พระราชบัญญัติ โอนกรรมสิทธิ์ที่วัด วัดหน้าพระเมรุราชิการาม ตำบลท่าวาสุรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. 2534 |
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2534 เป็นปีที่ 46 ในรัชกาลปัจจุบัน |
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรโอนกรรมสิทธิ์ที่วัด วัดหน้าพระเมรุราชิการาม ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยาให้แก่กรมชลประทาน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติโอนกรรมสิทธิ์ที่วัด วัดหน้าพระเมรุราชิการาม ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัด พระนครศรีอยุธยา ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. 2534 "
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้โอนกรรมสิทธิ์ที่วัด วัดหน้าพระเมรุราชิการาม ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอ พระนครศรีอยุธยา เนื้อที่ 3 งาน 9 ตารางวา ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชบัญญัตินี้ ให้แก่กรมชลประทาน
มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ อานันท์ ปันยารชุน นายกรัฐมนตรี |
หมายเหตุ : เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากกรมชลประทานได้ ก่อสร้างพนังเจ้าพระยา เพื่อประโยชน์แก่ชลประทานตามโครงการมหาราช ที่ตำบล ท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและได้ทำการสำรวจแล้ว ปรากฏว่า แนวเขตพนังสายนี้ตอน กม. ที่ 12.004 ถูกที่วัด วัดหน้าพระเมรุราชิการาม ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เนื้อที่ 3 งาน 9 ตารางวา ตามโฉนดที่ดินเลขที่ 9122 คณะกรรมการจัดซื้อและกำหนดค่าทดแทนทรัพย์สินเพื่อ การชลประทาน จังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้กำหนดค่าผาติกรรมให้แล้ว กรมชลประทานจึงได้ ติดต่อกับกรมการศาสนาเพื่อขอโอนกรรมสิทธิ์ที่วัดดังกล่าวให้แก่กรมชลประทาน ซึ่ง กรมการศาสนาได้นำเสนอมหาเถรสมาคมพิจารณาแล้วไม่ขัดข้องและกรมชลประทานได้ชำระ ค่าผาติกรรมเป็นค่าทดแทนแล้ว สมควรโอนกรรมสิทธิ์ที่วัดดังกล่าวให้แก่กรมชลประทาน จึง จำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ (ร.จ. เล่ม 108 ตอนที่ 239 หน้า 31 วันที่ 29 ธันวาคม 2534) |