พระราชบัญญัติ
                        รายได้สุขาภิบาล (ฉบับที่ 4)
                              พ.ศ. 2534
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
                   ให้ไว้ ณ วันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2534
                        เป็นปีที่ 46 ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้
ประกาศว่า
   โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยรายได้สุขาภิบาล
   จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของ
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ดังต่อไปนี้

   มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติรายได้สุขาภิบาล (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2534"

   มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2535  เป็นต้นไป

   มาตรา 3 ให้ยกเลิกความในมาตรา 8 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติรายได้สุขาภิบาล พ.ศ. 2498
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 327 ลงวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2515 และ
ให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
      "มาตรา 8 ทวิ สุขาภิบาลมีอำนาจอาจข้อบังคับเก็บภาษีอากรและค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นไม่
เกินร้อยละสิบของภาษีอากร และค่าธรรมเนียมด้งต่อไปนี้ ได้ทุกประเภทหรือเพียงบางประเภท คือ
      (1) ภาษีธุรกิจเฉพาะตามประมวลรัษฎากร ซึ่งสถานประกอบการอยู่ในเขตสุขาภิบาล
      (2) ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขายสุราตามกฎหมายว่าด้วยสุรา ซึ่งร้านขายสุราอยู่ในเขต
สุขาภิบาล
      (3)ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตในการเล่นการพนันตามกฎหมายว่าด้วยการพนัน ซึ่งสถานที่
เล่นการพนันอยู่ในเขตสุขาภิบาล
   ในการเสียภาษีอากรและค่าธรรมเนียมตามมาตรานี้ เศษของหนึ่งบาทให้ตัดทิ้ง
   ภาษีอากรและค่าธรรมเนียมตามมาตรานี้ ให้ถือเป็นภาษีอากรและค่าธรรมเนียมตามกฎหมายว่า
ด้วยการนั้น"

   มาตรา 4 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 8 จัตวา  แห่งพระราชบัญญัติรายได้สุขาภิบาล
พ.ศ. 2498
      "มาตรา 8 จัตวา สุขาภิบาลมีอำนาจออกข้อบังคับเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยให้กำหนดเป็น
อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม เพิ่มขึ้นจากอัตราที่เรียกเก็บตามประมวลรัษฎากรดังต่อไปนี้
      (1)ในกรณีที่ประมวลรัษฎากรเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละศูนย์ให้สุขาภิบาล
เก็บในอัตราร้อยละศูนย์
      (2) ในกรณีที่ประมวลรัษฎากรเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราอื่นให้สุขาภิบาลเก็บหนึ่งใน
เก้าของอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่เรียกเก็บตามประมวลรัษฎากร
   ภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรานี้ ให้ถือเป็นภาษีมูลค่าเพิ่มตามประมวลรัษฎากร"

   มาตรา 5 ให้ยกเลิกความในมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติรายได้สุขาภิบาล พ.ศ. 2498
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรายได้สุขาภิบาล (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2503 และให้ใช้ความ
ต่อไปนี้แทน
      "มาตรา 9 สุขาภิบาลจะมอบให้กระทรวง ทบวง กรม ซึ่งมีหน้าที่จัดเก็บภาษีอากร หรือ
ค่าธรรมเนียมตามมาตรา 4 มาตรา 5 มาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 8 มาตรา 8 ทวิ มาตรา
8 ตรีหรือมาตรา 8 จัตวา เรียกเก็บภาษีอากรหรือค่าธรรมเนียมเพื่อสุขาภิบาลได้ในกรณีเช่นว่า
นี้ เมื่อได้หักค่าใช้จ่ายตามที่กำหนดในกฎกระทรวงแล้วให้ส่งมอบให้แก่สุขาภิบาลนั้น ๆ"

   มาตรา 6 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 10 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติรายได้สุขาภิบาล
พ.ศ. 2498
      "มาตรา 10 ทวิ การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 8 จัตวา ให้เป็นไปตามบทบัญญัติ
แห่งประมวลรัษฎากร และเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการจัดเก็บภาษีดังกล่าว การแต่งตั้ง
เจ้าหน้าที่สุขาภิบาลให้เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลรัษฎากร ขอบเขตอำนาจหน้าที่ของ
พนักงานเจ้าหน้าที่ดังกล่าว หลักเกณฑ์และวิธีการสำหรับการจดทะเบียน ภาษีมูลค่าเพิ่ม การยื่น
แบบแสดงรายการและการชำระภาษี ตลอดจนการควบคุมกำกับโดยกระทรวง ทบวง กรม ให้
เป็นไปตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา"

   มาตรา 7 ในระหว่างที่สุขาภิบาลยังมิได้มอบให้กรมสรรพากรเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อ
สุขาภิบาลตามมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติรายได้สุขาภิบาล พ.ศ. 2498 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย
พระราชบัญญัตินี้ ให้กรมสรรพากรเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อสุขาภิบาลเพิ่มขึ้นอีกเท่ากับอัตราภาษี
ตามมาตรา 8 จัตวา ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้
   การเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มของกรมสรรพากรตามมาตรานี้ ให้ถือว่าสุขาภิบาลได้มอบให้
กรมสรรพากรเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อสุขาภิบาลตามมาตรา 9

   มาตรา8ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
อานันท์ ปันยารชุน
นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัตินี้ คือ เนื่องจากพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่ม
เติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2534 ได้ยกเลิกภาษีการค้าและได้นำภาษีมูลค่าเพิ่ม
และภาษีธุรกิจเฉพาะมาใช้แทน สมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยรายได้สุขาภิบาลให้สอดคล้องกับ
การใช้ภาษีดังกล่าว ประกอบกับมีบทบัญญัติบางประการไม่สอดคล้องกับบทกฎหมายที่ได้
เปลี่ยนแปลงไปแล้วสมควรปรับปรุงให้เหมาะสมด้วย จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
(ร.จ. เล่ม 108 ตอนที่ 201 หน้า 203 วันที่ 21 พฤศจิกายน 2534)