พระราชบัญญัติ
                        การพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน
                               พ.ศ. 2535
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
                     ให้ไว้ ณ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2535
                         เป็นปีที่  47  ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้
ประกาศว่า
   โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการพลังงานแห่งชาติ
   จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและ
ยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่รัฐสภา ดังต่อไปนี้

   มาตรา 1  พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติการพัฒนาและส่ง
เสริมพลังงาน พ.ศ. 2535"

   มาตรา 2  พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

   มาตรา 3  ให้ยกเลิก
      (1) พระราชบัญญัติการพลังงานแห่งชาติ พ.ศ. 2496
      (2) พระราชบัญญัติการพลังงานแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2507
      (3) พระราชบัญญัติการพลังงานแห่งชาติ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2522
      (4) พระราชบัญญัติการพลังงานแห่งชาติ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2530
   บรรดากฎหมาย กฎ และข้อบังคับอื่นในส่วนที่มีบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้
หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้แทน

   มาตรา 4  บทบัญญัติแห่งกฎหมาย กฎข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศ คำสั่ง
หรือมติ คณะรัฐมนตรีใดอ้างถึงสำนักงานพลังงานแห่งชาติ และเลขาธิการการพลังงานแห่งชาติ
ให้ถือว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมาย กฎ ข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศ คำสั่ง หรือมติคณะรัฐมนตรีนั้น
อ้างถึงกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน และอธิบดีกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน ตามลำดับ

   มาตรา 5 ในพระราชบัญญัตินี้
   "พลังงาน" หมายความว่า ความสามารถในการทำงานซึ่งมีอยู่ในตัว
ของสิ่งที่อาจให้งานได้ ได้แก่ พลังงานหมุนเวียน และพลังงานสิ้นเปลือง และให้หมายความรวมถึง
สิ่งที่อาจให้งานได้ เช่น เชื้อเพลิง ความร้อน และไฟฟ้า เป็นต้น
   "พลังงานหมุนเวียน" หมายความรวมถึง พลังงานที่ได้จากไม้ ฟืน
แกลบ กากอ้อย ชีวมวล น้ำ แสงอาทิตย์ ความร้อนใต้พิภพ ลม และคลื่น เป็นต้น
   "พลังงานสิ้นเปลือง" หมายความรวมถึง พลังงานที่ได้จากถ่านหิน
หินน้ำมัน ทรายน้ำมัน น้ำมันดิบ น้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซธรรมชาติ และนิวเคลียร์ เป็นต้น
   "เชื้อเพลิง" หมายความรวมถึง  ถ่านหิน หินน้ำมัน ทรายน้ำมัน น้ำมัน
เชื้อเพลิง ก๊าซธรรมชาติ ก๊าซเชื้อเพลิง เชื้อเพลิงสังเคราะห์ ไม้ ฟืน แกลบ กากอ้อย ขยะ และ
สิ่งอื่น ตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติกำหนดโดยปรกกาศในราชกิจจานุเบกษา
   "พลังงานควบคุม" หมายความว่า พลังงานซึ่งได้กำหนดให้มีการ
ควบคุมตามบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ เว้นแต่ปิโตรเลียมตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียม
   "พนักงานเจ้าหน้าที่" หมายความว่า เจ้าหน้าที่ของกรมพัฒนาและส่ง
เสริมพลังงาน และหมายความรวมถึงเจ้าหน้าที่ของกระทรวง ทบวง กรม ราชการ ส่วนท้องถิ่น
และรัฐวิสาหกิจ ซึ่งพระราชบัญญัตินี้กำหนดให้ถือว่าเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ด้วย
   "อธิบดี" หมายความว่า อธิบดีกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน
   "รัฐมนตรี" หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

