พระราชบัญญัติ โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดกระแชง ตำบลกระแชง อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. 2533 |
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2533 เป็นปีที่ 45 ในรัชกาลปัจจุบัน |
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดกระแชง ตำบลกระแชง อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้แก่กรมชลประทาน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของ รัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดกระแชง ตำบลกระแชง อำเภอบางไทรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. 2533"
มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดกระแชง ตำบลกระแชง อำเภอบางไทร จังหวัด พระนครศรีอยุธยา เนื้อที่ 1 ไร่ 3 งาน87 ตารางวา ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้าย พระราชบัญญัตินี้ ให้แก่กรมชลประทาน
มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ นายกรัฐมนตรี |
หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากกรมชลประทาน ได้ขุดคลองส่งน้ำสาย 1 ขวา ส. 8 เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานตามโครงการบางบาล ที่ ตำบลกระแชง อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและได้ทำการสำรวจแล้วปรากฏว่า แนวเขตคลองส่งน้ำสายนี้ตอน กม. ที่ 1.800 ถูกที่ธรณีสงฆ์ วัดกระแชง ตำบลกระแชง อำเภอ บางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเนื้อที่ 1 ไร่ 3 งาน 87 ตารางวา ตามโฉนดที่ดิน เลขที่ 1126 คณะกรรมการจัดซื้อและกำหนดค่าทดแทนทรัพย์สินเพื่อการชลประทานจังหวัด พระนครศรีอยุธยา ได้กำหนดค่าผาติกรรมให้แล้ว กรมชลประทานจึงได้ติดต่อกับกรมการศาสนา เพื่อขอโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ดังกล่าวให้แก่กรมชลประทานซึ่งกรมการศาสนาได้นำเสนอ มหาเถรสมาคมพิจารณาแล้วไม่ขัดข้อง และกรมชลประทานได้ชำระค่าผาติกรรมเป็นค่าทดแทน แล้ว สมควรโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ดังกล่าวให้แก่กรมชลประทาน จึงจำเป็นต้องตรา พระราชบัญญัตินี้ (แผนที่ท้ายพระราชบัญญัตินี้ดูได้จาก ร.จ.เล่ม 107 ตอนที่ 218 หน้า 32 29 ตุลาคม 2533) |