจากราชการ วิจัย การกลับเข้ารับราชการใหม่ การร้องทุกข์ของข้าราชการรัฐสภา
สามัญ ตำแหน่ง การแต่งตั้ง การพ้นจากตำแหน่งและเงินเดือนของข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง ให้
เหมาะสมยิ่งขึ้นจึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
(ร.จ. เล่ม 109 ตอนที่ 32 หน้า 1 วันที่ 1 เมษายน 2535)