   มาตรา 6  ให้กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
      (1) สำรวจ รวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ ทดลองและตรวจสอบเกี่ยวกับพลังงานในด้าน
แหล่งพลังงาน การผลิต การแปรรูป การส่ง และการใช้
      (2) ศึกษา วางแผน และวางโครงการเกี่ยวกับพลังงานและกิจการที่เกี่ยวข้อง
      (3) ค้นคว้าและพัฒนา สาธิต และก่อให้เกิดโครงการริเริ่มเกี่ยวกับการผลิต การ
แปรรูป การส่ง การใช้ และการอนุรักษ์แหล่งพลังงาน
      (4) ออกแบบ สร้าง และบำรุงรักษาแหล่งผลิต แหล่งแปรรูป
ระบบส่งและระบบใช้พลังงาน เช่น การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนและพลังงานชนิดใหม่
การผลิตเชื้อเพลิงจากชีวมวล และการสูบน้ำด้วยไฟฟ้า
      (5)กำหนดระเบียบและมาตรฐานเกี่ยวกับการผลิต การแปรรูป  การส่ง การใช้
และการอนุรักษ์แหล่งพลังงาน ตลอดจนควบคุมและกำกับดูแลให้เป็นไปตามระเบียบและ
มาตรฐานนั้น
      (6)กำหนดอัตราค่าตอบแทนสำหรับ การใช้พลังงานที่ดำเนินการโดยกรมพัฒนาและ
ส่งเสริมพลังงาน
      (7) จัดให้มี ควบคุม สร้าง ซื้อ ขาย เช่า ให้เช่า โอน หรือรับโอนแหล่งผลิต
แหล่งแปรรูป ระบบส่งและระบบจำหน่ายพลังงาน และออกใบอนุญาตผลิตหรือขยายการผลิต
พลังงาน
      (8) ถ่ายทอดเทคโนโลยี ส่งเสริม ฝึกอบรม เผยแพร่เกี่ยวกับการผลิต การแปรรูป
การส่ง การใช้และการอนุรักษ์แหล่งพลังงาน ตลอดจนเป็นศูนย์กลางการประสานความร่วมมือ
ในกิจการที่เกี่ยวข้อง

   มาตรา 7 ให้อธิบดีมีหน้าที่ควบคุมและดูแลโดยทั่วไปซึ่งราชการของกรมพัฒนาและส่งเสริม
พลังงาน และเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและลูกจ้างในกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน

   มาตรา 8 ในการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานอาจมอบให้
กระทรวง ทบวง กรม ราชการส่วนท้องถิ่น หรือรัฐวิสาหกิจ ปฏิบัติการเฉพาะอย่างแทนได้

   มาตรา 9 ในกรณีที่กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานมอบให้กระทรวง ทบวง  กรม ราชการ
ส่วนท้องถิ่น หรือรัฐวิสาหกิจ ปฏิบัติการเฉพาะอย่างแทน ให้ผู้รับมอบดังกล่าวปฏิบัติการให้เป็นไป
ตามที่ได้รับมอบนึน และเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ให้เจ้าหน้าที่ของ
กระทรวง ทบวง กรม ราชการส่วนท้องถิ่น หรือรัฐวิสาหกิจ ผู้ปฏิบัติการตามที่ได้รับมอบนั้น
เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ และมีอำนาจหน้าที่อย่างเดียวกับพนักงานเจ้าหน้าที่ของกรมพัฒนาและ
ส่งเสริมพลังงานตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้
   ในการมอบอำนาจหน้าที่ให้กระทรวง ทบวง กรม ราชการส่วนท้องถิ่น หรือรัฐวิสาหกิจ
ดำเนินการ กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานจะโอนเงินไปตั้งจ่ายทางกระทรวง  ทบวงกรม
ราชการส่วนท้องถิ่น หรือรัฐวิสาหกิจเช่นว่านั้น เพื่อใช้จ่ายตามรายการที่อนุมัติในงบประมาณ
ของกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานก็ได้

   มาตรา 10 ในการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ตามมาตรา 6 กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานอาจ
ขอให้กระทรวง ทบวง กรม ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ หรือบุคคลใด ๆ เสนอ
รายละเอียดทางวิชาการ การเงิน สถิติ และเรื่องต่าง ๆ ที่จำเป็นได้

