พระราชบัญญัติ เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ พ.ศ. 2534 |
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2534 เป็นปีที่ 46 ในรัชกาลปัจจุบัน |
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรให้มีกฎหมายว่าด้วยเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่ง ดิเรกคุณาภรณ์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินดีของ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญ ยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ พ.ศ. 2534"
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้มีเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์
มาตรา 4 พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประธานของเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่ง ดิเรกคุณาภรณ์ และทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจที่จะพระราชทานและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์นี้
มาตรา 5 เครื่องราชอิสริยาภรณ์นี้ สำหรับพระราชทานแก่ผู้กระทำความดีความชอบอันเป็น ประโยชน์แก่ประเทศ ศาสนา และประชาชน ตามที่ทรงพระราชดำริเห็นสมควร การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์นี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา
มาตรา 6 เครื่องราชอิสริยาภรณ์นี้ แบ่งเป็น 7 ชั้น มีนามดังต่อไปนี้ ชั้นที่ 1 ปฐมดิเรกคุณาภรณ์ อักษรย่อ ป.ภ. ชั้นที่ 2 ทุติยดิเรกคุณาภรณ์ อักษรย่อ ท.ภ. ชั้นที่ 3 ตติยดิเรกคุณาภรณ์ อักษรย่อ ต.ภ. ชั้นที่ 4 จตุตถดิเรกคุณาภรณ์ อักษรย่อ จ.ภ. ชั้นที่ 5 เบญจมดิเรกคุณาภรณ์ อักษรย่อ บ.ภ. ชั้นที่ 6 เหรียญทองดิเรกคุณาภรณ์ อักษรย่อ ร.ท.ภ. ชั้นที่ 7 เหรียญเงินดิเรกคุณาภรณ์ อักษรย่อ ร.ง.ภ.
มาตรา 7 เครื่องราชอิสริยาภรณ์นี้มีลักษณะดังต่อไปนี้ คือ ชั้นที่ 1 ปฐมดิเรกคุณาภรณ์ ดวงตราด้านหน้ามีรูปครุฑพ่าห์สีทองอยู่ในทรงกลม พื้นลงยาสีแดงขอบเป็นสร่งเงิน รอบนอกมี กระจังเงินแปดทิศและมีเปลวรัศมีทองแทรกตามระหว่าง เบื้องบนมีพระมหามงกุฎทองมีรัศมี ห้อย กับสายสะพายขนาดกว้าง 10 เซนติเมตร สีเขียว ริมสีแดงตลอด มีริ้วสีขาวและสีเหลือขาดเล็ก ควบคั่นทั้งสองข้าง ด้านหลังเป็นดุมสีทองมีอักษรพระปรมาภิไธยย่อ ภ.ป.ร. ลงยาสีขาว สะพาย บ่าขวาเฉียงลงทางซ้าย กับมีดาราอย่างดวงตรา แต่เบื้องบนมีพระมหามงกุฎและอุณาโลมสีทอง ขอบเป็นสร่งทอง รอบนอกมีกระจังเงินแปดทิศ มีรัศมีทองแทรกตามระหว่างประดับที่อกเสื้อ เบื้องซ้าย ด้านหลังเป็นดุมสีทองอย่างดวงตรา สำหรับพระราชทานสตรี ดวงตรา ดาราและสายสะพายมีขนาดย่อมกว่า ชั้นที่ 2 ทุติยดิเรกคุณาภรณ์ ดวงตราด้านหน้ามีรูปครุฑพ่าห์สีทองอยู่ในวงกลม พื้นลงยาสีแดงขอบเป็นสร่งเงิน รอบนอกมี กระจังเงินแปดทิศและมีเปลวรัศมีทองแทรกตามระหว่าง ด้านหลังเป็นดุมสีทอง มีอักษร พระปรมาภิไธยย่อ ภ.ป.