พระราชบัญญัติ
                         รายได้เทศบาล (ฉบับที่ 3)
                              พ.ศ. 2534
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
                   ให้ไว้ ณ วันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2534
                        เป็นปีที่ 46 ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้
ประกาศว่า
   โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยรายได้เทศบาล
   จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของ
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ดังต่อไปนี้

   มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติรายได้เทศบาล (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2534"

   มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2535 เป็นต้นไป

   มาตรา 3 ให้ยกเลิกความในมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติรายได้เทศบาล พ.ศ. 2498 ซึ่ง
แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 327 ลงวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2515 และให้
ใช้ความต่อไปนี้แทน
      "มาตรา 12 เทศบาลมีอำนาจออกเทศบัญญัติเก็บภาษีอากรและค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นไม่เกิน
ร้อยละสิบของภาษีอากรและค่าธรรมเนียมดังต่อไปนี้ได้ทุกประเภทหรือเพียงบางประเภท คือ
      (1) ภาษีธุรกิจเฉพาะตามประมวลรัษฎากร ซึ่งประกอบการอยู่ในเขตเทศบาล
      (2) ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขายสุราตามกฎหมายว่าด้วยสุรา ซึ่งร้านขายสุราอยู่ใน
เขตเทศบาล
      (3) ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตในการเล่นการพนันตามกฎหมายว่าด้วยการพนัน ซึ่งสถานที่
เล่นการพนันอยู่ในเขตเทศบาล
   ในการเสียภาษีอากรและค่าธรรมเนียมตามมาตรานี้ เศษของหนึ่งบาทให้ตัดทิ้ง"

   มาตรา 4 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 12 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม โดย
ให้กำหนดเป็นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม เพิ่มขึ้นจากอัตราที่เรียกเก็บตามประมวลรัษฎากร ในอัตราดัง
ต่อไปนี้
      "มาตรา 12 ทวิ เทศบาลมีอำนาจออกเทศบัญญัติเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยให้กำหนดเป็น
อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม เพิ่มขึ้นจากอัตราที่เรียกเก็บตามประมวลรัษฎากร ในอัตราดังต่อไปนี้
      (1) ในกรณีที่ประมวลรัษฎากรเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละศูนย์ให้เทศบาลเก็บ
ในอัตราร้อยละศูนย์
      (2) ในกรณีที่ประมวลรัษฎากรเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราอื่น ให้เทศบาลเก็บหนึ่งใน
เก้าของอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่เรียกเก็บตามประมวลรัษฎากร"

   มาตรา 5 ให้ยกเลิกความในมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติรายได้เทศบาล พ.ศ. 2497 และ
ให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
      "มาตรา 14 ภาษีอากรและค่าธรรมเนียมตามมาตรา 11 มาตรา 12 มาตรา 12 ทวิ
ให้ถือเป็นภาษีอากรและค่าธรรมเนียมตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น
   เทศบาลจะมอบให้กระทรวง ทบวง กรม ซึ่งมีหน้าที่จัดเก็บภาษีอากรหรือค่าธรรมเนียมตาม
มาตรา 11 มาตรา 12 มาตรา 12 ทวิ หรือมาตรา 13 เรียกเก็บภาษีอากรหรือค่าธรรมเนียม
เพื่อเทศบาลก็ได้ ในกรณีเช่นว่านี้ เมื่อได้หักค่าใช้จ่ายตามที่กำหนดในกฎกระทรวงแล้วให้ส่งมอบ
ให้แก่เทศบาลนั้น ๆ เว้นแต่ภาษีบำรุงเทศบาลตามมาตรา 11 ให้ส่งมอบให้กระทรวงมหาดไทย
เพื่อจัดแบ่งให้เทศบาลตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง"

   มาตรา 6 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 14 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติรายได้เทศบาล พ.ศ.
2497
      "มาตรา 14 ทวิ การจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา 12 (1) และการจัดเก็บภาษี
มูลค่าเพิ่มตามมาตรา 12 ทวิ ให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากรและเพื่อประโยชน์ในการ
ดำเนินการจัดเก็บภาษีดังกล่าว การแต่งตั้งเจ้าหน้าที่เทศบาลให้เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม
ประมวลรัษฎากร ขอบเขตอำนาจหน้าที่ขอพนักงานเจ้าหน้าที่ดังกล่าวหลักเกณฑ์และวิธีการสำหรับ
การจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะและทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม การยื่นแบบแสดงรายการและการชำระ
ภาษี ตลอดจนการควบคุมกำกับโดยกระทรวง ทบวง กรม ให้เป็นไปตามที่กำหนดใน
พระราชกฤษฎีกา"

   มาตรา 7 ในระหว่างที่เทศบาลยังมิได้มอบให้กรมสรรพากรเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อ
เทศบาลตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติรายได้เทศบาล พ.ศ. 2497 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย
พระราชบัญญัตินี้ ให้กรมสรรพากรเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อเทศบาลเพิ่มขึ้นอีกเท่ากับอัตราภาษี
ตามมาตรา 12 ทวิ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้
   การเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มของกรมสรรพากรตามมาตรานี้ ให้ถือว่าเทศบาลได้มอบให้
กรมสรรพากรเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อเทศบาลตามมาตรา 14

   มาตรา8ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
อานันท์ ปันยารชุน
นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากพระราชบัญญัติแก้ไข
เพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2534 ได้ยกเลิกภาษีการค้าและได้นำภาษีมูลค่าเพิ่ม
และภาษีธุรกิจเฉพาะมาใช้แทน สมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยรายได้เทศบาลให้สอดคล้องกับ
การใช้ภาษีดังกล่าวประกอบกับมีบทบัญญัติบางประการไม่สอดคล้องกับบทกฎหมายที่ได้เปลี่ยนแปลงไป
แล้วสมควรปรับปรุงให้เหมาะสมด้วย จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
(ร.จ. เล่ม 108 ตอนที่ 201 หน้า 198 วันที่ 21 พฤศจิกายน 2534)