   มาตรา 11  ในการปฏิบัติราชการของกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน ให้
พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าไปในสถานที่ใด ๆ ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก
หรือเวลาทำการของสถานที่นั้น ๆ เพื่อสิบถามข้อเท็จจริง หรือเพื่อตรวจสอบเอกสาร หรือสิ่งของ
ใด ๆ ที่เกี่ยวกับกิจการพลังงานจากบุคคลที่อยู่ในสถานที่เช่นว่านั้นได้ตามความจำเป็น ในการนี้ผู้
ครอบครองสถานที่ดังกล่าวต้องอำนวยความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ตามสมควร
   กรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่เข้าไปในสถานที่ตามวรรคหนึ่ง ถ้าไม่เป็นการเร่งด่วนให้แจ้งเป็น
หนังสือให้ผู้ครอบครองสถานที่ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามวัน

   มาตรา 12 ในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวแก่บุคคลที่
เกี่ยวข้อง
   บัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรี กำหนดในกฎกระทรวง

   มาตรา 13 ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ เป็นเจ้าพนักงานตาม
ประมวลกฎหมายอาญา

   มาตรา 14 พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจที่จะใช้สอยหรือเข้าครอบครองอสังหาริมทรัพย์ใน
ความครองครองของบุคคลใด ๆ ซึ่งมิใช่เคหสถานเป็นการชั่วคราวภายใต้เงื่อนไขดังต่อไปนี้
      (1) การใช้สอยหรือเข้าครอบครองนั้นเป็นการจำเป็นสำหรับการสำรวจแหล่งผลิต
ระบบส่ง ระบบจำหน่ายพลังงาน และการป้องกันอันตรายหรือความเสียหายอันอาจเกิดแก่
การผลิต การส่ง หรือการจำหน่าย และ
      (2) ได้แจ้งให้เจ้าจองหรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน
   ถ้ามีความเสียหายเกิดขึ้นแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์หรือผู้ทรงสิทธิอื่น
เนื่องจากการกระทำของพนักงานเจ้าหน้าที่ดังกล่าวในวรรคหนึ่ง บุคคลเช่นว่านั้นย่อมเรียก
ค่าทดแทนจากกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานได้ และถ้าไม่สามารถตกลงกันในจำนวนค่าทดแทน
ให้นำมาตรา 22 และมาตรา 23 มาใช้บังคับโดยอนุโลม

   มาตรา 15 เมื่อมีความจำเป็นที่จะต้องได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ เพื่อใช้ในการผลิต การ
ส่ง หรือการจำหน่ายพลังงาน ถ้ามิได้ตกลงในเรื่องการโอนไว้เป็นอย่างอื่น ให้ดำเนินการ
เวนคืนตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์

   มาตรา 16 เมื่อมีความจำเป็นเพื่อประโยชน์แก่ชุมนุมชน ให้กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานมี
อำนาจตั้งสถานีพลังงาน เดินสายหรือท่อพลังงานไปได้ เหนือ ตามหรือข้ามพื้นดินของบุคคลใด ๆ
หรือปัก ตั้งเสาหรืออุปกรณ์ ลงในหรือบนพื้นดินของบุคคลใด ๆ ซึ่งไม่ใช่เป็นที่ตั้งโรงเรือน
   ในกรณีที่ต้องใช้ที่ดินตอนหนึ่งตอนใด เพื่อกระทำการดังกล่าวในวรรคหนึ่ง ให้กรมพัฒนาและ
ส่งเสริมพลังงานจ่ายค่าทดแทนในการใช้ที่ดินนั้นแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครอง โดยจำนวนเงิน
อันเป็นธรรม เว้นแต่เจ้าของหรือผู้ครอบครองเป็นผู้ได้รับประโยชน์คุ้มค่าในการกระทำนั้นอยู่ด้วย

   มาตรา 17 เพื่อประโยชน์แก่ชุมนุมชน ให้กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานมีอำนาจเดินสาย
หรือท่อพลังงานติดไปกับสิ่งก่อสร้างของบุคคลใด ๆ ที่อยู่เหนือหรือติดกับทางสัญจรของประชาชน

