พระราชบัญญัติ คุ้มครองการดำเนินงานของบรรษัทประกันต่อแห่งเอเชีย พ.ศ. 2534 |
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2534 เป็นปีที่ 46 ในรัชกาลปัจจุบัน |
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองการดำเนินงานของบรรษัทประกันต่อแห่ง เอเชีย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของบรรษัท ประกันต่อแห่งเอเชีย พ.ศ. 2534"
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้น ไป
มาตรา 3 ในพระราชบัญญัตินี้ "บรรษัท" หมายความว่า บรรษัทประกันต่อแห่งเอเชียซึ่งตั้งขึ้นตามความตกลงว่าด้วย การจัดตั้งบรรษัทประกันต่อแห่งเอเชีย ระหว่างประเทศกำลังพัฒนาแห่งภูมิภาคซึ่งเป็นสมาชิก และสมาชิกสมทบของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิคทำณ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย และรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยได้ลงนาม เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2520 "บรรณสาร" หมายความว่า บันทึก หนังสือโต้ตอบ เอกสาร เอกสารต้นฉบับ ไมโครฟิล์มภาพนิ่ง ภาพยนตร์ฟิล์มและแถบบันทึกเสียง ซึ่งเป็นของหรืออยู่ในความครอบครอง ของบรรษัท
มาตรา 4 เพื่อคุ้มครองการดำเนินงานในประเทศไทยของบรรษัทให้บรรลุผลตามความมุ่ง ประสงค์ (1) ให้ยอมรับนับถือว่าบรรษัทเป็นนิติบุคคลและให้ถือว่ามีภูมิลำเนาในประเทศไทย (2) ให้ทรัพย์สินของบรรษัทที่อยู่ในประเทศไทยได้รับการคุ้มกันจากการเวนคืน ไม่ว่า โดยวิธีใด ๆ เว้นแต่จะเป็นการเวนคืนเพื่อประโยชน์สาธารณะและทางราชการได้มีการกำหนด เงินค่าทดแทนให้ตามความเป็นธรรมโดยมิชักช้า (3) บรรณสารของบรรษัทจะถูกละเมิดมิได้เว้นแต่ในกรณีที่เป็นคำสั่งของศาล (4) ให้บรรณสารของบริษัทโอนเงินตราต่างประเทศจากบัญชีเงินตราต่างประเทศของ บรรษัทได้ตามความจำเป็นสำหรับการดำเนินงานของบรรษัท โดยไม่ต้องได้รับอนุญาตตาม กฎหมายว่าด้วยการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินแต่บรรษัทต้องรายงานการโอนเงินดังกล่าว ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยทราบ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
มาตรา 5 ภายใต้บังคับมาตรา 6 ให้บรรษัทได้รับยกเว้นภาษีอากรทั้งปวงสำหรับกองทุนเบี้ย ประกันภัย เงินได้ที่ได้จากนอกราชอาณาจักร และเงินปันผลของผู้ถือหุ้นของบรรษัท รวมทั้งพัน ธกรณีที่จะต้องชำระภาษีและหักภาษี ณ ที่จ่าย
มาตรา 6 เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีอากร ให้ถือว่าบรรษัทเป็นบริษัทตามประมวล กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และบรรษัทต้องเสียภาษีเงินได้ตามประมวลรัษฎากรสำหรับกำไรสุทธิที่ ได้จากการประกอบกิจการของบรรษัทในราชอาณาจักร ในการกำหนดกำไรสุทธิของบรรษัทที่จะต้องเสียภาษี ให้นำเฉพาะเงินได้ที่ได้ใน ราชอาณาจักร เว้นแต่เงินได้จากการรับประกันภัยมารวมคำนวณเป็นเงินได้ของบรรษัทส่วน รายจ่ายของสำนักงานใหญ่ของบรรษัทให้คำนวณตามอัตราส่วนของรายรับทั้งหมด เว้นแต่รายรับ จากการรับประกันภัยในราชอาณาจักร
มาตรา7ในการดำเนินงานของบรรษัทในราชอาณาจักรให้บรรษัทได้รับยกเว้นการปฏิบัติ ตามกฎหมายว่าด้วยการประกันชีวิตและกฎหมายว่าด้วยการประกันวินาศภัย
มาตรา 8 ให้บรรษัทได้รับยกเว้นภาษีโรงเรือนและที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยภาษีโรงเรือนและ ที่ดินและภาษีบำรุงท้องที่ตามกฎหมายว่าด้วยภาษีบำรุงท้องที่สำหรับทรัพย์สินที่ใช้เป็นที่ตั้งสำนักงาน ใหญ่ของบรรษัท
