พระราชบัญญัติ
            คุ้มครองการดำเนินงานของศูนย์ฝึกอบรมการไปรษณีย์
                      แห่งเอเชียและแปซิฟิก
                         พ.ศ. 2533
   ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
               ให้ไว้ ณ วันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2533
                   เป็นปีที่ 45 ในรัชกาลปัจจุบัน
   พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้
ประกาศว่า
   โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองการดำเนินงานของศูนย์ฝึกอบรม
การไปรษณีย์แห่งเอเชียและแปซิฟิก
   จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของ
รัฐสภา ดังต่อไปนี้

   มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของศูนย์ฝึกอบรม
การไปรษณีย์แห่งเอเชียและแปซิฟิก พ.ศ. 2533"

   มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป

   มาตรา 3 ในพระราชบัญญัตินี้
   "ศูนย์" หมายความว่า ศูนย์ฝึกอบรมการไปรษณีย์แห่งเอเชียและแปซิฟิก ซึ่งประเทศสมาชิก
สหภาพไปรษณีย์แห่งเอเชียและแปซิฟิกได้ร่วมกันจัดตั้งขึ้นในประเทศไทยตามอนุสัญญาไปรษณีย์แห่ง
เอเชียและแปซิฟิก
   "เจ้าหน้าที่ของศูนย์" หมายความว่า ผู้อำนวยการศูนย์และผู้ดำรงตำแหน่งอื่น ซึ่ง
กระทรวงการต่างประเทศให้ความเห็นชอบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของศูนย์

   มาตรา 4 ให้ศูนย์เป็นนิติบุคคลและให้ถือว่ามีภูมิลำเนาในประเทศไทย

   มาตรา 5 ให้ศูนย์ให้รับยกเว้นการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน

   มาตรา 6 ให้ศูนย์ได้รับยกเว้น
           (1) อากรแสตมป์ซึ่งเรียกเก็บตามประมวลรัษฎากรสำหรับเงินที่ศูนย์ได้รับจาก
การบริจาคและค่าธรรมเนียมการศึกษา
           (2) อากรตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากรและภาษีการค้าตาม
ประมวลรัษฎากร สำหรับวัสดุและอุปกรณ์ที่ศูนย์นำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อการฝึกอบรมและ
วิจัย อันเป็นการดำเนินงานตามปกติวิสัยตามวัตถุประสงค์ของศูนย์ ทั้งนี้เฉพาะวัสดุและอุปกรณ์ที่
กระทรวงการต่างประเทศได้ให้ความเห็นชอบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร
           (3) ภาษีโรงเรียนและที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยภาษีโรงเรียนและที่ดิน และ
ภาษีบำรุงท้องที่ตามกฎหมายว่าด้วยภาษีบำรุงท้องที่ สำหรับทรัพย์สินที่ใช้เกี่ยวกับการฝึกอบรมและ
วิจัย หรือที่ใช้เป็นหอพักหรือบ้านพักของผู้รับการฝึกอบรมหรือเจ้าหน้าที่ของศูนย์ซึ่งอยู่ในบริเวณ
ที่ตั้งของศูนย์ ทั้งนี้เฉพาะทรัพย์สินที่เป็นของศูนย์และกระทรวงการต่างประเทศให้ความเห็นชอบ
ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี
           (4) ภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับรายได้จากการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ของ
ศูนย์

   มาตรา 7 ให้เจ้าหน้าที่ของศูนย์ซึ่งไม่มีสัญชาติไทยหรือไม่มีถิ่นที่อยู่เป็นการถาวรในประเทศ
ไทยได้รับยกเว้น
           (1) ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินเดือนและเงินตอบแทนที่ได้รับจากศูนย์
           (2) อากรตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากรและภาษีการค้าตาม
ประมวลรัษฎากร สำหรับเครื่องเรือนและของใช้ส่วนตัว ซึ่งนำเข้ามาภายในหกเดือนนับจากวันที่
เข้ามารับหน้าที่ครั้งแรกในประเทศไทยเว้นแต่ยานยนตร์ไม่ให้ได้รับการยกเว้นอากร
   ทั้งนี้เมื่อได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการต่างประเทศแล้ว

   มาตรา 8 ภายใต้บังคับกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง เพียงเท่าที่พระราชบัญญัตินี้มิได้ระบุไว้
เป็นอย่างอื่น คนต่างด้าวซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อปฏิบัติหน้าที่ของศูนย์หรือเพื่อเข้ารับการ
อบรมให้ได้รับยกเว้นจากข้อจำกัดตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเกี่ยวกับจำนวนคนเข้าเมือง
และระยะเวลาที่จะได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรตามความจำเป็นในการปฏิบัติหน้าที่ของ
ศูนย์หรือในการฝึกอบรมตลอดเวลาที่อยู่ในตำแหน่งหรือฐานะดังต่อไปนี้
           (1) กรรมการในคณะกรรมการบริหารของศูนย์
           (2) เจ้าหน้าที่ของศูนย์
           (3) ผู้ฝึกอบรม
           (4) ผู้รับการฝึกอบรม
           คู่สมรสและบุตรซึ่งอยู่ในความอุปการะและเป็นส่วนแห่งครัวเรือนของบุคคลใน
(1) (2) และ (3) ให้ได้รับยกเว้นเช่นเดียวกันกับบุคคลนั้น ๆ
   ทั้งนี้ เฉพาะที่กระทรวงการต่างประเทศให้ความเห็นชอบในการยกเว้น

   มาตรา 9 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ
นายกรัฐมนตรี
   หมายเหตุ:- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ประเทศไทยได้
ลงนามในความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับสหภาพไปรษณีย์แห่งเอเชียและ
แปซิฟิกว่าด้วยสิทธิพิเศษของศูนย์ฝึกอบรมการไปรษณีย์แห่งเอเชียและแปซิฟิก ซึ่งตามความตกลง
ดังกล่าวได้กำหนดให้ศูนย์ฝึกอบรมการไปรษณีย์แห่งเอเชียและแปซิฟิกเป็นนิติบุคคลและมีสำนักงาน
ตั้งอยู่ในประเทศไทย และรัฐบาลไทยตกลงที่จะให้สิทธิพิเศษบางประการเพื่อคุ้มครอง
การดำเนินงานของศูนย์ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
(ร.จ.เล่ม 107 ตอนที่ 169 หน้า 363  11 กันยายน 2533)