   มาตรา 18 ก่อนที่กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานจะดำเนินการตามมาตรา 16 หรือ
มาตรา 17 ให้กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานแจ้งเป็นหนังสือให้เจ้าของหรือผู้ครอบครอง
ทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องทราบ เจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์สินนั้นอาจยื่นคำร้องแสดงเหตุที่ไม่
สมควรทำเช่นนั้นไปยังรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาวินิจฉัยได้ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือ
แจ้ง ในกรณีเช่นว่านี้ ให้กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานรอการดำเนินการไว้ก่อน จนกว่าจะ
แจ้งคำวินิจฉัยของรัฐมนตรีให้ผู้ยื่นคำร้องทราบแล้ว
   คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด

   มาตรา 19 เพื่อประโยชน์แห่งความปลอดภัยในการส่งพลังงาน ให้กรมพัฒนาและส่งเสริม
พลังงานมีอำนาจตัดต้น กิ่ง หรือรากของต้นไม้ ซึ่งอยู่ใกล้สายหรือท่อพลังงานหรืออุปกรณ์ได้ แต่
ต้องแจ้งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองต้นไม้ได้ทราบล่วงหน้าภายในเวลาอันสมควร
   ในกรณีที่ต้นไม้นั้นมีอยู่ก่อนเวลาตั้งสถานีพลังงาน หรือเดินสายหรือท่อพลังงานหรือปักตั้งเสา
หรืออุปกรณ์ ให้กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานใช้ค่าทดแทนให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียในต้นไม้เท่าที่ต้อง
เสียหายไปเพราะการกระทำนั้น

   มาตรา 20 ถ้าเจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องประสงค์จะก่อสร้างหรือกระทำ
กิจการใด ๆ ลงในที่ดินซึ่งมีสายหรือท่อพลังงานหรืออุปกรณ์กีดขวางอยู่ เจ้าของหรือผู้ครอบครอง
ทรัพย์สินนั้นชอบที่จะร้องขอต่อกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานให้ย้าย ถอน เปลี่ยนแปลง หรือ
แก้ไขสิ่งที่กีดขวางนั้นได้ เมื่อเป็นการสมควรก็ให้กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานจัดการตาม
คำร้องขอนั้น โดยให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์สินออกค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น

   มาตรา 21 ในกรณีจำเป็นเร่งด่วนพนักงานเจ้าหน้าที่อาจเข้าไปในสถานที่ของบุคคลใด ๆ
เพื่อตรวจ ซ่อมแซม หรือแก้ไขสายหรือท่อพลังงานหรืออุปกรณ์ ในเวลาหนึ่งเวลาใดก็ได้ เมื่อได้
แจ้งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองทราบแล้ว

   มาตรา 22 ในกรณีที่เจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์สินหรือผู้ทรงสิทธิอื่นไม่ยินยอมตกลงใน
จำนวนเงินค่าทดแทนที่กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานจ่ายให้ตามมาตรา 16 หรือมาตรา 19
หรือหาเจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์สินหรือผู้ทรงสิทธิอื่นนั้นไม่พบ ให้กรมพัฒนาและส่งเสริม
พลังงานนำเงินจำนวนดังกล่าวไปวางไว้ต่อศาลหรือสำนักงานวางทรัพย์ หรือฝากไว้กับ
ธนาคารออมสินในชื่อของเจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์สินหรือผู้ทรงสิทธิอื่น โดยแยกฝากไว้เป็น
บัญชีเฉพาะราย และถ้ามี ดอกเบี้ยหรือดอกผลใดเกิดขึ้น เนื่องจากการฝากเงินนั้น ให้ตกเป็นสิทธิ
แก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์สินหรือผู้ทรงสิทธิอื่นนั้นด้วย
   เมื่อกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานนำเงินค่าทดแทนไปวางไว้ต่อศาลหรือสำนักงานวางทรัพย์
หรือฝากไว้กับธนาคารออมสินตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานมีหนังสือแจ้ง
ให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์สินหรือผู้ทรงสิทธิอื่นทราบ โดยส่งทางไปรษณีย์ตอบรับ  ในกรณี
หาเจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์สินหรือผู้ทรงสิทธิอื่นไม่พบ ให้ประกาศในหนังสือพิมพ์รายวันที่มี
จำหน่ายในท้องถิ่นอย่างน้อยสองวันติดต่อกัน เพื่อให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์สินหรือผู้ทรงสิทธิ
อื่นทราบ
   หลักเกณฑ์แลวิธีการในการนำเงินค่าทดแทนไปวางต่อศาล หรือสำนักงานวางทรัพย์ หรือฝาก
ไว้กับธนาคารออมสิน และวิธีการในการรับเงินค่าทดแทนดังกล่าวให้เป็นไปตามระเบียบที่
รัฐมนตรี กำหนด