ร. ลงยาสีขาว เบื้องบนมีพระมหามงกุฎทองมีรัศมี ห้อยกับแพรแถบ ขนาดกว้าง 4 เซนติเมตร สีเขียว ริมสีแดงชาด มีริ้วสีขาวและสีเหลืองขนาดเล็กควบคั่นทั้ง สองข้าง ให้สวมคอ กับมีดาราอย่างดวงตรา แต่เบื้องบนมีพระมหามงกุฎและอุณาโลมสีทอง ขอบเป็นสร่งเงิน รอบนอกมีกระจังเงินแปดทิศ มีรัศมีทองแทรกตามระหว่าง ประดับที่อกเสื้อ เบื้องซ้าย ด้านหลังเป็นดุมสีทองอย่างดวงตรา สำหรับพระราชทานสตรี ดวงตรา ดารา มีขนาดย่อมกว่า และดวงตราห้อยกับแพรแถบผูก เป็นรูปแมลงปอ ประดับเสื้อที่หน้าบ่าซ้าย ชั้นที่ 3 ตติยดิเรกคุณาภรณ์ ดวงตราอย่างทุติยดิเรกคุณาภรณ์ ห้อยกับแพรแถบขนาดกว้าง 4 เซนติเมตร ใช้สวมคอ สำหรับพระราชทานสตรี ดวงตรามีขนาดย่อมกว่า และห้อยกับแพรแถบผูกเป็นรูปแมลงปอ ประดับเสื้อที่หน้าบ่าซ้าย ชั้นที่ 4 จตุตถดิเรกคุณาภรณ์ ดวงตราอย่างตติยดิเรกคุณาภรณ์ แต่ย่อมกว่า ห้อยกับแพรแถบขนาดกว้าง 3 เซนติเมตร มีดอกไม้จีบติดบนแพรแถบ ประดับที่อกเสื้อเบื้องซ้าย สำหรับพระราชทานสตรี แพรแถบผูกเป็นรูปแมลงปอ ประดับเสื้อที่หน้าบ่าซ้าย ชั้นที่ 5 เบญจมดิเรกคุณาภรณ์ ดวงตราอย่างจตุตถดิเรกคุณาภรณ์ ห้อยกับแพรแถบขนาดกว้าง 3 เซนติเมตร แต่ไม่มีดอกไม้ จีบติดบนแพรแถบ ประดับที่อกเสื้อเบื้องซ้าย สำหรับพระราชทานสตรี แพรแถบผูกเป็นรูปแมลงปอ ประดับเสื้อที่หน้าบ่าซ้าย ชั้นที่6 เหรียญทองดิเรกคุณาภรณ์ เหรียญรูปกลมสีทอง ด้านหน้ามีรูปครุฑพ่าห์อยู่ตรงกลาง ล้อมรอบด้วยกระจังกลีบบัวแปดกลีบ เบื้องบนมีพระมหามงกุฎมีรัศมีและอุณาโลม ห้อยกับแพรแถบขนาดกว้าง 3 เซนติเมตร สีเขียว ริมสีแดงชาด มีริ้วสีขาวและสีเหลืองขนาดเล็กควบคั่นทั้งสองข้าง ด้านหลังมีอักษรพระปรมาภิไธย ย่อภ.ป.ร. ประดับที่อกเสื้อเบื้องซ้าย สำหรับพระราชทานสตรี แพรแถบผูกเป็นรูปแมลงปอ ประดับเสื้อที่หน้าบ่าซ้าย ชั้นที่ 7 เหรียญเงินดิเรกคุณาภรณ์ เหรียญรูปกลมสีเงิน มีลักษณะและห้อยกับแพรแถบอย่างเดียวกับเหรียญทองดิเรกคุณาภรณ์ ประดับที่อกเสื้อเบื้องซ้าย สำหรับพระราชทานสตรี แพรแถบผูกเป็นรูปแมลงปอ ประดับเสื้อที่หน้าบ่าซ้าย
มาตรา 8 ผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์นี้ จะได้ประกาศนามในราชกิจจานุเบกษา สำหรับผู้ซึ่งได้รับพระราชทานตั้งแต่ชั้นที่ 5 ขึ้นไป ให้มีประกาศนียบัตรทรงลงพระปรมาภิไธยและ ประทับพระราชลัญฉกร
มาตรา 9 เมื่อผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์นี้ ได้รับพระราชทานชั้นสูงขึ้น ผู้รับ พระราชทานต้องส่งคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นรอง หรือในกรณีที่ทรงเรียกเครื่องราชอิสริยาภรณ์นี้ คืนตามความในมาตรา 4 ถ้าผู้รับพระราชทานส่งคืนไม่ได้ด้วยประการใด ๆ ผู้รับพระราชทานจะต้อง ใช้ราคาเครื่องราชอิสริยาภรณ์นี้ตามที่ทางราชการกำหนด
มาตรา 10 ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ อานันท์ ปันยารชุน นายกรัฐมนตรี |
หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ปรากฏว่าได้มีบุคคลซึ่ง กระทำความดีความชอบอันเป็นประโยชน์แก่ประเทศ ศาสนา และประชาชนมากขึ้นเป็นลำดับ เท่าที่ปฏิบัติมาแล้วรัฐบาลได้ตอบสนองคุณงามความดีด้วยการขอพระราชทานเครื่องราช อิสริยาภรณ์สองตระกูล คือ เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก และเครื่องราช อิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทยให้เป็นบำเหน็จ แต่เพื่อให้เกิดความเหมาะสมยิ่งขึ้นจึง เห็นสมควรสร้างเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตระกูลใหม่ขึ้นโดยเฉพาะ สำหรับพระราชทานเป็น บำเหน็จความดีความชอบแก่บุคคลผู้ทำประโยชน์ดังกล่าวนั้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ (ร.จ. เล่ม 108 ตอนที่ 127 หน้า 1 วันที่ 22 กรกฎาคม 2534) |