พระราชบัญญัติ
                    โอนที่ดินซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
              ในท้องที่ตำบลหัวหิน อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
                   ให้แก่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
                              พ.ศ. 2535
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
                   ให้ไว้ ณ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535
                        เป็นปีที่ 47 ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้
ประกาศว่า
    โดยที่เป็นการสมควรโอนที่ดินซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ในท้องที่ตำบลหัวหิน
อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้แก่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
    จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของ
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่รัฐสภา ดังต่อไปนี้

    มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติโอนที่ดินซึ่งเป็นสาธารสมบัติของ
แผ่นดิน ในท้องที่ตำบลหัวหิน อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้แก่สำนักงานทรัพย์สิน
ส่วนพระมหากษัตริย์ พ.ศ. 2535"

    มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็น
ต้นไป

    มาตรา 3 ให้โอนที่ดินซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ในท้องที่ตำบลหัวหิน อำเภอ
หัวหินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ 1 งาน 46 7/10 ตาราง ภายในแนวเขต
ตามแผนที่ท้ายพระราชบัญญัตินี้ ให้แก่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์

    มาตรา 4 ให้นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
อานันท์ ปันยารชุน
นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุเหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้คือ เนื่องจากที่ดินสาธารณประโยชน์
ที่เป็นส่วนหนึ่งของทางสาธารณะ(ถนนแนบเคหาสน์)ในท้องที่ตำบลหัวหิน อำเภอหัวหิน จังหวัด
ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งตั้งอยู่ติดกับเขตพระราชวังไกลกังวล ปัจจุบันปรากฏว่าพลเมืองได้เลิกใช้
ประโยชน์ในที่ดินนั้นแล้วและสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้ปลูกสร้างอาคาร
ราชองครักษ์และครอบครองใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวตลอดมานับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515
สมควรโอนที่ดินดังกล่าว เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ 1 งาน 46 7/10 ตาราง ให้แก่สำนักงาน
ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เพื่อใช้เป็นที่ตั้งอาคารราชองครักษ์เพื่อถวายความปลอดภัยแด่
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
( ร.จ. เล่ม 109 ตอนที่ 28 หน้า 1 วันที่ 26 มีนาคม 2535)