   มาตรา 23 ในกรณีที่เจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์สินหรือผู้ทรงสิทธิอื่นไม่พอใจใน
จำนวนเงินค่าทดแทนที่กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานจ่ายให้ ไม่ว่าบุคคลนั้นจะรับหรือไม่รับเงิน
ค่าทดแทนที่กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานวางไว้หรือฝากไว้ บุคคลนั้นมีสิทธิฟ้องศาลภายในหนึ่งปี
นับแต่วันที่กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานได้ดำเนินการตามมาตรา 22 วรรคสอง แล้ว
   การฟ้องคดีต่อศาลตามวรรคหนึ่งไม่เป็นเหตุให้การครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ หรือ
การดำเนินการใด ๆ ของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 16 หรือมาตรา 19  ต้องสะดุดหยุดลง
   ในกรณีที่ศาลวินิจฉัยให้ชำระเงินค่าทดแทนเพิ่มขึ้นให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์สินได้รับ
ดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดของดอกเบี้ยเงินฝากประเภทประจำของธนาคารออมสินในจำนวนเงินที่
เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ นับแต่วันที่ต้องมีการจ่าย วาง หรือฝากเงินค่าทดแทนนั้น
   ในกรณีที่เจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์สินหรือผู้ทรงสิทธิอื่นยินยอมตกลงและได้รับเงิน
ค่าทดแทนไปแล้วหรือมิได้ฟ้องคดีเรียกเงินค่าทดแทนต่อศาลภายในระยะเวลาตามวรรคหนึ่ง หรือ
ได้แจ้งเป็นหนังสือสละสิทธิไม่รับเงินค่าทดแทนดังกล่าว ผู้ใดจะเรียกร้องเงินค่าทดแทนนั้นอีก
ไม่ได้

   มาตรา 24 การกำหนดพลังงานประเภทใด ขนาดและวิธีการผลิต หรือการใช้อย่างใดให้
เป็นพลังงานควบคุม ให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา

   มาตรา 25 ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต หรือขยายการผลิตพลังงานควบคุม เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาต
จากกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน
   การขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดใน
กฎกระทรวง
   การผลิตพลังงานควบคุมใด ซึ่งจะต้องได้รับอนุญาตหรือรับสัมปทานตามกฎหมายอื่น จะ
ต้องได้รับอนุญาตหรือรับสัมปทานตามกฎหมายนั้นด้วย

   มาตรา 26 การกำหนดหลักเกณฑ์ในกฎกระทรวงตามมาตรา 25 ให้คำนึงถึงกรณีดังต่อไปนี้
ด้วย
      (1) ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศ
      (2) อันตรายที่จะเกิดขึ้นจากการผลิตหรือการขยายการผลิตพลังงาน
      (3) การใช้วัตถุดิบหรือวัตถุธรรมชาติตามหลักวิชา

