พระราชบัญญัติ เครื่องหมายครุฑพ่าห์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 |
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535 เป็นปีที่ 47 ในรัชกาลปัจจุบัน |
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยเครื่องหมายครุฑพ่าห์ จึงทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่รัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติเครื่องหมายครุฑพ่าห์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535"
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้ยกเลิกความในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายครุฑพ่าห์ พ.ศ. 2534 และ ให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตินี้ "เครื่องหมายครุฑพ่าห์" หมายความว่า เครื่องหมายรูปครุฑ พระครุฑพ่าห์ หรือพระครุฑพ่าห์ ไม่ว่า ในอิริยาบถใด และไม่ว่ามีข้อความ ภาพหรือเครื่องหมายอื่นประกอบด้วยหรือไม่ "ห้างร้านบริษัท" หมายความว่า กิจการที่ตั้งขึ้นเพื่อประกอบธุรกิจ โดยใช้ชื่อทางธุรกิจว่า "ห้าง" "ร้าน" "บริษัท" หรือชื่ออื่นในทำนองเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นนิติบุคคลหรือไม่ก็ตาม "ตราตั้ง" หมายความว่า หนังสือรับรองการพระราชทานพระบรมราชานุญาตที่ออกให้แก่บุคคลหรือ ห้างร้านบริษัท เพื่อแสดงว่าบุคคลหรือห้างร้านบริษัทตามที่ระบุชื่อเป็นผู้ได้รับพระราชทาน พระบรมราชานุญาตให้ใช้เครื่องหมายครุฑพ่าห์ในกิจการที่ระบุได้ "เครื่องหมายตราตั้ง" หมายความว่า เครื่องหมายครุฑพ่าห์ที่มีข้อความประกอบเบื้องล่างว่า "โดย ได้รับพระบรมราชานุญาต" หรือข้อความเป็นอักษรต่างประเทศตามที่สำนักพระราชวังกำหนด ที่บุคคล หรือห้างร้านบริษัทมีสิทธิที่จะใช้ เมื่อได้รับตราตั้งแล้ว"
มาตรา 4 ให้ยกเลิกความในมาตรา 9 มาตรา 10 และมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติ เครื่องหมายครุฑพ่าห์ พ.ศ. 2534 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "มาตรา 9 บุคคลหรือห้างร้านบริษัท ที่ขอพระราชทานตราตั้ง ต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้ (1) มีฐานะการเงินดี และไม่มีหนี้สินล้นพ้นตัว (2) ประกอบกิจการโดยสุจริตและไม่ขัดต่อกฎหมาย ความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของ ประชาชน (3) คุณสมบัติอื่นใดที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามมาตรา 8 มาตรา 10 คำขอพระราชทานตราตั้งให้ยื่นต่อสำนักพระราชวัง เมื่อสำนักพระราชวังได้ตรวจสอบ และพิจารณาเห็นว่าบุคคลหรือห้างร้านบริษัทใดที่ขอพระราชทานตราตั้งมีคุณสมบัติตามมาตรา 9 และ สมควรได้รับพระราชทานตราตั้ง ให้นำความขึ้นกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต เมื่อ ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตแล้ว ให้นายกรัฐมนตรีในฐานะบังคับบัญชาสำนักพระราชวังออก ตราตั้งและประกาศในราชกิจจานุเบกษา มาตรา 11 ตราตั้งเป็นของพระราชทานเฉพาะบุคคล สิทธิรับพระราชทานตราตั้งและให้ เครื่องหมายตราตั้งย่อมสิ้นสุดลง เมื่อปรากฏว่า (1) สำนักพระราชวังเรียกคืน เพราะบุคคลหรือห้างร้านบริษัทที่ได้รับพระราชทานตราตั้ง (ก) ตาย (ข) เลิกประกอบกิจการประเภทที่ได้รับพระบรมราชานุญาตให้ใช้ตราตั้งนั้น (ค) โอนกิจการดังกล่าวให้ผู้อื่นดำเนินการ หรือ (2) สำนักพระราชวังเห็นสมควรเพิกถอน ตามมาตรา 11 ทวิ วรรคสอง"
มาตรา 5 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 11 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายครุฑพ่าห์พ.ศ. 2534 "มาตรา 11 ทวิ เมื่อปรากฏกรณีตามมาตรา 11 (1) ให้สำนักพระราชวังเรียกให้บุคคลหรือห้าง ร้านบริษัทที่ได้รับพระราชทาน ทายาท หรือผู้รับโอนกิจการ แล้วแต่กรณี ส่งคืนตราตั้งที่นายกรัฐมนตรี ออกให้ตามมาตรา 10 ภายในเวลาที่กำหนด เมื่อสำนักพระราชวังได้ดำเนินการตามวรรคหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่ได้รับตราตั้งคืนภายในเวลาที่กำหนด หรือเมื่อได้ตรวจสอบและพิจารณาเห็นว่า บุคคลหรือห้างร้านบริษัทที่ได้รับพระราชทานตราตั้ง ขาด คุณสมบัติตามมาตรา 9 หรือคุณสมบัติอันเป็นเหตุให้การได้รับพระราชทานตราตั้งเปลี่ยนแปลงไปใน สาระสำคัญ หรือมีเหตุอื่นอันสมควรเพิกถอนตราตั้ง ให้นำความขึ้นกราบบังคมทูลขอพระราชทาน พระบรมราชานุญาต เมื่อได้รับพระบรมราชานุญาตแล้ว ให้นายกรัฐมนตรีสั่งเพิกถอนตราตั้งที่ได้ออก ให้ตามมาตรา 10 เมื่อสำนักพระราชวังได้รับตราตั้งคืนตามวรรคหนึ่ง หรือเมื่อนายกรัฐมนตรี สั่งเพิกถอนตราตั้ง ตามวรรคสองแล้ว ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา"
มาตรา 6 ให้ยกเลิกความในมาตรา 12 และมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายครุฑพ่าห์ พ.ศ. 2534 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "มาตรา 12 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามมาตรา 7 หรือพระราชกฤษฎีกา ว่าด้วยการทำหรือใช้เครื่องหมายตราตั้งที่ออกตามมาตรา 8 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือ ปรับไม่เกินสามพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ มาตรา 13 ผู้ใดไม่มีสิทธิที่จะทำหรือใช้เครื่องหมายครุฑพ่าห์ ตราตั้ง หรือเครื่องหมายตราตั้งหรือ สิทธิแต่สิทธิเช่นว่านั้นสิ้นสุดลงแล้วตรมมาตรา 11 กระทำการเช่นนั้นเพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนมีสิทธิหรือ ยังคงมีสิทธิต่อไป หรือไม่ยอมส่งคืนตราตั้งเมื่อถูกเรียกให้ส่งคืนตามมาตรา 11 ทวิ วรรคหนึ่ง ต้อง ระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ" ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ อานันท์ ปันยารชุน นายกรัฐมนตรี |
หมายเหตุ- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรให้ผู้ประกอบ กิจการที่มิได้จัดตั้งเป็นนิติบุคคล สามารถขอพระราชทานตราตั้งและได้รับพระบรมราชานุญาตให้ใช้ เครื่องหมายตราตั้งในกิจการของตนได้ และสมควรให้ตราตั้งเป็นของพระราชทานเฉพาะบุคคล เพื่อให้ สอดคล้องกับระเบียบปฏิบัติที่เคยมีมาแต่เดิม จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ (ร.จ. เล่ม 109 ตอนที่ 10 หน้า 5 วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2535) |