พระราชบัญญัติ โอนกรรมสิทธิ์ที่วัดวัดปากน้ำตำบลแคออก อำเภอบางไทรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ.2534 |
มิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ.2534 เป็นปีที่ 46 ในรัชกาลปัจจุบัน |
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรโอนกรรมสิทธิ์ที่วัดวัดปากน้ำตำบลแคออกอำเภอบางไทรจังหวัด พระนครศรีอยุธยาให้แก่กรมชลประทาน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติโอนกรรมสิทธิ์ที่วัดวัดปากน้ำตำบล แคออกอำเภอบางไทรจังหวัดพระนครศรีอยุธยาให้แก่กรรมชลประทาน พ.ศ. 2534"
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้โอนกรรมสิทธิ์ที่วัดวัดปากน้ำตำบลแคออก อำเภอบางไทร จังหวัด พระนครศรีอยุธยาเนื้อที่7ไร่ 32 ตารางวา ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชบัญญัตินี้ ให้แก่กรมชลประทาน
มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลตำรวจเอกเภา สารสิน รองนายกรัฐมนตรี |
หมายเหตุ : เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากกรมชลประทาน ได้ก่อสร้างพนังสาย7สาย 8 และคลองระบายน้ำสายใหญ่บางบาล 3 เพื่อประโยชน์แก่การ ชลประทานตามโครงการบางบาลที่ตำบลแคออก อำเภอบางไทรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และ ได้ทำการสำรวจแล้วปรากฏว่าแนวเขตพนังสายนี้ตอน กม.ที่ 5.000 และแนวเขตคลองระบาย น้ำสาย นี้ตอน กม.ที่13.850 ถูกที่วัดวัดปากน้ำตำบลแคออกอำเภอบางไทรจังหวัด พระนครศรีอยุธยา เนื้อที่ 7 ไร่ 32 ตารางวา ตามโฉนดที่ดินเลขที่ 10671 คณะกรรมการจัดซื้อและกำหนดค่าทดแทนทรัพย์สินเพื่อการชลประทานจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้ กำหนดค่าผาติกรรมให้แล้วกรมชลประทานจึงได้ติดต่อกับกรมศาสนาเพื่อขอโอนกรรมสิทธิ์ที่วัด ดังกล่าวให้แก่กรมชลประทาน ซึ่งกรมการศาสนาได้นำเสนอมหาเถรสมาคมพิจารณาแล้วไม่ ขัดข้อง และกรมชลประทานได้ชำระค่าผาติกรรมเป็นค่าทดแทนแล้ว สมควรโอนกรรมสิทธิ์ที่วัด ดังกล่าวให้แก่กรมชลประทาน จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ (ร.จ. เล่ม 108 ตอนที่ 245 หน้า 4 วันที่ 31 ธันวาคม 2534) |