พระราชบัญญัติ โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่ตำบลบ้านโพธิ์ อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี ของวัดอินทร์เกษม ตำบลตลิ่งชัน อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ.2534 |
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ.2534 เป็นปีที่ 46 ในรัชกาลปัจจุบัน |
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่ตำบลบ้านโพธิ์ อำเภอ เมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี ของวัดอินทร์เกษม ตำบลตลิ่งชัน อำเภอ เมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี ให้แก่กรมชลประทาน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ในท้องที่ตำบล บ้านโพธิ์อำเภอเมืองสุพรรณบุรีจังหวัดสุพรรณบุรีของวัดอินทร์เกษม ตำบลตลิ่งชัน อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรีให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ.2534"
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้น ไป
มาตรา 3 ให้โอนที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่ตำบลบ้านโพธิ์อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัด สุพรรณบุรีของวัดอินทร์เกษม ตำบลตลิ่งชัน อำเภอเมืองสุพรรณบุรีจังหวัดสุพรรณบุรี เนื้อที่ 2 ไร่ 1 งาน 52 ตารางวา ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชบัญญัตินี้ ให้แก่ กรมชลประทาน
มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ อานันท์ ปันยารชุน นายกรัฐมนตรี |
หมายเหตุ:-เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากกรมชลประทาน ได้ก่อสร้างคลองระบายน้ำสาย 2 ซ้าย สามชุก 1 เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานตาม โครงการสามชุกที่ตำบลบ้านโพธิ์อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรีและได้ทำ การสำรวจแล้วปรากฏว่า แนวเขตคลองระบายน้ำสายนี้ ตอน กม.ที่ 3.300 ถูกที่ธรณีสงฆ์ที่ตั้ง อยู่ในท้องที่ตำบลบ้านโพธิ์ อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี ของวัดอินทร์เกษม ตำบลตลิ่งชัน อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี เนื้อที่ 2 ไร่ 1 งาน 52 ตารางวา ตามโฉนดที่ดินเลขที่ 7966 คณะกรรมการจัดซื้อและกำหนดค่าทดแทนทรัพย์สินเพื่อ การชลประทานจังหวัดสุพรรณบุรีได้กำหนดค่าผาติกรรมให้แล้วกรมชลประทานจึงได้ติดต่อกับ กรมการศาสนาเพื่อขอโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ดังกล่าวให้แก่กรมชลประทาน ซึ่งกรมการศาสนาได้ นำเสนอมหาเถรสมาคมพิจารณาแล้วไม่ขัดข้องและกรมชลประทานได้ชำระค่าผาติกรรมเป็น ค่าทดแทนแล้ว สมควรโอนกรรมสิทธิ์ที่วัดดังกล่าวให้แก่กรมชลประทาน จึงจำเป็นต้องตรา พระราชบัญญัตินี้ (ร.จ. เล่ม 108 ตอนที่ 239 หน้า 13 วันที่ 29 ธันวาคม 2534) |