   มาตรา 27 ให้กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานพิจารณาการขอรับใบอนุญาตตามมาตรา 25
ให้เสร็จภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานได้รับคำขอที่มี
รายละเอียดถูกต้องและครบถ้วนตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
   ในการอนุญาตดังกล่าว กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานอาจกำหนดเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ได้
      (1) อัตราค่าตอบแทนอย่างสูงที่จะพึงเรียกจากผู้ใช้พลังงานควบคุมให้สอดคล้องกับ
หลักเกณฑ์และเงื่อนไขของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ
      (2) การกำหนดเขตการจ่ายพลังงาน และขนาดของเครื่องจักรที่จะติดตั้งเพื่อทำการผลิต
      (3) การดำเนินการให้ถูกต้องตามหลักวิชา เช่น การวางสาย การป้องกันอัคคีภัย
การป้องกันความเสียหายของเครื่องจักร การป้องกันอันตราย หรือการกำหนดประเภทหรือ
วิธีการใช้วัตถุดิบหรือวัตถุธรรมชาติที่ใช้ในการผลิตพลังงานควบคุม

   มาตรา 28   ในกรณีที่อาจเกิดการขาดแคลนพลังงานควบคุมเป็นครั้งคราว
หรือกรณีจำเป็นอย่างอื่นเพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจของประเทศ อธิบดีมีอำนาจออกคำสั่งเป็น
หนังสือให้ผู้ผลิตพลังงานควบคุมปฏิบัติดังต่อไปนี้
      (1) ลดหรือเพิ่มการผลิต การจำหน่าย หรือการใช้พลังงานควบคุม
      (2) เปลี่ยนประเภทของวัตถุดิบหรือวัตถุธรรมชาติที่ใช้ในการผลิตพลังงานควบคุม
      (3)เปลี่ยนแปลงอัตราค่าตอบแทนอย่างสูงที่จะพึงเรียกจากผู้ใช้พลังงานควบคุม

   มาตรา 29 เพื่อประโยชน์แก่การระงับหรือป้องกันอันตรายที่อาจมีแก่บุคคล  หรือทรัพย์สิน
หรืออนามัยของประชาชน หรือความมั่นคงของประเทศอธิบดีมีอำนาจออกคำสั่งเป็นหนังสือให้
ผู้ผลิตพลังงานควบคุมปฏิบัติดังต่อไปนี้
      (1) เปลี่ยนแปลง ซ่อมแซม หรือบูรณะอาคาร เครื่องจักร เครื่องอุปกรณ์ เครื่องมือ
หรือเครื่องใช้
      (2) จัดหา หรือสร้างสิ่งใด ๆ ซึ่งจะขจัดหรือป้องกันอันตราย
      (3) งดการผลิต การส่ง การใช้ หรือการจำหน่ายพลังงานควบคุมเป็นการชั่วคราว
จนกว่าจะได้ปฏิบัติตามคำสั่งตรา (1) หรือ (2)

   มาตรา 30 ในการใช้อำนาจตามมาตรา 28 หรือมาตรา 29 ให้กรมพัฒนาและส่งเสริม
พลังงานคำนึงถึงค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้น หรือความสามารถในการจัดหาทุนของผู้ผลิตพลังงาน
ควบคุมด้วย
   กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานจะช่วยหาทุนเพื่อให้ผู้ผลิตพลังงานควบคุมสามารถปฏิบัติตาม
คำสั่งก็ได้

   มาตรา 31 ผู้ที่ไม่ได้รับใบอนุญาตตามมาตรา 25 หรือได้รับใบอนุญาตโดยมีเงื่อนไขตาม
มาตรา 27 หรือผู้ที่ได้รับคำสั่งตามมาตรา 28 หรือมาตรา 29 หากไม่เห็นชอบด้วยกับการไม่
อนุญาตเงื่อนไขหรือคำสั่งดังกล่าวนั้น มีสิทธิอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ทราบ
ว่าไม่ได้รับใบอนุญาต หรือได้รับใบอนุญาตโดยมีเงื่อนไข หรือได้รับคำสั่งนั้น
   ให้รัฐมนตรี วินิจฉัยอุทธรณ์ให้เสร็จภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ได้รับอุทธรณ์ ถ้าผู้อุทธรณ์ไม่
เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยอุทธรณ์ ให้เสนอคดีต่อศาลภายในสี่สิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง
คำวินิจฉัยอุทธรณ์

