พระราชบัญญัติ
                  ระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา (ฉบับที่ 2)
                              พ.ศ. 2534
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
                   ให้ไว้ ณ วันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2534
                        เป็นปีที่ 46 ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้
ประกาศว่า
   โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา
   จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของ
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ดังต่อไปนี้

   มาตรา1พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา
(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2534"

   มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2535 เป็นต้นไป

   มาตรา 3 ให้ยกเลิกความในมาตรา 87 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ
เมืองพัทยา พ.ศ. 2521 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
      "มาตรา 87 เมืองพัทยามีอำนาจออกข้อบัญญัติเพื่อเก็บภาษีอากรและค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น
ไม่เกินร้อยละสิบของภาษีอากรและค่าธรรมเนียมประเภทใดประเภทหนึ่งหรือทุกประเภทดังต่อไปนี้
      (1) ภาษีธุรกิจเฉพาะตามประมวลรัษฎากร ซึ่งสถานประกอบการอยู่ในเขตเมืองพัทยา
      (2) ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขายสุราตามกฎหมายว่าด้วยสุรา ซึ่งร้านขายสุราอยู่ในเขต
เมืองพัทยา
      (3) ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตในการเล่นการพนันตามกฎหมายว่าด้วยการพนันซึ่งสถานที่
เล่นการพนันอยู่ในเขตเมืองพัทยา
   ในการเสียภาษีอากรและค่าธรรมเนียมตามมาตรานี้เศษของหนึ่งบาทให้ตัดทิ้ง
   ภาษีอากรและค่าธรรมเนียมตามมาตรานี้ ให้ถือเป็นภาษีและค่าธรรมเนียมตามกฎหมายว่า
ด้วยการนั้น"

   มาตรา 4 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 87 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ
เมืองพัทยา พ.ศ. 2521
      "มาตรา 87 ทวิ เมืองพัทยามีอำนาจออกข้อบัญญัติเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยให้กำหนดเป็น
อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม เพิ่มขึ้นจากอัตราที่เรียกเก็บตามประมวลรัษฎากร ดังต่อไปนี้
      (1) ในกรณีที่ประมวลรัษฎากรเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละศูนย์ ให้เมืองพัทยา
เก็บในอัตราร้อยละศูนย์
      (2) ในกรณีที่ประมวลรัษฎากรเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราอื่น ให้เมืองพัทยาเก็บหนึ่ง
ในเก้าของอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่เรียกเก็บตามประมวลรัษฎากร
   ภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรานี้ ให้ถือเป็นภาษีมูลค่าเพิ่มตามประมวลรัษฎากร"

   มาตรา 5 ให้ยกเลิกความในมาตรา 88 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา
พ.ศ. 2521 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
      "มาตรา 88 เมืองพัทยาจะมอบให้กระทรวง ทบวงกรม ซึ่งมีหน้าที่จัดเก็บภาษีอากรหรือ
ค่าธรรมเนียมตามมาตรา 81 มาตรา 82 มาตรา 83 มาตรา 84 มาตรา 85 มาตรา 86
มาตรา 87 หรือมาตรา 87 ทวิ เรียกเก็บภาษีอากรหรือค่าธรรมเนียมเพื่อเมืองพัทยาก็ได้ ใน
กรณีเช่นนี้ เมื่อได้หักค่าใช้จ่ายตามที่กำหนดในกฎกระทรวงแล้ว ให้กระทรวง ทบวง กรม นั้น
ส่งมอบให้แก่เมืองพัทยา

   มาตรา 6 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 89 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ
เมืองพัทยา พ.ศ. 2521
      "มาตรา 89 ทวิ การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 87 ทวิ ให้เป็นไปตาม
ประมวลรัษฎากร และเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการจัดเก็บภาษีดังกล่าว การแต่งตั้งเจ้าหน้าที่
เมืองพัทยาให้เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลรัษฎากร ขอบเขตอำนาจหน้าที่ของพนักงานเจ้า
หน้าที่ดังกล่าว หลักเกณฑ์และวิธีการสำหรับการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม การยื่นแบบแสดงรายการ
และการชำระภาษี ตลอดจนการควบคุมกำกับโดยกระทรวง ทบวง กรม ให้เป็นไปตามที่กำหนดใน
พระราชกฤษฎีกา"

   มาตรา 7 ในระหว่างที่เมืองพัทยายังมิได้มอบให้กรมสรรพากรเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อเมือง
พัทยาตามมาตรา 88 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา พ.ศ. 2521 ซึ่งแก้ไข
เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ให้กรมสรรพากรเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อเมืองพัทยาเพิ่มขึ้นอีก
เท่ากับอัตราภาษีตามมาตรา 87 ทวิ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้
   การเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มของกรมสรรพากรตามมาตรานี้ ให้ถือว่าเมืองพัทยาได้มอบให้
กรมสรรพากรเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อเมืองพัทยาตามมาตรา 88

   มาตรา8 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
อานันท์ ปันยารชุน
นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากพระราชบัญญัติแก้ไข
เพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2534 ได้ยกเลิกภาษีการค้าและได้นำภาษีมูลค่าเพิ่ม
และภาษีธุรกิจเฉพาะมาใช้แทน สมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา
ในส่วนที่เกี่ยวกับรายได้เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้ภาษีดังกล่าว ประกอบกับมีบทบัญญัติบางประการ
ไม่สอดคล้องกับบทกฎหมายที่ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วสมควรปรับปรุงให้เหมาะสมด้วย จึงจำเป็นต้อง
ตราพระราชบัญญัตินี้
(ร.จ. เล่ม 108 ตอนที่ 201 หน้า 212 วันที่ 21 พฤศจิกายน 2534)