พระราชบัญญัติ โอนที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่ตำบลประจันตคาม อำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี ของวัดบางแขยง ตำบลโนนห้อม อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. 2534 |
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2534 เป็นปีที่ 46 ในรัชกาลปัจจุบัน |
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่ตำบลประจันตคาม อำเภอ ประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี ของวัดบางแขยง ตำบลโนนห้อม อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี ให้แก่กรมชลประทาน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติโอนที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่ตำบลประจันตคาม อำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี ของวัดบางแขยง ตำบลโนนห้อม อำเภอ เมืองปราจีนบุรี ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. 2534"
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่ตำบลประจันตคาม อำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี ของวัดบางแขยง ตำบลโนนห้อม อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี เนื้อที่ 7 ไร่ 3 งาน 85 ตารางวา ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชบัญญัตินี้ ให้แก่ กรมชลประทาน
มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ อานันท์ ปันยารชุน นายกรัฐมนตรี |
หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากกรมชลประทานได้ ก่อสร้างพนังฝั่งขวา เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานตามโครงการท่าแห ที่ตำบลประจันตคาม อำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี และได้ทำการสำรวจแล้วปรากฏว่าแนวเขตพนังสาย นี้ตอนกม.ที่ 49.150 ถูกที่ธรณีสงฆ์ ที่ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลประจันตคาม อำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี ของวัดบางแขยง ตำบลโนนห้อม อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัด ปราจีนบุรี เนื้อที่ 7 ไร่ 3 งาน 85 ตารางวา ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 871 คณะกรรมการจัดซื้อและกำหนดค่าทดแทนทรัพย์สินเพื่อการชลประทาน จังหวัด ปราจีนบุรีได้กำหนดค่าผาติกรรมให้แล้ว กรมชลประทานจึงได้ติดต่อกับกรมการศาสนาเพื่อขอโอน ที่ธรณีสงฆ์ดังกล่าวให้แก่กรมชลประทาน ซึ่งกรมการศาสนาได้นำเสนอมหาเถรสมาคมพิจารณาแล้ว ไม่ขัดข้อง และกรมชลประทานได้ชำระค่าผาติกรรมเป็นค่าทดแทนแล้ว สมควรโอนที่ธรณีสงฆ์ ดังกล่าวให้แก่กรมชลประทาน จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ (ร.จ. เล่ม 108 ตอนที่ 226 หน้า 64 วันที่ 20 ธันวาคม 2534) |