   มาตรา 32 ห้ามมิให้บุคคลใดกระทำการใด ๆ อันเป็นการขัดขวางต่อการผลิตพลังงาน
ควบคุมหรือทำให้การผลิตพลังงานควบคุมลดน้อยลงโดยไม่มีเหตุอันควร

   มาตรา 33 ผู้ใดขัดขวางหรือไม่อำนวยความสะดวกตามสมควรแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ใน
การปฏิบัติการตามมาตรา11 มาตรา14 มาตรา16 มาตรา 17  มาตรา 19 หรือ
มาตรา 21 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

   มาตรา 34 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 25 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี  หรือปรับไม่เกินสอง
หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

   มาตรา 35 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของอธิบดีที่สั่งตามมาตรา 28 หรือมาตรา 29 ต้อง
ระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

   มาตรา 36 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 32 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี  หรือปรบไม่เกินหนึ่ง
หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

   มาตรา 37 ในการดำเนินคดีตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานอัยการมีอำนาจร้องขอต่อศาล
ให้สั่งให้ผู้กระทำผิดปฏิบัติการให้เป็นไปตามหน้าที่ที่มีอยู่ตามพระราชบัญญัตินี้

   มาตรา 38 การใดที่เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการพลังงานแห่งชาติ และได้มีการ
ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่นั้นไปแล้วตามพระราชบัญญัติการพลังงานแห่งชาติ พ.ศ. 2496 ก่อน
วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ แต่การดำเนินการนั้นไม่ถึงที่สุด หรือมีข้อผูกพันที่จะน้องดำเนินการ
ต่อไป ให้รัฐมนตรีมีอำนาจพิจารณาสั่งการแทนคณะกรรมการการพลังงานแห่งชาติ

   มาตรา 39 บรรดาพระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง หรือคำสั่งที่ออกตามพระราชบัญญัติ
การพลังงานแห่งชาติ พ.ศ. 2496 ที่ใช้บังคับอยู่ก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ  ให้
ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปเพียงเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัตินี้จนกว่าจะมีพระราชกฤษฎีกา
กฎกระทรวง ระเบียบ หรือคำสั่งตามพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ แต่ต้องไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันที่
พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

   มาตรา 40 บรรดาการอนุญาต หรือใบอนุญาตที่ออกให้ตามพระราชบัญญัติการพลังงาน
แห่งชาติ พ.ศ. 2496 อยู่ก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ยังมีผลใช้บังคับต่อไป
จนกว่าจะสิ้นอายุการอนุญาต หรือใบอนุญาตนั้น

   มาตรา 41 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการพลังงาน
รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงหรือกำหนดกิจการอื่นเพื่อ
ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
   กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา แล้ว ให้ใช้บังคับได้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
อานันท์  ปันยารชุน
นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ได้มีการจัดตั้งสำนักงาน
คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติขึ้นเป็นส่วนราชการระดับกรมในสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อ
ทำหน้าที่เกี่ยวกับการกำหนดนโยบายพลังงานของประเทศ ในการนี้สมควรปรับปรุงพระราชบัญญัติ
การพลังงานแห่งชาติ พ.ศ. 2496 เพื่อให้สอดคล้องกัน โดยเปลี่ยนให้สำนักงานพลังงาน
แห่งชาติเป็นกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานแห่งชาติ และกำหนดอำนาจหน้าที่ของกรมพัฒนาและ
ส่งเสริมพลังงานให้รับผิดชอบเฉพาะในด้านการค้นคว้า พัฒนา กำกับดูแลและปฏิบัติการเกี่ยวกับ
การผลิต  การส่งและการจำหน่ายพลังงาน จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
(ร.จ.  เล่ม 109 ตอนที่ 9 หน้า 9 วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2535)