มาตรา 9 ให้เครื่องจักร เครื่องเรือน เครื่องใช้ในสำนักงาน รถยนต์ และ รถจักรยานยนต์ของบรรษัทที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อใช้ในการดำเนินงานตาม วัตถุประสงค์ และได้รับความเห็นชอบในการนำเข้าจากกระทรวงการต่างประเทศแล้ว ได้รับ ยกเว้นอากรตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากรและภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากรและ ค่าธรรมเนียมอื่น แต่ถ้าต่อมาได้มีการจำหน่ายทรัพย์สินดังกล่าวในราชอาณาจักรให้ปฏิบัติตาม กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
มาตรา10 ให้ผู้แทนประเทศสมาชิกของบรรษัทซึ่งมิได้มีสัญชาติไทย และไม่มีถิ่นที่อยู่ถาวรใน ประเทศไทยได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามประมวลรัษฎากรเฉพาะเงินได้ที่ได้รับจากบรรษัท
มาตรา 11 ให้พนักงานของบรรษัทซึ่งมิได้มีสัญชาติไทยและไม่มีถิ่นที่อยู่ถาวรในประเทศไทย ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้ให้ความเห็นชอบแล้วได้รับยกเว้น (1) ภาษีเงินได้ตามประมวลรัษฎากรเฉพาะเงินได้ที่ได้รับจากบรรษัท (2) การปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าว (3) อากรตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากรและภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากร และค่าธรรมเนียมอื่นสำหรับของใช้ส่วนตัว ของใช้ในบ้าน และรถยนต์หนึ่งคันที่นำเข้ามาใน ราชอาณาจักรภายในหกเดือนนับแต่วันรับหน้าที่ในประเทศไทยและได้รับความเห็นชอบในการ นำเข้าจากกระทรวงการต่างประเทศแล้ว แต่ถ้าต่อมาได้มีการจำหน่ายทรัพย์สินดังกล่าวใน ราชอาณาจักรให้ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (4) ข้อจำกัดเกี่ยวกับการเข้าเมืองตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง นอกจากในส่วนที่ ว่าด้วยการเป็นโรคที่ต้องห้ามมิให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร และการมีพฤติการณ์เป็นที่ น่าเชื่อว่าเป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร (5) การปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนคนต่างด้าว ให้คู่สมรสบิดามารดาและบุตรซึ่งอยู่ในความอุปการะของพนักงานของบรรษัทตาม มาตรานี้ และกระทรวงการต่างประเทศได้ให้ความเห็นชอบแล้ว ได้รับยกเว้นตาม (4) และ (5) ด้วย
มาตรา12ให้บรรษัทได้รับยกเว้นภาษีอากรทั้งปวงสำหรับเงินได้ที่ได้จากการลงทุนของ บรรษัทในรูปหลักทรัพย์ของรัฐบาลและเงินฝากกับธนาคารหรือสถาบันการเงินภายในวงเงินไม่ เกินสี่สิบล้านบาทเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ความตกลงว่าด้วยสำนักงานใหญ่ของบรรษัทประกันต่อ แห่งเอเชียระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับบรรษัทประกันต่อแห่งเอเชียทำณกรุงเทพ มหานคร ประเทศไทย เมื่อวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2530 มีผลใช้บังคับ
มาตรา13ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและรัฐมนตรีว่ากระทรวงพาณิชย์ รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ อานันท์ ปันยารชุน นายกรัฐมนตรี |
หมายเหตุ:-เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้คือเนื่องจากรัฐบาลได้ลงนามใน ความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งบรรษัทประกันต่อแห่งเอเชียซึ่งมีความมุ่งประสงค์ในอันที่จะส่งเสริม และเร่งรัดพัฒนาธุรกิจการประกันต่อของประเทศไทยและของประเทศที่กำลังพัฒนาอื่นในเอเชีย เพื่อช่วยประหยัดเงินตราที่แต่ละประเทศต้องส่งออกในรูปของการชำระเบี้ยประกันภัยกับประเทศ ต่าง ๆ ที่พัฒนาแล้ว และเพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย และความ ตกลงดังกล่าวกำหนดให้มีสำนักงานใหญ่ของบรรษัทขึ้นในประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลได้ตกลงที่จะให้ ความคุ้มครองการดำเนินงานของบรรษัทดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ (ร.จ. เล่ม 108 ตอนที่ 146 หน้า 20 วันที่ 2 สิงหาคม 2534) |